Gen Z แห่ทำงานอิสระ สร้างรายได้สูงแบบไม่ต้องทำหามรุ่งหามค่ำ

Gen Z แห่ทำงานอิสระ สร้างรายได้สูงแบบไม่ต้องทำหามรุ่งหามค่ำ

คนรุ่นใหม่ Gen Z เลือกงานอิสระ ทำงานน้อยลงแค่ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่สร้างรายได้หลักแสนต่อปี จากทักษะอาชีพที่หลากหลาย และการหารายได้จากหลายทาง

KEY

POINTS

  • สร้างรายได้หลักแสนได้ ไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ Gen Z พิสูจน์แล้วว่าแค่ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ก็สร้างรายได้หลักแสนต่อปีได้ ด้วยพอร์ตโฟลิโออาชีพและรายได้จากหลายทาง
  • ทักษะที่ใช่ + โมเดลหารายได้ที่ไม่ต้องลงแรงทุกครั้ง = รายได้โตไว โดยเริ่มจากเลือกทักษะรายได้สูง พัฒนาทักษะให้เป็นแพ็กเกจที่ขายได้เรื่อยๆ และเลือกรูปแบบทำเงินแบบออนไลน์ เช่น ขายสินค้าดิจิทัล หรือบริการแบบรายเดือน
  • วางแผนเวลาให้คุ้ม ใช้ระบบอัตโนมัติช่วยให้ทำงานน้อยลงแต่ได้มากขึ้น แบ่งเวลาอย่างชัดเจน ใช้เครื่องมือเทคฯ ให้เป็นประโยชน์ และโฟกัสกับสิ่งที่สร้างผลลัพธ์สูงสุด ก็ทำให้รายได้จากงานเสริมแซงงานประจำได้จริง

เชื่อว่าวัยทำงานหลายคนคงเคยได้ยินว่า ถ้าอยากมีรายได้สูงแตะหลักแสนดอลลาร์ต่อปี ต้องทำงานหนัก 60-80 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ (เกินวันละ 8 ชั่วโมงต่อวัน) ทั้งยังต้องฝ่าฟันเส้นทางอาชีพในออฟฟิศหลายปี แถมต้องเรียนให้จบทั้งปริญญาตรีและโท เพื่อผลักดันตัวเองให้ไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งสูงในองค์กร และขยับฐานเงินเดือนขึ้นไปเรื่อยๆ 

แต่ข้อมูลล่าสุดจากรายงานของ Henley & Partners ระบุว่า คนรุ่นใหม่กำลังเขย่าโลกการทำงานแบบดังเดิม และวัยทำงานรุ่นก่อนๆ อาจต้องหันมามองบรรทัดฐานการทำงานใหม่ เพราะยุคนี้ Gen Z กลายเป็นเจเนอเรชันที่เปลี่ยนแปลงวิถีการทำงานใหม่ และจะเป็นคนรุ่นที่รวยที่สุดเท่าที่เคยมีมา 

Gen Z หันสู่งานอิสระ-งานเสริม แต่ใช้กลยุทธ์สร้างรายได้ดีกว่างานประจำ

แล้วเพราะอะไร ที่ทำให้พวกเขาก้าวไปถึงจุดนั้น? ผู้เชี่ยวชาญด้านอาชีพอิสระอย่าง "เรเชล เวลล์" (Rachel Wells) ให้คำตอบไว้ว่า เป็นเพราะวัยทำงานรุ่นใหม่เริ่มต้นเร็ว กล้าลงทุน ไม่กลัวที่จะตั้งบริษัทสตาร์ทอัพ ทำงานฟรีแลนซ์ และมีอาชีพเสริมหลายทาง บางคนยังกลายเป็นอินฟลูเอนเซอร์หรือไมโครอินฟลูเอนเซอร์ ที่สามารถทำรายได้ถึงหลักแสนดอลลาร์ต่อปีในเวลาเพียงไม่กี่ปี ซึ่งสังเกตได้จากรายชื่อ Forbes 30 Under 30 ปี 2025 ที่มี Gen Z ติดโผเพียบ

Gen Z ไม่สนแล้วกับคำหลอกลวงขององค์กรใหญ่ๆ ที่ว่า “ทำงานให้หนัก แล้วสักวันจะรวย” พวกเขาขอเลือกเส้นทางอาชีพแบบพอร์ตโฟลิโอ (Portfolio Career) ที่มีรายได้จากหลายทาง ที่สามารถรองรับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตและนิสัยการใช้จ่ายของตัวเองได้มากกว่า ตามข้อมูลของ JobLeads ระบุว่า คนรุ่นใหม่มากกว่าครึ่งหนึ่ง (50%) หันไปทำงานฟรีแลนซ์แบบ Remote work แทนการทำงานประจำ

ที่น่าสนใจคือ.. ไม่ว่าคุณจะเป็นวัยทำงานรุ่นไหนๆ ก็สามารถทำแบบเดียวกันได้ ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม คุณก็สร้างอิสรภาพทางการเงิน และความมั่นคงในอาชีพ โดยไม่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ และยังอาจมีรายได้มากกว่างานประจำด้วยซ้ำ

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สูตรลัดให้รวยเร็ว แต่สิ่งที่เป็นไปได้ก็คือ คุณสามารถใช้ “Leverage Income Growth” หรือ การต่อยอดจาก "ทรัพยากรที่มี" (เวลา, ทักษะ, เทคโนโลยี) ให้สร้างรายได้ที่มากกว่าที่คุณต้องลงแรงจริงๆ โดยมันสามารถสร้างรายได้ในแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อน หรือสร้างรายได้ให้คุณได้แม้แต่ในตอนที่นอนหลับ

Gen Z แห่ทำงานอิสระ สร้างรายได้สูงแบบไม่ต้องทำหามรุ่งหามค่ำ

เปิด 5 ขั้นตอนสร้างงาน-สร้างรายได้สูงแบบวิถีชาว Gen Z

นี่คือ 5 ขั้นตอน ที่จะพาคุณไปถึงรายได้ห้าหลักต่อเดือน (หรือหกหลักต่อปี) ด้วยเวลาว่างแค่ 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ 

1. เลือกทักษะที่สร้างรายได้สูง

เริ่มจากสำรวจทักษะของตัวเอง แล้วเลือกทักษะที่สามารถสร้างรายได้สูงได้ทันที หรือถ้ายังไม่มี ก็เริ่มเรียนรู้ใหม่ ทักษะพวกนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เวลามหาศาล ขอแค่คุณแบ่งเวลาไม่กี่ชั่วโมงต่อสัปดาห์ เพื่อเรียนคอร์สออนไลน์หรืออบรมแบบที่มีใบรับรองให้เมื่อเรียนจบ ก็เริ่มต้นได้แล้ว ยิ่งลงทุนเวลากับมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างรายได้เร็วขึ้นเท่านั้น

ทั้งนี้ ข้อมูลจาก Coursera ระบุว่า ทักษะรายได้สูงในปี 2025 ได้แก่ Generative AI (GenAI), Data analysis, Software development, User experience (UX), Web development, Project management, Content creation and management ฯลฯ 

2. เลือกรูปแบบรายได้ Passive Income

เลือกโมเดลหารายได้ที่ไม่กินเวลามาก เช่น การขายสินค้าดิจิทัล หรือทำอีคอมเมิร์ซ ที่ใช้ต้นทุนน้อยและไม่จำเป็นต้องใช้เวลาทำงานเยอะในแต่ละสัปดาห์

3. รวมทักษะให้เป็นแพ็กเกจที่มีมูลค่าสูง

อย่าใช้แค่ทักษะเดียวในการทำงาน ให้คุณลองผสมผสานทักษะหลายๆ อย่างที่มีเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างข้อเสนอที่มีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้ได้รับค่าแรง/ค่าจ้างที่แพงขึ้นเช่น ถ้าคุณเก่งเขียนคอนเทนต์ และยังเชี่ยวชาญเรื่องการทำโปรไฟล์ LinkedIn คุณก็สามารถรวมสองอย่างนี้เพื่อสร้างแพ็กเกจ “สร้างและปรับแต่งโปรไฟล์ LinkedIn สำหรับผู้บริหาร” ได้เลย ซึ่งช่วยเพิ่มคุณค่าให้บริการของคุณ และสามารถตั้งราคาสูงขึ้นได้

4. เลิกวิ่งไล่งานแบบ "จ๊อบต่อจ๊อบ"

การรับทำงานแบบชิ้นเดียวจบมีความเสี่ยง เพราะคุณไม่รู้เลยว่าเมื่อไหร่จะได้เงินอีกครั้ง แถมส่วนใหญ่ยังได้เงินน้อยกว่างานระยะยาวด้วย ลองเปลี่ยนมาทำงานแบบ “รับเป็นแพ็กเกจรายเดือน” หรือเก็บค่าบริการแบบสมาชิกรายปี เช่น ถ้าลูกค้าคนหนึ่งจ่ายคุณเดือนละ 2,000 ดอลลาร์ ตลอดทั้งปี คุณก็มีรายได้รวม 24,000 ดอลลาร์ต่อคน (ก่อนหักภาษี) และถ้าคุณย้ายไปอยู่ในประเทศที่ภาษีต่ำหรือปลอดภาษี ก็จะเก็บเงินไว้ได้มากขึ้นด้วย

เมื่อคุณเริ่มมีลูกค้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รายได้ก็จะตามมาอย่างมั่นคง แค่มีลูกค้า 5 รายที่จ่ายเดือนละ 2,000 ดอลลาร์ ก็แปลว่าคุณจะสามารถทำรายได้ 120,000 ดอลลาร์ต่อปีได้แล้ว (ราวๆ 3,980,000 บาทต่อปี)

5. วางแผนใช้เวลาให้คุ้มค่า

หากใครมีงานประจำอยู่แล้วก็ยิ่งดี โดยสามารถหาทำงานเสริมเหล่านี้เพิ่มรายได้ได้อีกนอกเหนือจากงานประจำ แต่คุณควรมี “ระบบ” ที่ช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น เช่น ใช้เครื่องมืออัตโนมัติอย่าง Zapier หรือ Mailchimp ใช้ ChatGPT หรือ Jasper ในการช่วยเขียนคอนเทนต์ และใช้แพลตฟอร์มบริหารงานอย่าง Stripe, PayPal Business หรือ Monday.com เพื่อใช้จัดตารางเวลาให้ชัดเจน ยกตัวอย่างตารางงาน 6 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ อาจแบ่งเป็นแบบนี้ 

1 ชั่วโมง: ทำคอนเทนต์การตลาด
2 ชั่วโมง: สร้างหรือปรับข้อเสนอของคุณ
1 ชั่วโมง: จัดการเรื่องเอกสาร/งานแอดมิน
1 ชั่วโมง: วิเคราะห์ผลงานที่ผ่านมา
1 ชั่วโมง: ตอบคอมเมนต์ ข้อความ และลีดจากลูกค้า

ในยุคที่โลกการทำงานเปลี่ยนแปลงไปรวดเร็ว การทำงานในรูปแบบเดิมๆ อาจไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป เรเชล เวลล์ ย้ำว่า วัยทำงานยุคใหม่ไม่จำเป็นต้องทำงานให้หนักขึ้นเพื่อหาเงินให้มากขึ้น เพียงแค่ต้องทำงานให้ “ฉลาด” ขึ้นเท่านั้น โดยเริ่มจากจัดแพ็กเกจความสามารถของคุณ โฟกัสกับทักษะที่สร้างผลลัพธ์สูงสุด และขยายสิ่งนั้นให้เติบโต

ยิ่งคุณทำมันสม่ำเสมอเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น พอถึงจุดหนึ่งรายได้เหล่านั้นอาจกลายเป็นรายได้ที่แซงงานประจำของคุณไปแล้วก็ได้!

 

 

อ้างอิง: Forbes, Henleyglobal, Coursera.org