5 อาชีพเสี่ยงอันตรายต่างแดน แต่รายได้ดีเกินคาดแตะหลักล้านบาท

5 อาชีพเสี่ยงอันตรายต่างแดน แต่รายได้ดีเกินคาดแตะหลักล้านบาท

เปิด 5 อาชีพสุดโหดในสหรัฐอเมิรกา เสี่ยงอันตราย ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมเสี่ยงตาย เช่น แท่นขุดเจาะน้ำมัน, ใต้เหมือง, ใกล้ภูเขาไฟ แต่รายได้เฉลี่ยสูงถึงหลักล้านบาทต่อปี

KEY

POINTS

  • 5 อาชีพสุดโหด เสี่ยงอันตรายในอเมริกา ต้องทำงานในสภาพแวดล้อมเสี่ยงตาย เช่น บนแท่นขุดเจาะน้ำมัน ใต้เหมือง หรือใกล้ภูเขาไฟ แต่ให้ค่าตอบแทนสูง
  • รายได้เฉลี่ยสูงถึงหลักล้านบาทต่อปี ส่วนใหญ่เริ่มต้นราว 3-5 ล้านบาท โดยเฉพาะตำแหน่งที่ใช้ทักษะเฉพาะทางหรือทำงานในพื้นที่อันตราย
  • เทรนด์พลังงาน-เทคโนโลยี มีผลต่อระดับค่าจ้าง เช่น การใช้ AI ในงานวิทยาศาสตร์ หรือภาษีนำเข้าส่งผลต่อต้นทุนอุตสาหกรรมอย่างน้ำมันและเหมือง

หลายคนอาจเบื่อหน่ายกับอาชีพในปัจจุบันของตนเอง ที่ต้องนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศตลอดเวลา และอยากหางานใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่านี้ แน่นอนว่ามีงานในฝันเหล่านั้นอยู่จริง แต่อาจจะต้องยอมเสี่ยงสักหน่อย!

ถ้าหากอยากหาความตื่นเต้นทางสายอาชีพใหม่ๆ แถมได้เงินเดือนสูง ลองสมัครไปทำงานในต่างประเทศในสายงานที่ต้องอยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ และน่าตื่นเต้น แต่ขณะเดียวกันก็ต้องเตรียมใจรับความเสี่ยงอันตรายให้ได้ เพราะอาชีพเหล่านั้นต้องต่อสู้กับความไม่แน่นอนของธรรมชาติ ทำงานในสภาพแวดล้อมอันตราย และแลกชีวิตกับรายได้ก้อนโต

อาชีพเหล่านี้ไม่ใช่งานประจำแบบที่เราคุ้นเคยอย่างนักบัญชี นายหน้า หรือพนักงานออฟฟิศทั่วไป แต่เป็นอาชีพที่ต้องใช้ความกล้า ความแข็งแกร่ง และจิตใจที่แน่วแน่ในการฝ่าฟันความเสี่ยงถึงชีวิตทุกวัน และนี่คือ 5 อาชีพสุดโหดในสหรัฐฯ ที่ทั้งเสี่ยง ทั้งน่าหวาดเสียว แต่ตอบแทนด้วยค่าจ้างระดับสูง ได้แก่ 

"นักขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล" สู้กับธรรมชาติ แลกเงินแสน

การทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเล คือ ชีวิตที่แยกขาดจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง พวกเขาต้องเผชิญกับพายุ คลื่นลมแรง และทำงานวันละ 12 ชั่วโมงท่ามกลางเครื่องจักรหนักและวัสดุไวไฟ ความผิดพลาดเพียงนิดเดียวอาจก่อให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิดรุนแรงได้ทันที โดยเฉพาะการรั่วไหลของก๊าซมีเทนที่อันตรายอย่างยิ่ง

แม้จะต้องใช้ชีวิตแบบตัดขาดจากโลกภายนอก แต่ความเสี่ยงเหล่านี้ก็แลกมาด้วยรายได้ก้อนโต โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 92,000-150,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 3 - 4.8 ล้านบาท) จากข้อมูลของ Indeed

โดยเฉพาะตอนนี้ นโยบายด้านพลังงานของประธานาธิบดีทรัมป์ในปี 2025 ที่ส่งเสริมการขุดเจาะน้ำมัน ส่งผลให้งานประเภทนี้เพิ่มขึ้น 12% ในไตรมาสแรก (ข้อมูลจาก BLS, เมษายน 2025) อย่างไรก็ตาม มาตรการภาษีนำเข้าอุปกรณ์อาจทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อการปรับค่าจ้างในอนาคต

"ช่างซ่อมสายไฟแรงสูง" วีรบุรุษที่ลอยอยู่กลางอากาศ

คนทั่วไปอาจไม่คิดถึงว่าการทำระบบไฟฟ้าเพื่อให้ทุกบ้านเรือนมีไฟใช้กันนั้น เป็นเรื่องอันตรายแค่ไหน จนกระทั่งเห็นช่างซ่อมสายไฟที่ต้องปีนเสา ทนพายุ หรือลอยอยู่จากเฮลิคอปเตอร์เพื่อซ่อมสายไฟแรงสูง ความเสี่ยงร้ายแรงที่เกิดขึ้นจริงมีทั้งไฟช็อต พลัดตกจากที่สูง หรือไฟไหม้ โดยมีอัตราผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 23 คนต่อพนักงาน 100,000 คนในปี 2022

บางคนถึงขั้นต้องใส่ชุดเกราะโลหะเพื่อทำงานซ่อมแซมสายไฟ ที่ต้องสัมผัสกับไฟฟ้าแรงสูง ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงสูงจนน่าหวาดเสียวไปอีก แต่เพราะสายงานนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงหลังภัยพิบัติ หรือพายุที่ทำสายไฟขาด ชำรุด ทำให้ไฟฟ้าดับไปไทั่วเมือง ช่างไฟฟ้าเหล่านี้จึงจำเป็นต้องเสี่ยงภัยเหล่านั้น อาชีพนี้จึงมีค่าตอบแทนสูง พร้อมค่า OT และเบี้ยเลี้ยงเมื่อออกนอกพื้นที่

รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 85,000-120,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 2.7 - 3.9 ล้านบาท) ตามข้อมูลจาก BLS ปี 2024 และ Indeed แม้นโยบายโครงสร้างพื้นฐานจะช่วยกระตุ้นความต้องการ แต่ภาษีนำเข้าเหล็ก (25%) ก็อาจทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

"วิศวกรเหมือง" ขุดลึกเสี่ยงตาย เพื่อรายได้ก้อนโต

งานในเหมืองยังคงมีความเสี่ยงสูงอยู่ทุกยุคสมัยไม่เปลี่ยนแปลง แม้เทคโนโลยีจะพัฒนามากแล้วก็ตาม วิศวกรเหมืองในปัจจุบันต้องออกแบบและตรวจสอบระบบใต้ดิน ท่ามกลางความเสี่ยงจากถ้ำถล่ม ก๊าซมีเทนระเบิด หรือฝุ่นพิษที่ทำลายปอด โดยมีอัตราเสียชีวิตที่ 21 คนต่อเจ้าหน้าที่เหมือง 100,000 คน

การจะมาทำอาชีพนี้ได้ต้องใช้วุฒิระดับมหาวิทยาลัยและทักษะเฉพาะทาง ซึ่งก็ยิ่งทำให้อาชีพนี้มีรายได้สูงขึ้น โดยเฉพาะเมื่อสหรัฐฯ ต้องการลดการพึ่งพาแร่หายากจากจีน (ที่ถูกเก็บภาษีถึง 125%) จึงมีการลงทุนในเหมืองภายในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายได้เฉลี่ยของนักขุดเจาะเหมืองอยู่ที่ 97,000 - 140,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 3.1 - 4.5 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอาจเป็นข้อจำกัดในระยะยาวสำหรับสายอาชีพนี้ หากใครสนใจอยากทำสายงานนี้ต้องติดตามความเคลื่อนไหวในตลาดงานอย่างใกล้ชิด 

"นักบินและวิศวกรการบิน" ล่องฟ้าเสี่ยงภัยเพื่อเงินเดือนหลักแสน

แม้งานนักบินจะดูหรูหรา แต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความเสี่ยง โดยเฉพาะนักบินขนส่งสินค้า หรือนักบินเฮลิคอปเตอร์ที่ต้องเจอสภาพอากาศแปรปรวน เครื่องขัดข้อง และความผิดพลาดของมนุษย์ระหว่างดำเนินงาน โดยมีอัตราเสียชีวิตอยู่ที่ 19 คนต่อนักบิน 100,000 คน และยังมีอัตราการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุอีก 5.4 คนต่อ 100 คนทำงาน (ข้อมูลจาก BLS, 2022)

นอกจากการฝึกอบรมเข้มข้น ชั่วโมงบินยาวนาน การจะทำอาชีพนี้ได้ จะยังต้องแบกรับความรับผิดชอบสูงมาก โดยเฉพาะเมื่อต้องบินในพื้นที่ห่างไกลหรือเผชิญเหตุฉุกเฉินกลางอากาศ

รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 130,000 - 189,620 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 4.2 - 6.2 ล้านบาท) ตาม BLS และ ISHN ปี 2024 แม้ต้นทุนการผลิตอากาศยานจะเพิ่มจากภาษีนำเข้า แต่การลงทุนในอุตสาหกรรมภายในประเทศ รวมถึงความต้องการนักบินโดรนในภาคเทคโนโลยี ก็ช่วยเพิ่มโอกาสงานให้มากขึ้น

"นักภูเขาไฟวิทยา" ใกล้ชิดลาวา เพื่อไขความลับของโลก

ในขณะที่คนทั่วไปวิ่งหนีภูเขาไฟ แต่สำหรับนักภูเขาไฟวิทยา หรือ Volcanologists กลับต้องเดินเข้าหามัน พวกเขาต้องทำงานภาคสนามใกล้ลาวา ก๊าซพิษ และความร้อนจัด ท่ามกลางสภาพภูมิประเทศที่ไม่แน่นอน ต้องเสี่ยงอันตรายจากการสำลักควัน การโดนไฟไหม้ หรือเสี่ยงเผชิฐเหตุการปะทุฉับพลันเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ

สำหรับคนที่จะมาทำงานอาชีพนี้ได้ จะต้องมีความฟิตทางร่างกายสูงและมีทักษะประเมินความเสี่ยงที่แม่นยำ งานนี้มักต้องมีวุฒิปริญญาโทด้านธรณีวิทยา และด้วยความที่ผู้เชี่ยวชาญสายงานนี้ค่อนข้างหายากของ จึงมีอัตราค่าจ้างที่สูงลิ่ว โดยเฉพาะในหน่วยงานรัฐหรือภาควิจัย

ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีตรวจวัดภูเขาไฟ มีการนำ AI มาใช้ทำงานมากขึ้น ก็ช่วยให้โอกาสในสายงานนี้เปิดกว้างมากขึ้น รายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 55,000 - 160,000 ดอลลาร์ต่อปี (ประมาณ 1.8 - 5.2 ล้านบาท) ตามข้อมูลของ Vault ปี 2024

ลองจินตนาการว่าต้องทำงานบนแท่นขุดเจาะน้ำมันท่ามกลางพายุ หรือยืนอยู่บนขอบปล่องภูเขาไฟดูสิ พูดได้เลยว่ามันไม่ใช่งานที่น่าเบื่อเลย เพราะจะต้องเตรียมพร้อมเอาตัวรอดในแทบจะทุกๆ วินาทีที่ทำงานอยู่ แต่ก็ยังมีหลายคนที่ยอมทำงานเสี่ยงอันตรายสูงแบบนี้ เพื่อ “เงินค่าจ้าง” ที่แสนคุ้มค่า (หากรอดชีวิตไปใช้เงินเหล่านั้นได้)

 

 

อ้างอิง: ForbesU.S. BUREAU OF LABOR STATISTICSVolcanic hazards