เด็กจบใหม่ขอเงินเดือนเกินจริง เงินเฟ้อพุ่ง นายจ้างจ่ายไม่ไหว!

เด็กจบใหม่ในสหรัฐคาดหวังค่าจ้างช่วงเริ่มต้นอาชีพแตะ 100,000 ดอลลาร์ต่อปี แต่ตลาดแรงงานอาจไม่ตามทัน (รายได้จริงน้อยกว่าที่คาด) เหตุค่าครองชีพสูงขึ้น หนี้สินล้นตัว
KEY
POINTS
- Gen Z จบใหม่ปี 2025 คาดหวังเงินเดือนเฉลี่ยปีละ 101,500 ดอลลาร์ (ราวๆ 3,300,000 บาทต่อปี) แต่รายได้จริงอยู่ที่เพียง 68,400 ดอลลาร์ (ราวๆ 2,200,000 บาทต่อปี) สะท้อนความคาดหวังสูงเกินจริงจนน่าตกใจ
- ค่าครองชีพพุ่ง-หนี้กู้ยืมการศึกษาล้นพ้นตัว ทำคนรุ่นใหม่ตั้งมาตรฐานรายได้สูงขึ้น ไม่ใช่เพราะอยากเรียกร้องเงินเดือนเยอะกว่าวัยทำงานรุ่นก่อนๆ แต่เพราะต้องการมีเงินให้พอใช้ในแต่ละเดือน
- คาดว่า Gen Z จะเป็นแรงงานหลักถึง 58% ภายในปี 2030 หากบริษัทไม่ปรับตัว อาจเจอปัญหาแย่งคนเก่งระหว่างอุตสาหกรรมต่างๆ ในอนาคต
ความคาดหวังเรื่องเงินเดือนของคนรุ่น Gen Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997-2012) กำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่กดดันทั่วโลก ผลสำรวจล่าสุดชี้ เด็กจบใหม่ ปี 2025 ในสหรัฐคาดหวังค่าจ้างช่วงเริ่มต้นอาชีพสูงเกินจริง เฉลี่ยแตะ 100,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยเพิ่มขึ้นจากเมื่อ 2 ปีที่แล้ว (ปี 2023) กว่า 30,000 ดอลลาร์ แต่รายได้จริงกลับพบว่าห่างไกลจากตัวเลขในฝัน ท่ามกลางค่าครองชีพพุ่งสูง หนี้สินล้นตัว และความฝันเรื่องการซื้อบ้านที่ดูเลือนลาง
ข้อมูลการสำรวจดังกล่าวจัดทำโดย ZipRecruiter ซึ่งระบุว่า ในปี 2023 บัณฑิตชายจบใหม่ในสหรัฐฯ คาดหวังจะได้งานที่มีรายได้ปีละ 71,900 ดอลลาร์ (ราวๆ 2,300,000 บาทต่อปี) แต่พอถึงปี 2025 ตัวเลขนั้นทะยานขึ้นเป็นปีละ 101,500 ดอลลาร์ (ราวๆ 3,300,000 บาทต่อปี) ซึ่งสูงกว่าเดิมมากจนน่าตกใจ
ขณะที่ตลาดงานจริงอาจไม่สามารถตอบสนองค่าจ้างแพงได้เท่าที่คิด ในปี 2025 ผู้สำเร็จการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่เพิ่งเริ่มทำงาน มีรายได้เฉลี่ยเพียง 68,400 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 2,200,000 บาทต่อปี) เท่านั้น
เงินเฟ้อพุ่งไม่หยุด ดันคนรุ่นใหม่คาดหวังเงินเดือนสูงตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพ
เมื่อเทียบกับสองปีก่อน ความคาดหวังเงินเดือนของบัณฑิตใหม่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน ย้อนกลับไปปี 2023 ผู้หญิงคาดหวังเงินเดือนที่ 69,200 ดอลลาร์ ส่วนผู้ชายอยู่ที่ 71,900 ดอลลาร์
แม้เมื่อปรับตามอัตราเงินเฟ้อแล้ว การเพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 23,000 ดอลลาร์อาจดูสมเหตุสมผล แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านแรงงานบางรายมองว่า นี่สะท้อนถึงการที่คนรุ่นใหม่เริ่มตระหนักถึง “คุณค่าของแรงงานตัวเอง” มากขึ้น
ไบรอัน ดริสคอลล์ (Bryan Driscoll) ที่ปรึกษาทรัพยากรบุคคล (HR) ให้สัมภาษณ์กับ Newsweek ว่า “รายได้จริงของคนวัยทำงานลดลงมาหลายปี ในขณะที่บริษัทยังทำกำไรเป็นสถิติใหม่ และแจกโบนัสมหาศาลให้ผู้บริหาร ซึ่ง Gen Z มองเห็นความเหลื่อมล้ำนี้และพร้อมจะเรียกร้องมากขึ้น พวกเขารู้ว่าแรงงานของตัวเองมีค่า และไม่กลัวที่จะเดินออกจากองค์กรที่ไม่เห็นคุณค่าเหล่านั้น”
เควิน ธอมป์สัน (Kevin Thompson) ซีอีโอของ 9i Capital และผู้จัดพอดแคสต์ 9innings ในฐานะนักเศรษฐศาสตร์ มองว่า “ค่าครองชีพที่สูงขึ้นไม่ใช่แค่ความรู้สึกหรือคิดไปเอง แต่เป็นสิ่งที่เด็กจบใหม่กำลังเผชิญอยู่จริงๆ ค่าเช่า ค่าอยู่ค่ากิน ใช้จ่ายข้าวของส่วนตัวก็แพงไปหมด หรือแม้แต่ฝันที่จะมีบ้านเป็นของตัวเองก็แทบเป็นไปไม่ได้ เพราะเงินเฟ้อดันราคาทุกอย่างให้สูงขึ้น ทำให้ความคาดหวังเรื่องรายได้สูงขึ้นตามไปด้วย”
คนรุ่นใหม่ต้องสู้กับค่าเช่า-ค่ากิน ที่แพงขึ้น แต่ก็อยากใช้จ่ายกับความบันเทิง-การท่องเที่ยวด้วย
ขณะที่ อเล็กซ์ บีน (Alex Beene) อาจารย์สอนความรู้ทางการเงินจากมหาวิทยาลัยเทนเนสซี เสริมว่า “คนรุ่นก่อนอาจจะมองว่า Gen Z เรียกร้องเงินเดือนสูงเกินจริง แต่ต้องเข้าใจว่าเงินเฟ้อในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ทำให้การใช้ชีวิตในแบบที่พวกเขาต้องการ จำเป็นต้องมีรายได้ที่มากขึ้นโดยปริยาย โดยเฉพาะเมื่อคนรุ่นนี้มักใช้จ่ายกับความบันเทิงและการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสองอุตสาหกรรมที่ขึ้นราคาพุ่งพรวดหลังโควิด”
ดริสคอลล์ในฐานะ HR ย้ำว่า เด็กจบใหม่รุ่น Gen Z ไม่ได้อยู่ดีๆ ก็มโนเล่นๆ ว่าอยากได้เงินเดือนหลักแสน แต่พวกเขาเรียกค่าจ้างที่ตอบสนองต่อการใช้ชีวิตตามความเป็นจริงของยุคนี้ ทั้งค่าเช่าที่พุ่งสูง หนี้กู้ยืมเรียนที่มหาศาล และงานที่นายจ้างต้องการผลงานมากขึ้นแต่จ่ายน้อยลง ถ้าจะให้พูดตรงๆ มันคือคณิตศาสตร์พื้นฐาน และผมยังคิดว่าพวกเขาประเมินต่ำเกินไปด้วยซ้ำ”
อย่างไรก็ตาม ปฏิเสธไม่ได้ว่า Gen Z กำลังกลายเป็นกำลังหลักของตลาดแรงงานทั้งตอนนี้และในอนาคต โดยคาดว่าจะคิดเป็นถึง 58% ของแรงงานทั่วโลกภายในปี 2030 ซึ่งความคาดหวังด้านเงินเดือนที่สูงกว่าความเป็นจริง อาจกลายเป็นชนวนความขัดแย้งระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างในอนาคตได้
“เงินเฟ้อไม่ได้กดดันแค่ผู้บริโภค แต่นายจ้างก็รู้สึกไม่ต่างกัน เพราะถ้าอยากรักษาคนเก่งเอาไว้ ก็ต้องจ่ายให้คุ้มค่า ซึ่ง Gen Z รู้ว่าตัวเองมีค่า และถ้าที่หนึ่งไม่จ่ายตามที่ควรจะได้ ก็มีที่อื่นที่พร้อมจ่ายให้” นักเศรษฐศาสตร์อธิบายทิ้งท้าย
อ้างอิง: Newsweek, Ziprecruiter research







