‘LinkedIn envy’ เทรนด์ ‘เจน Z’ รู้สึกแย่กับ ‘LinkedIn’ เปรียบเทียบตนเองกับงานคนอื่น

“LinkedIn envy” ปรากฏการณ์ใหม่บนโลกโซเชียล “เจน Z” รู้สึกแย่กับ “LinkedIn” เปรียบเทียบตนเองกับงานคนอื่น นอยด์ อิจฉา หมั่นไส้ จนต้องลบแอคเคาท์ทิ้ง!
KEY
POINTS
- “LinkedIn envy” ปรากฏการณ์ใหม่บนโลกโซเชียล ที่ชาวเจน Z รู้สึกอิจฉาแกมหมั่นไส้ เวลาที่เห็นคนโพสต์บน “LinkedIn” มีงานที่ดีกว่าตนเอง
- บางคนนิยาม LinkedIn ว่าเป็น Facebook ของพวกคนเพอร์เฟกต์ มีหน้าที่การงานดี ทำให้หลายคนถึงกับลบโปรไฟล์ทิ้งไปเลย
- แพทย์แนะนำว่าผู้คนควรใช้ความอิจฉาริษยาให้เป็นเครื่องมือในการทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ผลักดันตนเอง และเพิ่มความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
ปฏิเสธไม่ได้ว่าโซเชียลมีเดียสามารถสร้างกระตุ้นให้เกิดความอยากได้อยากมี หรือแม้แต่ความรู้สึกอิจฉาให้แก่ผู้ใช้งานได้ เพราะโซเชียลมีเดียทำให้เราสามารถเข้าถึงชีวิตของผู้คนมากมาย ได้เห็นประสบการณ์การเดินทาง อาชีพ และกิจวัตรประจำวัน ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกด้อยกว่าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นกับแพลตฟอร์มที่โชว์ไลฟ์สไตล์อย่างเช่น Instagram หรือ TikTok
แต่ปัจจุบันเด็กเจน Z กลับรู้สึกอิจฉาเวลาเห็นหน้าโปรไฟล์ของคนบน “LinkedIn” โซเชียลมีเดียที่เน้นไปที่การหางานและคอนเน็กชัน
“LinkedIn envy” ปรากฏการณ์ใหม่บนโลกโซเชียล ที่ชาวเจน Z รู้สึกอิจฉาแกมหมั่นไส้ เวลาที่เห็นคนโพสต์บน “LinkedIn” ว่าได้งานใหม่แล้ว หรืออัปเดตหน้าที่การงานใหม่บนหน้าโปรไฟล์ ซึ่งหลาย ๆ งานก็เป็นงานในฝันของพวกเขา
เมื่อพูดคุยถึงโซเชียลมีเดียที่สร้างผลกระทบต่อสุขภาพจิต หลายคนมักพุ่งเป้าไปที่ Instagram น้อยคนจะนึกไปถึง LinkedIn มักถูกละเลย ทั้ง ๆ ที่ LinkedIn อุดมไปด้วยคนที่มีหน้าที่การงานดี และส่งผลกระทบต่อชาวเจน Z มากที่สุด
ลอตเต้ บรันเดิล คอลัมนิสต์ด้านไลฟ์สไตล์ ระบุว่า เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจที่ LinkedIn สร้างความอิจฉาให้แก่ผู้ใช้โซเชียล เพราะ LinkedIn เป็นเครือข่ายโซเชียลที่ล้าสมัยที่สุด ไม่ได้สร้างความสนุกหรือบันเทิงแต่อย่างไร
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า สำหรับคนที่ว่างงานแล้ว LinkedIn เป็นแพลตฟอร์มที่เข้าไปแล้วหดหู่ รู้สึกทรมานทุกครั้ง เพราะรูปแบบของ LinkedIn บังคับให้ผู้ใช้ต้องนั่งอ่านหน้าจอ เพื่อเปรียบเทียบตัวเองกับเพื่อนร่วมงานที่ยิ้มแย้ม สวมชุดสูท และรู้สึกยินดี พร้อมที่จะประกาศเกี่ยวกับงานในฝันของตน
สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดความหงุดหงิดและไม่แน่ใจในตัวเอง สร้างความเปรียบเทียบกับตัวเอง บางคนนิยาม LinkedIn ว่าเป็น Facebook ของพวกคนเพอร์เฟกต์ มีหน้าที่การงานดี ทำให้หลายคนถึงกับลบโปรไฟล์ทิ้งไปเลย
“ฉันลบบัญชีของตัวเองเพราะทุกครั้งที่เข้า LinkedIn ฉันรู้สึกแย่มากกับตัวเอง อาจเป็นเพราะฉันเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นมากเกินไป ทั้ง ๆ ที่ฉันที่งานของฉันไม่ได้งานแย่ ๆ ด้วยซ้ำ ฉันคิดว่า LinkedIn กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์คนเห็นแก่ตัวไปแล้วเหมือนกับโซเชียลมีเดียอื่น ๆ” คนหนึ่งเขียนบน Reddit
LinkedIn ดูเหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับคนหนุ่มสาวในปี 2025 หนึ่งในสี่ของชาวอเมริกันอายุ 18–24 ปีมีโปรไฟล์ของเว็บไซต์นี้ ซึ่งอาจสะท้อนถึง FOMO ที่มุ่งเน้นอาชีพการงานและรีบเร่งอยู่ในพื้นที่ที่มีคำชมและคอนเน็กชันในการทำงาน
บริษัทมากกว่า 69 ล้านแห่งมีโปรไฟล์บนแพลตฟอร์ม LinkedIn มีผู้ใช้ลงทะเบียนใน 200 ประเทศ ดังนั้น LinkedIn จึงเป็นตลาดงานขนาดใหญ่ จากข้อมูลของ Social Shepherd ระบุว่าในทุกนาทีจะมี 7 คนถูกจ้างงานบน LinkedIn
เมื่อบริษัทต่าง ๆ สามารถดูโปรไฟล์ เครือข่าย และพอร์ตโฟลิโอของผู้สมัครงานได้ครบถ้วนผ่าน LinkedIn ทำให้สามารถค้นหาผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมได้ง่ายขึ้น ดังนั้น เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ เรียกติดต่อสัมภาษณ์งาน ผู้ใช้จึงต้องทำทุกทางให้บริษัทสนใจ
ในพื้นที่ของการโปรโมตตัวเองที่คัดสรรมาอย่างดีนี้ จึงไม่แปลกที่ผู้ใช้จะเกิดการเปรียบเทียบตนเองกับผู้ใช้คนอื่นที่ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน จนบางทีอาจจะลืมคิดไปว่า กว่าที่คนเหล่านั้นจะประสบความสำเร็จ ก็ต้องแลกมาด้วยความล้มเหลวเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาโพสต์แต่ด้านดี ๆ จนดูเหมือนเป็นที่สมบูรณ์แบบ โดยไม่มีใครโพสต์เกี่ยวกับการถูกปฏิเสธบ่อยครั้งหรือบทเรียนที่ได้เรียนรับจากความล้มเหลว
ขณะเดียวกัน การดูโปรไฟล์ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ ก็ช่วยให้ผู้ใช้มีแรงบันดาลใจทำอะไรบางอย่าง เพื่อหน้าที่การงานประสบความสำเร็จขึ้น แต่ในตอนนี้ LinkedIn ก็มีมิจฉาชีพและพวกหลอกลวงเช่นกัน บางคนก็ใส่ตำแหน่งงานปลอม ๆ ลงในโปรไฟล์ของตนเอง เพื่อให้ดูดีในสายตาคนอื่น แต่บางทีก็โป๊ะเกินมีคนจับได้ก็มาก ดังนั้นเว็บไซต์ VICE จึงแนะนำว่า อย่าหลงเชื่อข้อมูลทุกอย่างในเว็บไซต์ และหลีกเลี่ยงการเลื่อนดูข้อมูลแบบวนซ้ำไปมา เพื่อไม่ให้รู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าคนอื่น
ซูซาน บีอาลี ฮาส แพทย์และผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพและสุขภาวะ แนะนำว่าผู้คนควรใช้ความอิจฉาริษยาให้เป็นเครื่องมือในการทำให้เข้าใจตัวเองมากขึ้น ผลักดันตนเอง และเพิ่มความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
“เวลาที่เราอิจฉาใคร หมายความว่าเราอยากเป็นแบบพวกเขา หรือจำเป็นต้องบรรลุในชีวิต เป็นตัวแทนของสิ่งที่เราสามารถเป็นได้” บีอาลี ฮาสกล่าว
ที่มา: New York Post, Psychology Today, The Boar, Vice