เด็กจบใหม่ตกงานเยอะ จีนเร่งแก้ ใช้วิธีรับฝึกงานนับหมื่นตำแหน่ง

เด็กจบใหม่ตกงานเยอะ จีนเร่งแก้ ใช้วิธีรับฝึกงานนับหมื่นตำแหน่ง

เปิดโมเดล 'จีนแก้วิกฤติเด็กจบใหม่ตกงาน' โดยบริษัทเทคฯ ใหญ่ๆ หลายเจ้าในจีน รุกเปิดรับฝึกงานหลายหมื่นตำแหน่ง ดึงเด็กจบใหม่เข้ามาฝึกฝนทักษะเทคฯ ฝึกเสร็จทำงานต่อเลย

KEY

POINTS

  • Big Tech หลายแห่งในจีน เร่งเปิดโครงการฝึกงานรับเด็กจบใหม่ หลังมีผู้สำเร็จการศึกษาทะลุ 12 ล้านคน และอัตราว่างงานกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 16-24 ปี พุ่งสูงถึง 16.5% แม้รัฐบาลพยายามแก้ปัญหาเต็มที่
  • Tencent เปิดโครงการฝึกงาน 28,000 ตำแหน่ง ภายใน 3 ปี รับมือปัญหาว่างงานในกลุ่มเด็กจบใหม่ในจีน ปีนี้เตรียมรับทันที 10,000 คน โดยส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับงานด้าน AI, บิ๊กดาต้า และเกม
  • งานในบริษัท Big Tech ของจีนยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เนื่องจากเสนอค่าตอบแทนที่แข่งขันได้สูง

 

 

แม้รัฐบาลจีนจะให้ความสำคัญกับการจ้างงานคนรุ่นใหม่เป็นวาระแห่งชาติ แต่ข้อมูลล่าสุดเมื่อสิ้นเดือนมีนาคม 2025 ชี้ว่า อัตราว่างงานของแรงงานจีนที่เพิ่งจบการศึกษาใหม่ในช่วงอายุ 16-24 ปี ยังคงอยู่ที่ 16.5% ซึ่งสูงกว่าอัตราว่างงานเฉลี่ยในเขตเมืองที่อยู่ที่ 5.2% 

ล่าสุด.. เกิดโมเดลใหม่ในการแก้ไขวิกฤติเด็กจบใหม่ตกงาน นั่นคือ Big Tech ในจีนเร่งเปิดรับนักศึกษาจบใหม่ หลังปีนี้มีผู้สำเร็จการศึกษาถึง 12 ล้านคน ด้วยการจัดโครงการเร่งรับเด็กจบใหม่เข้ามาฝึกงานในบริษัทมากขึ้นหลายหมื่นตำแหน่ง เมื่อฝึกงานจบก็จะพิจารณาคนที่มีความสามารถรับเข้าทำงานต่อในองค์กร

Tencent เปิดรับฝึกงาน 28,000 ตำแหน่ง แก้ปัญหาเด็กจบใหม่จีนว่างงาน

เริ่มจากบริษัท Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศโครงการ จัดหางานในมหาวิทยาลัยต่างๆ ครั้งใหญ่เป็นประวัติการณ์ โดยจะเปิดโอกาสให้เด็กจบใหม่เข้ามาฝึกงานรวม 28,000 ตำแหน่งภายในช่วง 3 ปีข้างหน้า ท่ามกลางสถานการณ์ที่นักศึกษาจบใหม่กว่า 12 ล้านคนต้องเผชิญกับตลาดงานที่แข่งขันสูง

Tencent ระบุว่า บริษัทมีแผนพยายามเก็บพนักงานฝึกงานไว้เป็นพนักงานประจำมากขึ้น แม้จะยังไม่เปิดเผยตัวเลขสัดส่วนที่แน่ชัด โดยในปีนี้เพียงปีเดียว บริษัทตั้งเป้ารับนักศึกษาฝึกงาน 10,000 คน สำหรับผู้ที่จบการศึกษาในช่วงซัมเมอร์หรือต่อจากนั้น

จากจำนวนดังกล่าว มีถึง 6,000 ตำแหน่งที่จะได้ฝึกทักษะการทำงานด้านเทคโนโลยีล้ำสมัย เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), บิ๊กดาต้า, คลาวด์คอมพิวติ้ง และวิศวกรรมออกแบบเกม

ข้อมูลจากรายงานประจำปีของบริษัทระบุว่า ณ สิ้นเดือนมีนาคม Tencent มีพนักงานมากกว่า 55,000 คน และเมื่อรวมพนักงานจากบริษัทย่อย จำนวนพนักงานทั้งหมดเมื่อสิ้นปี 2024 อยู่ที่ 110,558 คน เพิ่มขึ้นจาก 105,417 คนในปีก่อนหน้า โดยเคยมีจำนวนพนักงานสูงสุดในปี 2021 ที่ 112,771 คน

ในขณะที่จีนมีนักศึกษาจบใหม่กว่า 12.22 ล้านคนเข้าสู่ตลาดงานในช่วงฤดูร้อนปีนี้ บริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีนต่างเร่งเดินหน้ารับสมัครงานเพื่อลดแรงกดดันในระบบ

Alibaba-ByteDance-Baidu ก็เอาด้วย! รับเด็กจบใหม่หลายพันตำแหน่ง

ไม่ใช่แค่ Tencent เท่านั้นที่ขยับปรับนโยบายเพื่อแก้วิกฤติชาติในเรื่องนี้ แต่ยังรวมถึง Alibaba บริษัทแม่ของ South China Morning Post ก็เอาด้วย โดยได้เปิดโครงการฝึกงานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา เสนอตำแหน่งฝึกงานกว่า 3,000 ตำแหน่ง สำหรับนักศึกษาที่จะจบในปี 2026 โดยเกือบครึ่งเกี่ยวข้องกับสายงานด้าน AI

ขณะที่ ByteDance เจ้าของ TikTok ก็ประกาศรับนักศึกษาจบใหม่มากกว่า 1,500 ตำแหน่ง ส่วนทางด้านบริษัท Baidu ก็ระบุว่า เปิดรับตำแหน่งฝึกงานกว่า 3,000 ตำแหน่งสำหรับผู้ที่จะจบในปี 2026 ด้วยเหมือนกัน โดย 87% เกี่ยวข้องกับงานด้าน AI อีกเช่นกัน

สายงานเทคฯ ในจีน ยังเป็นเป็นที่ต้องการสูงในตลาดงาน

งานในบริษัท Big Tech ของจีนยังคงเป็นที่ต้องการอย่างมากในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เนื่องจากเสนอค่าตอบแทนที่แข่งขันได้สูง ปีที่แล้ว Tencent ใช้งบประมาณถึง 112.8 พันล้านหยวน (ราว 15.44 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) สำหรับค่าจ้างและผลตอบแทนอื่นๆ เฉลี่ยแล้วอยู่ที่ราว 1 ล้านหยวนต่อพนักงานหนึ่งคน

อย่างไรก็ตาม บริษัทก็เคยเปิดเผยกรณีทุจริตภายใน โดยพบว่ามีผู้จัดการบางคนรับสินบนเพื่อมอบโอกาสฝึกงานให้กับผู้สมัครที่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ

การเดินหน้ารับสมัครครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุนด้าน AI ของ Tencent ที่กำลังพัฒนาโมเดลของตัวเองภายใต้ชื่อ Yuanbao และยังเปิดรับโมเดล Open Source จาก DeepSeek ด้วย

อีกทั้งเมื่อเดือนที่ผ่านมา บริษัทเปิดตัวโมเดล AI ด้าน reasoning ใหม่ชื่อ Hunyuan T1 ซึ่งอ้างว่าให้ผลลัพธ์และราคาที่สามารถแข่งขันกับ DeepSeek R1 ได้ นอกจากนี้ยังเริ่มผนวกรวมแชตบอต Yuanbao เข้าไว้ใน WeChat ซึ่งเป็นหนึ่งในแอปฯ ยอดนิยมของจีน

สำหรับโครงการรับสมัครตำแหน่งฝึกงานล่าสุดของ Tencent นั้น นอกจากจะเปิดรับเด็กจบใหม่ในเมืองใหญ่ของจีน เช่น ปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้นแล้ว ยังขยายไปยังต่างประเทศกว่า 20 ประเทศ อาทิ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร สิงคโปร์ และญี่ปุ่น อีกด้วย

 

 

อ้างอิง : South China Morning Post