วัยทำงานญี่ปุ่นพึงพอใจชีวิตต่ำสุด เครียดสูง การเงินการเมืองแย่

วัยทำงานญี่ปุ่นพึงพอใจชีวิตต่ำสุด เครียดสูง การเงินการเมืองแย่

ชีวิตไร้ความหวัง? ผลสำรวจชี้ ญี่ปุ่นความพึงพอใจชีวิตต่ำที่สุดจาก 30 ประเทศทั่วโลก เหตุค่าครองชีพสูง เงินเฟ้อ การเมืองแย่ สะท้อนวิกฤติการงานและอนาคต

KEY

POINTS

  • ชาวญี่ปุ่นพอใจในชีวิตต่ำสุด จากผลสำรวจ 30 ประเทศ มีเพียง 13% ของชาวญี่ปุ่นที่พอใจกับชีวิต และแค่ 15% ที่คาดหวังว่าชีวิตจะดีขึ้นในอนาคต ขณะที่สัดส่วนผู้คน “ไม่มีความสุข” ก็สูงถึง 12% (เทียบกับประเทศอื่นแค่ 2-7%)
  • คนวัยทำงานและผู้สูงอายุในญี่ปุ่นต้องเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจอย่างหนัก ขณะที่ค่าครองชีพพุ่งต่อเนื่อง แต่รายได้กลับนิ่งสนิท ทำให้ชีวิตยิ่งตึงเครียด
  • คนหนุ่มสาวรู้สึกว่าไม่มีสิ่งใดให้ตั้งตารอในชีวิต เพราะระบบเศรษฐกิจและการเมืองไม่ตอบโจทย์ เสียงสะท้อนชัดเจนว่า "ทำงานหนักเพื่อจ่ายภาษี แต่ไม่รู้จะได้อะไรกลับมาเมื่อเกษียณ" 

ท่ามกลางกระแส “ลาออกเงียบ” และชีวิตที่คนรุ่นใหม่ทั่วโลกเริ่มตั้งคำถามกับการทำงานแบบเดิม วัยทำงานชาวญี่ปุ่นกลับเผชิญวิกฤติการทำงานที่ตกต่ำลงไปอีกระดับ เมื่อผลสำรวจจาก Ipsos เผยว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ประชาชนรู้สึก “สิ้นหวัง” และมีความพึงพอใจในชีวิตต่ำสุดในโลก (13%) และ ติด 1 ใน 4 ประเทศที่ “ไม่มีความสุข” มากที่สุด (12%) จากการสำรวจทั้งหมด 30 ประเทศทั่วโลก

ตามรายงานชิ้นดังกล่าวมีการสำรวจหลากหลายหัวข้อ มีหัวข้อหนึ่งที่สำรวจถึงระดับความสุข พบว่ามี 4 ประเทศ ที่ผู้คนไม่มีความสุขมากสุด ได้แก่ ฮังการี ไม่มีความสุขนัก+ไม่มีความสุขเลย รวม 55%, มีความสุขมาก 6%, มีความสุขบ้างบางครั้ง 39%

ตุรกี ไม่มีความสุขนัก+ไม่มีความสุขเลย รวม 51%, มีความสุขมาก 8%, มีความสุขบ้างบางครั้ง 41% ขณะที่ เกาหลีใต้ ไม่มีความสุขนัก+ไม่มีความสุขเลย รวม 50%, มีความสุขมาก 4%, มีความสุขบ้างบางครั้ง 46%

ส่วน ญี่ปุ่น ไม่มีความสุขนัก+ไม่มีความสุขเลย รวม 40%, มีความสุขมาก 12%, มีความสุขบ้างบางครั้ง 48%

ขณะที่ประเทศไทยเองแม้ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนัก แต่ยังไม่ถึงขั้นตกสู่ระดับต่ำสุดของตารางเหมือน 4 ประเทศข้างต้น โดยสัดส่วนของผู้คนที่มีความสุขมากอยู่ที่ 18%, มีความสุขบ้าง 61%, ไม่ค่อยมีความสุขนัก 19%, ไม่มีความสุขเลย 2%

วัยทำงานญี่ปุ่นพึงพอใจชีวิตต่ำสุด เครียดสูง การเงินการเมืองแย่

นอกจากนี้ ตามรายงานยังมีอีกผลสำรวจที่แสดงถึงความพึงพอใจในชีวิต ซึ่งระบุว่า มีเพียง 13% ของชาวญี่ปุ่นที่พอใจกับชีวิต และคนญี่ปุ่นเพียง 15% เท่านั้น ที่เชื่อว่าชีวิตในอนาคตของพวกเขาจะดีขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นระดับความพึงพอใจต่ำที่สุดในการสำรวจครั้งนี้ ขณะที่ประเทศอื่นอย่าง “อินเดีย โคลอมเบีย เปรู และอินโดนีเซีย” ซึ่งเป็นประเทศที่กำลังพัฒนา แต่กลับแสดงความพอใจและความหวังในชีวิตมากกว่าญี่ปุ่นหลายเท่าตัว

วัยทำงานญี่ปุ่นพึงพอใจชีวิตต่ำสุด เครียดสูง การเงินการเมืองแย่

โดยเฉพาะอินเดียนั้นตามรายงานระบุว่า เป็นประเทศที่มีความสุขที่สุด 88% ของชาวอินเดียบอกว่าตนเองมีความสุข และ 74% พอใจกับคุณภาพชีวิตปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของมุมมองต่อชีวิตอย่างชัดเจน

"ฉันไม่มีอะไรให้ตั้งตารอ" เสียงจากวัยทำงานหนุ่มสาวในญี่ปุ่น

ศาสตราจารย์ฮิโรมิ มูราคามิ (Hiromi Murakami) นักรัฐศาสตร์จาก Temple University วิทยาเขตโตเกียว พูดถึงประเด็นนี้เพิ่มเติมว่า คนญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับ “รู้สึกสิ้นหวังรุนแรง” โดยเฉพาะในกลุ่มวัยทำงานคนรุ่นใหม่ ซึ่งแม้จะมีงานทำแต่กลับไม่รู้สึกมั่นคงหรือมีอนาคต นักศึกษาหลายคนในชั้นเรียนของเธอบอกว่า พวกเขาไม่ได้วาดฝันถึงชีวิตที่ดี มีเพียงเป้าหมายสั้นๆ ว่าต้องทำงานหนักเพื่อจ่ายเข้าระบบบำนาญที่พวกเขาเองก็ไม่เชื่อว่าจะยั่งยืน

“ในอดีตเราคุ้นชินกับภาวะเงินฝืดมานานกว่า 20 ปี แต่ตอนนี้กำลังเผชิญกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูง ขณะที่ค่าจ้างก็ไม่ได้เพิ่มตาม ของใช้จำเป็นต่างๆ ราคาก็พุ่งขึ้นทุกอย่าง นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่คนญี่ปุ่นไม่เคยรับมือมาก่อน” ศาสตราจารย์ฮิโรมิ เล่า

จากรายงานล่าสุด อัตราเงินเฟ้อของญี่ปุ่นในปี 2025 อาจแตะระดับ 12.2% ซึ่งถือว่าสูงผิดปกติสำหรับประเทศที่เคยพยายามดิ้นรนให้เงินเฟ้อขยับเพียง 2% มานานหลายทศวรรษ อีกทั้งในกลุ่มผู้สูงอายุที่อยู่บนระบบเงินบำนาญ ต่างได้รับผลกระทบหนัก เพราะรายรับไม่เพียงพอกับรายจ่ายเหมือนในอดีต ขณะที่กลุ่มวัยทำงานเองก็ต้องดิ้นรนกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทุกวัน โดยที่ค่าจ้างแทบไม่ขยับ

ความสิ้นหวังไม่ใช่แค่เรื่องเงิน แต่เป็นระบบที่ไม่ฟังเสียงคนรุ่นใหม่

นอกจากแรงกดดันทางเศรษฐกิจแล้ว ปัจจัยด้านการเมืองและสังคมก็ทำให้คนหนุ่มสาวญี่ปุ่นจำนวนมากหมดศรัทธาในประเทศของตนเอง โดยส่วนใหญ่มองว่า ระบบการเมืองไม่พัฒนาและย่ำอยู่ที่เดิม ขณะที่นักการเมืองก็มักเพิกเฉยต่อเสียงของคนรุ่นใหม่ รวมถึงปัญหาเก่าๆ ที่คั่งค้างอยู่ก็ถูกปล่อยทิ้งโดยไม่มีแนวทางแก้ไขใหม่ๆ เข้ามาจัดการ

ศาสตราจารย์ฮิโรมิ ชี้ว่า สิ่งที่น่ากังวลที่สุดคือ ความรู้สึกของผู้คนที่ว่า “ไม่มีใครฟัง” และ “ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง” ซึ่งทำให้คนหนุ่มสาวรู้สึกถูกทอดทิ้ง หากสำรวจความเห็นในโลกโซเชียลมีเดีย จะพบเสียงสะท้อนที่ชัดเจนว่าพวกเขาไม่มีความสุขในชีวิต

หนึ่งในความคิดเห็นยอดนิยมจาก Yahoo News Japan เขียนว่า “ต่อให้เก็บเงินได้เยอะ ก็ไม่มีวันซื้อบ้านในโตเกียวได้ และตอนแก่ก็อยู่ได้แค่บำนาญที่ไม่พอใช้ ญี่ปุ่นคือประเทศที่ออกแบบมาเพื่อให้คนไม่มีความสุข”

ชาวเน็ตอีกคนซึ่งอยู่ในวัย 30 ปลายๆ และมีรายได้หลายเท่าของเพื่อนร่วมรุ่น เขียนว่า “ไม่มีครอบครัว ไม่มีความสุข มีแต่ความกังวลเรื่องอนาคต ต่อให้มีเงินมากแค่ไหนก็ไม่มีความพึงพอใจเลย ทั้งหมดเป็นเพราะรัฐบาลล้มเหลว”

แม้ญี่ปุ่นจะมีเศรษฐกิจแข็งแกร่งและโครงสร้างพื้นฐานที่ดี แต่ผู้คนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนวัยเริ่มทำงาน กลับรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ประเทศที่สร้างความฝันได้อีกต่อไป ทั้งความพึงพอใจในชีวิตต่ำ ความคาดหวังต่ออนาคตเลือนราง และสัญญาณจากคนหนุ่มสาวที่อยาก “อยู่รอด” มากกว่า “เติบโต”

ทั้งหมดนี้สะท้อนวิกฤติศรัทธาในระบบสังคมและชีวิตการทำงานที่ลึกกว่าที่ตัวเลขเศรษฐกิจจะอธิบายได้ ..ถ้าคนรุ่นใหม่ไม่เห็นอนาคตของตัวเอง แล้วอนาคตของประเทศจะเป็นอย่างไร?

 

 

อ้างอิง: South China Morning Post, IPSOS Research