ญี่ปุ่นอาจไม่ปลอดภัยแล้ว? สถิติเผยคดีอาชญากรรมพุ่งในรอบ 10 ปี

แม้ญี่ปุ่นขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ “น่าอยู่และปลอดภัย” แต่สถิติอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น และคดีสะเทือนขวัญล่าสุด กำลังทำให้ทั้งชาวญี่ปุ่นและนักเดินทางไม่ค่อยมั่นใจ
KEY
POINTS
- การเสียชีวิตของนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่น สะท้อนภาพความปลอดภัยสาธารณะแย่ลง ภาพลักษณ์ที่ว่า “ญี่ปุ่นปลอดภัย” ขัดแย้งกับสถานการณ์จริงที่เริ่มเปลี่ยนไป
- แม้แต่ชาวญี่ปุ่นเองก็รู้สึกไม่ปลอดภัย ผลสำรวจชี้ 76.6% ของประชาชนมองว่าญี่ปุ่นปลอดภัยน้อยลงในรอบ 10 ปี ขณะเดียวกันอาชญากรรมรวมเพิ่มขึ้น 4.9% ในปี 2024 ติดต่อกันเป็นปีที่ 3
- พบอาชญากรรมทางเพศเพิ่มสูง โดยเฉพาะคดีแอบถ่าย อีกทั้งคดีที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 2 จนภาครัฐต้องเร่งคุมเข้มและออกคำเตือนสำหรับนักท่องเที่ยว
ญี่ปุ่นเคยเป็นประเทศที่หลายคนมองว่าเป็น “สวรรค์แห่งความปลอดภัย” ทั้งจากระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพและผู้คนที่มีจิตใจซื่อสัตย์ แต่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ความรู้สึกนี้เริ่มสั่นคลอน จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับนักวิจัยชาวบราซิลที่เพิ่งมาเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และผลสำรวจล่าสุดที่พบว่า ชาวญี่ปุ่นเองก็เริ่มรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น อาชญากรรมที่เพิ่มสูงขึ้นในหลากหลายรูปแบบ กำลังกระทบต่อความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของประเทศนี้อย่างชัดเจน
โดยเหตุการณ์น่าเศร้าของนักท่องเที่ยวชาวบราซิลนั้น มีรายงานจาก Yahoo Japan เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาระบุว่า "น.ส. อมันดา บอร์เฆส ดา ซิลวา" นักวิจัยชาวบราซิลวัย 30 ปี ผู้ซึ่งเดินทางมาเยือนญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกและประทับใจใน "ความปลอดภัย ระบบขนส่งที่ดี ผู้คนซื่อสัตย์ของหายก็ได้คืน" จนถึงขั้นโพสต์บนโซเชียลมีเดียว่า "ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ปลอดภัยมาก ฉันอยากย้ายมาอาศัยอยู่ที่นี่"
แต่หลังจากนั้นเพียงหนึ่งวันเธอก็ถูกพบเสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ในอพาร์ตเมนต์ที่เมืองนาริตะ เธอมีกำหนดเดินทางกลับบราซิลช่วงปลายเดือนพฤษภาคม แต่กลับต้องมาประสบเหตุการณ์เศร้าสลดนี้เสียก่อน
เหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว เกิดขึ้นในอพาร์ตเมนต์ที่เธอพักอาศัย และศพของเธอมีร่องรอยถูกไฟไหม้ ตำรวจญี่ปุ่นได้จับกุม "อไบริยา พาทาวาดิเก พาทุม อุทายังกา" ชายชาวศรีลังกาวัย 31 ปี ในฐานะผู้ต้องสงสัยวางเพลิง ผู้ต้องสงสัยรับสารภาพว่า "รู้ว่าเกิดไฟไหม้ แต่ช็อกจนไม่สามารถดับไฟได้" นอกจากนี้ กระเป๋าและโทรศัพท์มือถือของ น.ส. อมันดา ก็หายไป ทำให้ตำรวจตั้งสมมติฐานว่าเป็นคดีฆาตกรรมเพื่อชิงทรัพย์ และกำลังสืบสวน
นี่กลายเป็นภาพสะท้อนที่น่าตกใจถึงช่องว่างระหว่างภาพลักษณ์ภายนอกกับการรับรู้ด้านความปลอดภัยภายในประเทศญี่ปุ่นที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป
สถิติจากคนญี่ปุ่น ชี้ชัด ตอนนี้ความปลอดภัยสาธารณะแย่ลงกว่าเดิม!
เรื่องราวของ น.ส. อมันดา เกิดขึ้นในห้วงเวลาที่ชาวญี่ปุ่นเองก็กำลังรู้สึกกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในประเทศมากขึ้น จากผลสำรวจล่าสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (NPA) ในเดือนตุลาคมปีที่แล้ว (2024) พบว่า 76.6% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าญี่ปุ่น "มีความปลอดภัยน้อยลง" ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขนี้เพิ่มขึ้น 4.7% จากปีก่อนหน้า และเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ NPA เริ่มสอบถามเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ความปลอดภัยสาธารณะในปี 2021 นอกจากนี้ สัดส่วนของผู้ที่ตอบว่า "ญี่ปุ่นปลอดภัยลดลง" ก็ต่ำกว่า 60% เป็นครั้งแรก ซึ่งอยู่ที่ 56.4%
แบบสำรวจออนไลน์นี้ดำเนินการกับประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไปทั่วประเทศ มีผู้ตอบแบบสำรวจที่ถูกต้อง 5,000 คน สำหรับสาเหตุที่ทำให้ประชาชนรู้สึกว่าความปลอดภัยแย่ลงนั้น มาจากหลายปัจจัย ได้แก่
- 69% บอกว่า มีการหลอกลวงต่างๆ มากขึ้น เช่น แก๊งคอลเซ็นเตอร์ (ore ore sagi) และฟิชชิ่ง
- 58.3% บอกว่า มีการขโมยข้อมูลส่วนบุคคลผ่านการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่ได้รับอนุญาต
- 73.7% บอกว่า รู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้นจากการเห็นอาชญากรรมถูกรายงานทางทีวีและหนังสือพิมพ์
- 58.3% บอกว่า รู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้นจากการเห็นรายงานในข่าวอาชญากรรมในโลกออนไลน์
- มีผู้ตอบแบบสอบถาม 14.2% เคยตกเป็นเหยื่อหรือเกือบตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรม
การรับรู้ของประชาชนนี้สอดคล้องกับข้อมูล "สถิติอาชญากรรม" ที่เพิ่มขึ้น ในปี 2024 ที่พบว่า มีคดีอาชญากรรมทั้งหมด 737,679 คดีทั่วประเทศ เพิ่มขึ้นประมาณ 4.9% จากปี 2023 และเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 3 แม้ว่าจำนวนคดีโดยรวมจะต่ำกว่าช่วงสูงสุดหลังสงครามโลกในปี 2002 (ประมาณ 2.85 ล้านคดี) แต่ก็เพิ่มขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ NPA ระบุว่า ยังไม่สามารถให้คำตอบที่ชัดเจนได้ว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มที่สำคัญหรือไม่ เนื่องจากอาชญากรรมบางประเภทก็ลดลง
ทั้งนี้ ตามรายงานยังระบุถึงอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าจับตาในปี 2024 ได้แก่ อาชญากรรมตามท้องถนน เช่น การวิ่งราวทรัพย์ เพิ่มขึ้นประมาณ 4.6%, การโจรกรรมจักรยาน เพิ่มขึ้น 6.0%, อาชญากรรมร้ายแรง รวมถึงการปล้น เพิ่มขึ้น 18.1%, การกระทำอนาจารโดยไม่ยินยอม เพิ่มขึ้น 14.7% และ การข่มขืนหรือการกระทำที่คล้ายคลึงกัน เพิ่มขึ้น 45.2%
นอกจากนี้ การละเมิดกฎหมายห้ามการถ่ายภาพลับ (secret filming) เพิ่มขึ้นมากกว่าสามเท่า NPA ระบุว่าการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมทางเพศนี้ ส่วนหนึ่งมาจากการกำหนดนิยามการกระทำที่ผิดกฎหมายให้ชัดเจนขึ้น และการส่งเสริมให้เข้าถึงบริการให้คำปรึกษาได้ง่ายขึ้น ยังมีการเพิ่มขึ้นของคดีหมิ่นประมาทและดูหมิ่นที่เกี่ยวข้องกับการใส่ร้ายทางออนไลน์ถึง 2.9%
ผู้กระทำความผิดในญี่ปุ่นที่เป็นคนต่างชาติ เพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 2
ในส่วนของอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับชาวต่างชาติ ในปี 2024 มีคดีอาชญากรรมที่เกิดจากผู้มาเยือนชาวต่างชาติ (รวมคดีลักทรัพย์และละเมิดกฎหมายตรวจคนเข้าเมือง) จำนวน 21,794 คดี ซึ่งเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 2 โดยมีชาวต่างชาติที่พัวพันกับอาชญากรรมเหล่านี้รวม 12,170 ราย
ผลสำรวจพบด้วยว่า "การลักทรัพย์" เป็นสัดส่วนที่พบมากที่สุด โดยเฉพาะการลักขโมยในร้านค้า ซึ่งมีจำนวน 2,252 คดีในปี 2024 ตำรวจยืนยันว่า หลายคดีเกิดจากผู้กระทำผิดรวมกลุ่มกันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ เพื่อขโมยสินค้าจำนวนมากจากร้านขายยาและร้านเสื้อผ้า เพื่อส่งกลับประเทศบ้านเกิด ตำรวจกำลังเพิ่มการปราบปรามอาชญากรรมกลุ่มนี้ และกระตุ้นให้ภาคธุรกิจป้องกันการลักขโมยในร้านค้าอย่างเข้มงวดยิ่งขึ้น
ท่ามกลางความกังวลภายในประเทศ ข้อมูลอีกด้านชี้ว่า ญี่ปุ่นยังคงเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดแรงงานต่างชาติ โดยจำนวนแรงงานต่างชาติพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ถึง 2.3 ล้านคนในเดือนตุลาคม 2024 เพิ่มขึ้น 12.4% จากปีก่อนหน้า
เมื่อจำแนกตามสัญชาติแล้ว พบว่า เวียดนามมีจำนวนแรงงานมากที่สุดในญี่ปุ่น ประมาณ 570,000 คน หรือคิดเป็น 24.8% ของแรงงานทั้งหมด รองลงมาคือจีนและฟิลิปปินส์ ซึ่งมี 400,000 คน และ 240,000 คน ตามลำดับ ประเทศที่มีการเพิ่มขึ้นปีต่อปีสูงสุดคือ เมียนมาร์ (61.0%) อินโดนีเซีย (39.5%) และศรีลังกา (33.7%)
เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ (MHLW) ระบุว่า "ระบบการรับแรงงานและความปลอดภัยสาธารณะของประเทศ" เป็นเหตุผลหนึ่งที่ดึงดูดแรงงานต่างชาติมายังญี่ปุ่น ซึ่งความเห็นนี้อาจขัดแย้งกับความรู้สึกของประชาชนชาวญี่ปุ่นส่วนใหญ่ ที่รู้สึกว่าประเทศมีความปลอดภัยน้อยลง
นักท่องเที่ยวไทยที่อยากไปเยือนญี่ปุ่น ควรระมัดระวังตัวอย่างไรบ้าง?
สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงชาวไทยที่อยากไปเที่ยวญี่ปุ่น สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ให้คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ดังนี้
1. ตรวจสอบสัมภาระให้ครบถ้วนทุกครั้ง เพื่อป้องกันการลืมหรือสูญหาย
2. ระมัดระวังการใช้บริการรถเช่าพร้อมคนขับ โดยควรเลือกบริษัทที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาการฉ้อโกงหรือไม่ได้รับบริการตามมาตรฐาน
3. รักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลและของมีค่า เช่น เก็บของมีค่าในตู้เซฟโรงแรม หลีกเลี่ยงการนำของสำคัญไปในที่คนพลุกพล่าน
สถานการณ์ด้านความปลอดภัยในญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อน ทั้งจากอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้นในหลายประเภท อาชญากรรมรูปแบบใหม่ทางออนไลน์ และความรู้สึกไม่ปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นในหมู่ประชาชน แม้ว่าประเทศจะยังคงถูกมองว่าปลอดภัยจากภายนอก แต่กรณีของ น.ส. อมันดา และสถิติล่าสุด เป็นเครื่องเตือนใจว่าภัยอันตรายสามารถเกิดขึ้นได้ทุกที่ และความระมัดระวังส่วนบุคคลยังคงเป็นสิ่งจำเป็น
อ้างอิง: YahooJapan, Globalnation, Nippon1, Nippon2, Xinhuathai, Mainichi.jp, สถานเอกอัคราชทูตญี่ปุ่น







