AI อาจทำ 5 อาชีพเสี่ยงหายไปในอีก 20 ปี ทั้งแคชเชียร์ คนขับรถ นักข่าว

AI จ่อเขย่าตลาดแรงงาน ผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอเตือน 5 อาชีพอาจเสี่ยงหายไปในอีก 20 ปีข้างหน้า คือ แคชเชียร์, คนขับรถบรรทุก, นักข่าว, พนักงานโรงงาน และวิศวกรซอฟต์แวร์
KEY
POINTS
- 5 อาชีพเสี่ยงถูกแทนที่ด้วย AI ในอีก 20 ปี ได้แก่ แคชเชียร์, คนขับรถบรรทุก, นักข่าว, พนักงานโรงงาน และซอฟต์แวร์เอ็นจิเนียร์ ทางผู้เชี่ยวชาญเอไอมองว่า มันจะเกิดขึ้นเมื่อเทคโนโลยีนี้พัฒนาเต็มที่
- ผู้เชี่ยวชาญสายเทคฯ มอง AI ในแง่บวก แต่ประชาชนยังไม่มั่นใจ โดย 56% ของผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า AI จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจและการทำงานในอนาคต ขณะที่ประชาชนทั่วไปเห็นด้วยแค่ 17%
- พนักงานหญิงในสายงานเทคฯ มักมองว่า AI จะส่งผลกระทบในแง่ลบมากกว่าผู้ชาย ขณะที่พนักงานชายมีแนวโน้มที่จะมอง AI ในแง่บวกและตื่นเต้นกับเทคโนโลยีนี้มากกว่าผู้หญิง
แม้ผู้เชี่ยวชาญสายเทคฯ จะมองโลกในแง่ดีว่า AI จะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจ และการทำงานในอนาคต แต่หลายคนก็เริ่มตั้งคำถามว่า แล้วพนักงานในบางสายอาชีพจะอยู่ตรงไหนในวันที่เทคโนโลยี และระบบอัตโนมัติเข้ามาทำงานแทนได้เกือบหมด?
รายงานล่าสุดจาก Pew Research Center เผยผลสำรวจความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญด้าน AI กว่า 1,000 คน เทียบกับประชาชนทั่วไปในสหรัฐ อีกกว่า 5,000 คน พบว่าทั้งสองกลุ่มมีมุมมองต่อ AI ที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน
ฝั่งผู้เชี่ยวชาญด้านเทคฯ และ AI กว่า 56% เชื่อว่า AI จะส่งผลดีต่อตลาดแรงงานในสหรัฐ ภายใน 20 ปีข้างหน้า ขณะที่ประชาชนทั่วไปเห็นด้วยเพียง 17% เท่านั้น และแม้ผู้เชี่ยวชาญจะไม่เชื่อว่า AI จะทำให้จำนวนงานโดยรวมลดลง แต่พวกเขาก็เตือนว่า “บางอาชีพ” มีความเสี่ยงสูงที่จะหายไปหรือถูกแทนที่ด้วย AI อย่างสมบูรณ์
5 อาชีพเสี่ยงหายไปมากที่สุดในอีก 20 ปี เหตุโดน AI ดิสรัปต์
แม้ผู้เชี่ยวชาญจะไม่กังวลว่า AI จะทำให้จำนวนงานโดยรวมลดลง แต่พวกเขาก็แสดงความเห็นด้วยว่าบางอาชีพมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแทนที่ โดยอาชีพ 5 อันดับแรกที่เสี่ยงจะหายไปในอนาคต ได้แก่
- แคชเชียร์ (พนักงานเก็บเงิน) : ผู้เชี่ยวชาญ 73% เชื่อว่ามีความเสี่ยงสูง
- คนขับรถบรรทุก : ผู้เชี่ยวชาญ 62% เชื่อว่ามีความเสี่ยง
- นักข่าว : ผู้เชี่ยวชาญ 60% เชื่อว่ามีความเสี่ยง
- พนักงานโรงงาน : ผู้เชี่ยวชาญ 60% เชื่อว่ามีความเสี่ยง
- วิศวกรซอฟต์แวร์ : ผู้เชี่ยวชาญ 50% เชื่อว่ามีความเสี่ยง
น่าสนใจว่าประชาชนทั่วไปเห็นด้วยกับผู้เชี่ยวชาญว่ามีหลายอาชีพที่เสี่ยงสูง แต่กรณี “คนขับรถบรรทุก” กลับมีประชาชนเพียง 33% เท่านั้นที่เชื่อว่าจะได้รับผลกระทบ ทั้งที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า "เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับ" มีแนวโน้มพัฒนาเร็ว และอาจแทนที่แรงงานคนขับรถได้ในไม่ช้า
ความกังวลเรื่องงาน และความเป็นมนุษย์ที่อาจหายไป
เจฟฟ์ ก็อตต์ฟรีด (Jeff Gottfried) ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยของ Pew ให้สัมภาษณ์กับ CNBC Make It ว่า ความกลัว AI จะมาแย่งงาน และลดทอนการเชื่อมโยงของมนุษย์เป็นเรื่องที่คนอเมริกันกังวลมาอย่างยาวนาน
แม้ประชาชน และผู้เชี่ยวชาญจะมีมุมมองต่างกันในหลายเรื่อง แต่ทั้งสองกลุ่มก็เห็นตรงกันในบางประเด็น เช่น เชื่อว่า AI อาจช่วยเหลือได้มากในด้านการแพทย์, ยังไม่เชื่อว่า AI จะช่วยให้ข่าวหรือการเลือกตั้งแม่นยำขึ้น, อยากมีอำนาจควบคุมการใช้ AI ในชีวิตของตนเองมากกว่านี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มไหน ต่างก็ไม่ค่อยมั่นใจว่ารัฐบาลสหรัฐ จะสามารถกำกับดูแล AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือเชื่อว่าเอกชนจะใช้เทคโนโลยีนี้อย่างมีความรับผิดชอบ
“เราคิดว่าการฟังทั้งสองฝั่งมีความสำคัญมาก ไม่ใช่เรื่องของใครถูกหรือผิด แต่คือ การเข้าใจประสบการณ์ และมุมมองของแต่ละกลุ่มที่จำเป็นต่อบทสนทนาเรื่องอนาคตของ AI” ก็อตต์ฟรีด อธิบายในมุมมองของเขา
พนักงานหญิงสายงานเทคฯ ยังมอง AI ด้วยความหวาดระแวง
แม้แต่ในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญสายเทคฯ เอง ก็มีความเห็นที่หลากหลาย ตัวอย่างเช่น ผู้เชี่ยวชาญที่ทำงานในมหาวิทยาลัยมักจะสงสัยเกี่ยวกับ AI มากกว่าคนที่ทำงานในภาคเอกชนว่า บริษัทพัฒนา AI มีความรับผิดชอบต่อสังคมจริงหรือไม่
นอกจากนี้ยังพบความเห็นที่แตกต่างกันระหว่างเพศชาย และเพศหญิงอย่างชัดเจน โดยพนักงานชายที่ทำงานด้าน AI มากถึง 63% มองว่า AI จะส่งผลดีต่อสหรัฐ ขณะที่พนักงานหญิงเห็นด้วยกับประเด็นนี้เพียง 36% เท่านั้น ตามรายงานยังบอกอีกว่า พนักงานชายยังรู้สึก “ตื่นเต้น” เกี่ยวกับ AI มากกว่าผู้หญิง (53% vs. 30%) และมองว่า AI จะส่งผลดีต่อชีวิตตนเองมากกว่าด้วย (81% vs. 64%)
ข้อมูลนี้โดดเด่นมาก ทีมวิจัยพบความต่างระหว่างเพศชัดเจน แม้แต่ในกลุ่มวัยทำงานที่ใกล้ชิดกับเทคโนโลยี AI มากที่สุด
อีกทั้งมีผลวิจัยก่อนหน้านี้ที่รายงานว่า งานที่มักมีผู้หญิงทำ เช่น งานธุรการ และงานบริการลูกค้า เป็นกลุ่มที่ถูกแทนที่ด้วยเทคโนโลยีได้ง่าย และเมื่อผู้หญิงมีสัดส่วนน้อยในอุตสาหกรรม AI ก็ยิ่งส่งผลต่อแนวทางการพัฒนาเทคโนโลยีนี้ในระยะยาว
เคย์ เฟิร์ธ-บัตเตอร์ฟิลด์ (Kay Firth-Butterfield) หัวหน้าฝ่าย AI ของ World Economic Forum เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ปี 2018 ว่า “คนที่พัฒนา AI ควรสะท้อนความหลากหลายของประชากรทั้งหมด ไม่ใช่แค่บางกลุ่ม” และนั่นอาจเป็นหนึ่งในคำตอบว่า ทำไมเราต้องฟังเสียงของทุกคนในวันที่ AI กำลังจะเปลี่ยนโลกใบนี้ไปตลอดกาล
อ้างอิง: CNBC, PEW Research, WEF
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์