จีนเร่งหางานให้เด็กจบใหม่ ทำระบบจ้างงานครบวงจร สู้สงครามการค้า

จีนเร่งหางานให้เด็กจบใหม่ ทำระบบจ้างงานครบวงจร สู้สงครามการค้า

รัฐบาลปักกิ่งของจีนเร่งอุ้มเด็กจบใหม่ หนุนทำระบบหางานครบวงจร ใน 3-5 ปี หวังช่วยให้หางานง่ายขึ้นหวังสู้สงครามการค้า ท่ามกลางตัวเลขผู้ว่างงานหนุ่มสาวที่พุ่งไม่หยุด

KEY

POINTS

  • จีนเร่งช่วยเด็กจบใหม่หางาน สนับสนุนทำระบบจ้างงานครบวงจร พร้อมใช้ใน 3-5 ปี ครอบคลุมการฝึกทักษะ การแนะแนวอาชีพ การสมัครงาน การสนับสนุนผู้ด้อยโอกาส และการติดตามสถานการณ์แรงงาน
  • ตัวเลขบัณฑิตจบใหม่แตะ 12.22 ล้านคนในปีนี้ ตลาดแรงงานจีนรับมือยากขึ้น เมื่อจำนวนนักศึกษาจบใหม่สูงขึ้นทุกปี ขณะเศรษฐกิจชะลอตัวและโอกาสการจ้างงานน้อยลง
  • รัฐเดินหน้าแก้ปัญหาว่างงานของหนุ่มสาวตั้งแต่ต้นทาง ทั้งใช้มาตรการปรับหลักสูตรการศึกษา ขยายโอกาสเรียนต่อ ส่งเสริมสตาร์ทอัพ ฝึกงาน และอุดหนุนผู้สมัครงานที่ขาดโอกาส 

 

 

จีนเดินหน้ารับแรงกระแทกทางเศรษฐกิจจากสงครามการค้ากับสหรัฐฯ ด้วยการหันมาโฟกัสเรื่องการจ้างงาน โดยเฉพาะกลุ่มเด็กจบใหม่ที่กำลังเข้าสู่ตลาดแรงงานจำนวนมาก ล่าสุด ทางการปักกิ่งได้ประกาศแผนจัดตั้ง “ระบบสนับสนุนการจ้างงานแบบครบวงจร” ภายใน 3-5 ปี เพื่อช่วยให้บัณฑิตจบใหม่สามารถหางานได้ง่ายขึ้น ทั้งฝึกทักษะ สมัครงาน รับคำปรึกษาด้านอาชีพ ไปจนถึงการช่วยเหลือกลุ่มด้อยโอกาส

มาตรการนี้เป็นหนึ่งในหลายแผนรับมือของรัฐบาลจีน ท่ามกลางตัวเลขผู้ว่างงานในกลุ่มอายุ 16-24 ปี ที่เคยพุ่งแตะ 21.3% เมื่อกลางปี 2023 ขณะที่ปีนี้คาดว่ามีบัณฑิตจบใหม่เข้าสู่ตลาดแรงงานถึง 12.22 ล้านคน มากที่สุดเป็นประวัติการณ์

นอกจากการปรับหลักสูตรให้ตรงความต้องการตลาด ทางการยังเตรียมขยายโอกาสเรียนต่อระดับสูง ส่งเสริมการฝึกงาน การเป็นผู้ประกอบการ การทำงานอาสาสมัคร และการปรับระบบสอบเข้ารับราชการให้เหมาะสมยิ่งขึ้น

สงครามการค้ากับสหรัฐยืดเยื้อ จีนเร่งจ้างงาน เสริมความเชื่อมั่นตลาด

นโยบายดังกล่าวเป็นการยืนยันอีกครั้งต่อแนวทางที่ประกาศไว้ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการของรัฐบาลปักกิ่งในการพยุงเศรษฐกิจในประเทศและเสริมความเชื่อมั่นของตลาด เพื่อรับมือกับผลกระทบจากสงครามการค้าที่กำลังยืดเยื้อ

ทางการจีนระบุว่า เป้าหมายของการเคลื่อนไหวนี้ คือการสร้าง “หลักประกันที่มั่นคงสำหรับการจ้างงานที่มีคุณภาพและครอบคลุม” สำหรับบัณฑิตมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ 

แผนนี้ประกาศออกมาหลังสหรัฐฯ ภายใต้การนำของโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) เพิ่งขึ้นภาษีสินค้าจีนรอบใหม่เมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะที่จีนก็ไม่ยอมถอยง่าย ๆ และสวนกลับด้วยมาตรการตอบโต้ทันที

นายกรัฐมนตรีหลี่ เฉียง (Li Qiang) ได้หารือทางโทรศัพท์กับประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน (Ursula von der Leyen) โดยกล่าวว่า จีนเตรียมพร้อมเต็มที่สำหรับแรงกระแทกจากภายนอกที่อาจกระทบเศรษฐกิจ ดังนั้น การสร้างงานจึงเป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญของจีน โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจเผชิญวิกฤติ และจำนวนนักศึกษาที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดแรงงานแตะระดับสูงเป็นประวัติการณ์

จีนเร่งส่งเสริมการวางแผนอาชีพ เปิดโอกาสฝึกงาน พร้อมพัฒนาระบบรับสมัครงาน

สื่อทางการอย่าง People’s Daily ของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุในบทบรรณาธิการเมื่อวันอาทิตย์ว่า รัฐบาลจะเร่งพัฒนาเศรษฐกิจภายในประเทศ โดยเฉพาะในประเด็นการเพิ่มรายได้ และลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน เพื่อลดผลกระทบที่เกิดจากการส่งออกที่อาจหดตัวลง

นอกจากนี้ทางการจีนยังระบุแผนการปรับโครงสร้างหลักสูตรการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย เพื่อให้ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน เพิ่มจำนวนผู้เข้าศึกษาต่อระดับบัณฑิตศึกษา ส่งเสริมการวางแผนอาชีพแบบหลากหลาย เปิดโอกาสให้ฝึกงาน และพัฒนาระบบรับสมัครงานภายในมหาวิทยาลัยให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

รัฐบาลยังให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงระบบการสอบคัดเลือก และการทดสอบคุณสมบัติสำหรับงานภาครัฐ สนับสนุนการเป็นผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพ สนับสนุนการทำงานอาสาสมัคร มอบเงินอุดหนุนให้กับบัณฑิตกลุ่มด้อยโอกาส และช่วยให้พวกเขาเพิ่มพูนทักษะที่จำเป็น

อย่างไรก็ตาม ตามข้อมูลจากกระทรวงศึกษาธิการของจีน ระบุว่า ตลาดแรงงานของจีนเผชิญความตึงเครียดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกับกลุ่มเด็กจบใหม่ที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นทุกปี ขณะเดียวกัน เศรษฐกิจจีนที่ชะลอตัวและโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลง จึงทำให้คนหนุ่มสาวจำนวนมาก ต้องเผชิญกับปัญหาว่างงาน

โดยก่อนหน้านี้ในเดือนมิถุนายน 2023 อัตราว่างงานในกลุ่มอายุ 16-24 ปี พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ที่ 21.3% จนทางการต้องหยุดเผยแพร่สถิตินี้ชั่วคราว ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ที่ผ่านมา อัตราว่างงานของกลุ่มนี้แตะระดับ 16.9% แม้อาจจะดูน้อยลงกว่าปีก่อนๆ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับสูง

 

 

อ้างอิง: South China Morning Post