ไวรัล “Fart Walking” เดินไปตดไป เทรนด์ใหม่ที่สายเฮลท์ต้องลอง

ไวรัล “Fart Walking” เดินไปตดไป เทรนด์ใหม่ที่สายเฮลท์ต้องลอง

เทรนด์ "เดินไปตดไป" หรือ "Fart Walking" ชวนคุณให้ลุกขึ้นมาขยับตัวหลังมื้ออาหาร เพื่อช่วยย่อย ลดเสี่ยงเบาหวาน และเสริมสุขภาพแบบไม่ต้องเสียเงินสักบาท

ในยุคที่เทรนด์สุขภาพใหม่ๆ ผุดขึ้นราวกับดอกเห็ดในโซเชียลมีเดีย "Fart Walking" หรือการ "เดินไปตดไป" กำลังกลายเป็นกระแสไวรัล ที่ทั้งชวนขำและน่าสนใจไปพร้อมกัน

หลายคนอาจตั้งคำถามว่า การเดินไปตดไปหลังมื้ออาหารจะสามารถช่วยเรื่องสุขภาพได้จริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงกระแสขำขันที่มาไวไปไวตามโลกออนไลน์เท่านั้น

กรุงเทพธุรกิจ จะพาคุณไปสำรวจข้อดีและข้อเสียของเทรนด์นี้ เพื่อให้ตัดสินใจได้ว่า "Fart Walking" คือเคล็ดลับสุขภาพง่ายๆ ที่ควรลอง หรือควรแค่ยิ้มแล้วเลื่อนผ่านไป

ไวรัล “Fart Walking” เดินไปตดไป เทรนด์ใหม่ที่สายเฮลท์ต้องลอง

จุดเริ่มต้นของเทรนด์ Fart Walking

เทรนด์สุดฮาแต่จริงจังนี้เริ่มมาจากบัญชี TikTok ของนักเขียนหนังสือทำอาหารชาวแคนาดา Mairlyn Smith ที่เชิญชวนให้คนลุกขึ้นมาเดินสบายๆ หลังมื้ออาหาร พร้อม "ปล่อยลม" อย่างเป็นธรรมชาติเพื่อ กระตุ้นระบบย่อยอาหาร และ ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง

จุดเด่นของ Fart Walking

  • ได้ประโยชน์จริง ทั้งทำง่าย ฟรี แถมไม่ต้องมีอุปกรณ์เสริมด้วย
  • เสริมการย่อยอาหาร และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • เข้าถึงได้ทุกคน ไม่ว่าจะวัยรุ่นหรือวัยเก๋าก็สามารถทำได้

ไวรัล “Fart Walking” เดินไปตดไป เทรนด์ใหม่ที่สายเฮลท์ต้องลอง

Fart Walking ดีต่อร่างกายอย่างไร?

ทีมนักวิจัยจาก มหาวิทยาลัยลิเมอริก ประเทศไอร์แลนด์ ได้วิเคราะห์ 7 งานวิจัยที่ศึกษาผลของการ นั่ง ยืน และเดิน ต่อระดับน้ำตาลและอินซูลินในเลือด ทั้งในคนสุขภาพดีและผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่า:

  • การเดินหลังมื้ออาหารเพียง 2-5 นาที มีผลชัดเจนในการช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
  • หากเดินในช่วง 60-90 นาทีหลังอาหาร น้ำตาลจะพุ่งขึ้นน้อยลงและค่อยๆ ลดลงอย่างเป็นธรรมชาติเมื่อเทียบกับการกินแล้วนั่งเฉยๆ
  • การ ยืนสลับนั่งหลังมื้ออาหาร ช่วยลดน้ำตาลได้เฉลี่ย 9.5%
  • การ เดินเบาๆ สลับนั่งหลังมื้ออาหาร ช่วยลดน้ำตาลได้มากถึง 17%

นอกจากนี้ การเดินหลังมื้ออาหารยังมีประโยชน์ต่อร่างกาย ดังนี้

  • ช่วยระบบย่อย: การเดินเบาๆ ช่วยกระตุ้นให้ลำไส้เคลื่อนไหว ช่วยลดแก๊ส และอาการท้องอืด
  • ควบคุมระดับน้ำตาล: กล้ามเนื้อที่ใช้งานระหว่างเดินจะช่วยดึงน้ำตาลออกจากกระแสเลือดมาใช้เป็นพลังงาน
  • ลดเสี่ยงโรคเรื้อรัง: การเดินหลังอาหารเป็นประจำมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหัวใจ และยังเสริมสุขภาพจิตอีกด้วย

เริ่ม Fart Walk อย่างไรดี?

  • เริ่มง่ายๆ หลังมื้ออาหารเพียงแค่ เดินเบาๆ 10–30 นาทีภายใน 1 ชั่วโมงหลังอาหาร
  • ไม่ต้องเร่ง ควรเดินในจังหวะสบายๆ เพื่อปล่อยให้ร่างกายได้ผ่อนคลายและปล่อยลมตามธรรมชาติ

แม้ว่าการ "เดินไปตดไป" จะฟังดูขำ แต่จริงๆ แล้วก็คือการเดินย่อยหลังอาหารที่ดีต่อสุขภาพนั่นเอง ถ้าระหว่างทางต้องปล่อยลมก็อย่าฝืน เพราะร่างกายแค่ทำงานตามธรรมชาติ เลือกทางเดินที่คนไม่เยอะ ก็จะช่วยให้ เดินไปตดไป ได้สบายใจขึ้นแบบไม่ต้องเขิน

อ้างอิง healthline , forbes , uclahealth , edition.cnn , health.clevelandclinic