อวสาน Job Hopper หมดยุคเปลี่ยนงานบ่อย ทำที่เดิมก็ได้เงินพอๆ กัน

อวสาน Job Hopper หมดยุคเปลี่ยนงานบ่อย ทำที่เดิมก็ได้เงินพอๆ กัน

ยุคของการ “เปลี่ยนงานบ่อย” เพื่ออัปเงินเดือนให้สูงขึ้นเร็วๆ อาจจบลง! โดยเฉพาะ Job Hopper คนรุ่นใหม่ที่หวังไต่ระดับเงินเดือนทางลัด กำลังฝันสลาย โลกความจริงเล่นงาน

KEY

POINTS

  • ช่วงต้นปี 2025 การเปลี่ยนงานใหม่อัปเงินเดือนขึ้นเฉลี่ยแค่ 4.8% เท่านั้น ต่างจากปีก่อนๆ ที่ขยับเงินเดือนได้ถึง 7.7% ทำให้ระหว่างคนเปลี่ยนงานกับคนทำงานที่เดิมแตกต่างกันน้อยสุดในรอบ 10 ปี
  • ตลาดแรงงานกลับมาเข้มข้น อัตราการลาออกต่ำสุดตั้งแต่ปี 2020 และ 70% ของแรงงานอเมริกัน เชื่อว่าหางานใหม่เพื่อหวังว่าจะดีกว่าเดิม "ยากขึ้น" ขณะที่นายจ้างเป็นฝ่ายได้เปรียบ
  • เปลี่ยนงานได้ แต่อย่าลืมสร้างความมั่นคง ผู้เชี่ยวชาญแนะว่า Gen Z ยังคงเปลี่ยนงานได้ ไม่ผิด! แต่ควรวางแผนระยะยาวและแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเติบโตภายในองค์กรด้วย 

ช่วงหลายปีก่อนหน้านี้กลุ่มวัยทำงานที่มีพฤติกรรม “Job Hopper” หรือ “เปลี่ยนงานบ่อย” เพื่อให้ได้เงินเดือนสูงขึ้น ถือเป็นกลยุทธ์ยอดนิยม โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่อย่าง Gen Z ที่มองว่า การเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ เป็นวิธีที่ช่วยพวกเขาให้เติบโตเร็วและคุ้มค่าที่สุด แต่ในยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน กลยุทธ์นี้อาจไม่เวิร์กอีกต่อไปแล้ว

เว็บไซต์ Fortune รายงานโดยอ้างข้อมูลล่าสุดจากสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ (US Bureau of Labor Statistics) และธนาคารกลางแอตแลนตา (Federal Reserve Bank of Atlanta ว่า) ที่สำรวจวัยทำงานที่อยู่ทำงานในบทบาทเดิมในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ปี 2025 ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยราว 4.6% ขณะที่คนที่เปลี่ยนงานบทบาทใหม่ในช่วงเวลาเดียวกัน ได้ปรับขึ้น 4.8% ซึ่งต่างกันนิดเดียวเท่านั้น

ต่างจากปีก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัด ยกตัวอย่างในปี 2023 คนที่เป็น “Job Hopper” ได้ปรับขึ้นเงินเดือนเฉลี่ยถึง 7.7% ขณะที่คนที่อยู่กับองค์กรเดิมได้ขึ้นเงินเดือนเพียง 5.6% เท่านั้น ซึ่งช่องว่างความต่างของเงินเดือนค่อนข้างมาก

ตามรายงาน Fortune ยังชี้อีกว่า “ช่องว่าง” ระหว่างค่าตอบแทนของคนที่อยู่กับองค์กรเดิมเทียบกับคนที่ย้ายที่ทำงานใหม่นั้น ตอนนี้ลดลงจนอยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี

ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเดือนเท่านั้นที่เปลี่ยนไป อัตราการลาออก จากงานโดยรวมก็ลดลงเช่นกัน ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ที่เผยแพร่โดย Wall Street Journal ระบุว่า ในปี 2024 มีชาวอเมริกันเพียง 39.6 ล้านคนที่ลาออกจากงาน ลดลงจากปี 2022 ซึ่งสูงถึง 50 ล้านคน

จากเทรนด์มาแรงสู่ทางตัน? เมื่อการเปลี่ยนงานบ่อยเริ่มไม่เวิร์ก

ผลสำรวจล่าสุดจาก Harris Poll เผยว่า 70% ของแรงงานอเมริกันมองว่า หากต้องหางานใหม่ที่ดีกว่างานปัจจุบัน พวกเขาจะเจอกับความยากลำบากมากกว่ายุคก่อนๆ และกว่า 75% เชื่อว่า "ตอนนี้นายจ้างเป็นฝ่ายถือไพ่เหนือกว่า" ในตลาดแรงงาน ซึ่งเป็นความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อเทียบกับยุคก่อนๆ 

โดยเทรนด์การทำงานที่มาแรงช่วงไม่กี่ปีก่อน ก็คือ การเปลี่ยนงานบ่อยๆ เพื่อเพิ่มเงินเดือนสูงให้ก้าวกระโดดได้เร็วขึ้น จนกลายเป็นเรื่องปกติในโลกการทำงาน โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z ที่นิยมใช้วิธีนี้เพื่อเพิ่มรายได้-อัปฐานเงินเดือนสูง และหาประสบการณ์ใหม่

ยืนยันข้อมูลจากรายงาน ResumeLab เมื่อปี 2023 เคยระบุไว้ว่า 83% ของคน Gen Z มองว่าตัวเองเป็น “Job-hopper” หรือคนที่เปลี่ยนงานบ่อย ส่วนผลสำรวจจาก H&R Block ก็พบว่าเกือบหนึ่งในสามของ Gen Z เปลี่ยนงานเพื่อให้ได้เงินเดือนสูงขึ้น

ในทำนองเดียวกัน ผลสำรวจจาก Resume Genius ก็เปิดเผยเช่นกันว่า มากกว่าครึ่งของคนทำงาน Gen Z เห็นว่าการเปลี่ยนงานทุก 2-3 ปีเป็นเรื่องปกติ แม้เจ้านายหรือผู้บริหารจะไม่เห็นด้วยก็ตาม

ไม่ใช่ว่าห้ามเปลี่ยนงานใหม่ แต่ถ้าอยากย้ายงานต้องคิดดีๆ ก่อน

ผู้เชี่ยวชาญด้านการสรรหาบุคลากรให้สัมภาษณ์กับ Fortune ว่า การเปลี่ยนงานบ่อย (Job hopper) ในยุคนี้ยังสามารถทำได้ แต่สุดท้ายแล้ว วัยทำงานควรแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการอยู่กับองค์กรเดิมในระยะยาวด้วย

ซาราห์ วอล์กเกอร์ (Sarah Walker) ประธานฝ่ายบริหารของ Cisco สหราชอาณาจักร ให้ความเห็นว่า "คุณแค่ต้องอดทนกับเส้นทางของตัวเอง เส้นทางอาชีพในองค์กรเดิมก็ประสบความสำเร็จได้" อย่างไรก็ตาม เธอใช้เวลา 25 ปีเต็มในการไต่เต้าจนถึงตำแหน่งสูงขององค์กรได้ในปัจจุบัน

“ตอนนี้สังคมเราอยู่ในยุคที่ทุกอย่างต้องเร็วทันใจ ความคิดนี้ก็ลามมาถึงเรื่องการทำงานด้วย คนจำนวนมากรู้สึกกดดันว่าถ้าภายใน 1 ปีไม่ได้เลื่อนตำแหน่ง แปลว่าเรากำลังอยู่ผิดเส้นทาง แล้วก็เลยตัดสินใจย้ายงาน เพราะหวังว่าจะไปถึงเป้าหมายเร็วขึ้นที่อื่น” 

ท้ายที่สุดแล้ว.. ไม่ว่าจะยังคงทำงานที่เดิมนานๆ ต่อไป หรือเปลี่ยนงานใหม่/ย้ายองค์กรใหม่ ก็เป็นสิ่งที่พนักงานสามารถทำได้ทั้งสองทาง ขึ้นอยู่กับปัจจัยการใช้ชีวิตของพนักงานแต่ละคนด้วยว่า ในที่ทำงานปัจจุบันยังมีเส้นทางอาชีพที่ชัดเจน ได้โบนัสทุกปี ได้ปรับขึ้นเงินเดือนทุกปี และมีเพื่อนร่วมงานที่ดี-หัวหน้าที่ดีอยู่ไหม? หากทุกอย่างดีหมดก็อาจไม่มีความจำเป็นในการเปลี่ยนงานช่วงนี้ แต่หากเจอภาวะบั่นทอนจิตใจในกรณีใดกรณีหนึ่ง การพิจารณาเปลี่ยนงานใหม่ก็คงไม่ใช่เรื่องผิด! 

 

อ้างอิง: Fortune, NY Post, The Wall Street Journal, Entrepreneur