เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

ปิดฉาก 'งานสัปดาห์หนังสือ' ครั้งที่ 53 พร้อมกับบทสรุป กลุ่มนักอ่านกลุ่มไหนมากสุด การเจรจาขายลิขสิทธิ์เติบโตถึง 200 กว่าคู่ ทำเงินกว่า 68 ล้านบาท

งานสัปดาห์หนังสือครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 ระหว่างวันที่ 27 มีนาคม - 8 เมษายน 2568 ได้เสร็จสิ้นลงไปแล้ว

ผลปรากฎว่า ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมาย มีนักอ่านเข้าร่วมงานกว่า 1.3 ล้านคน ทั้งที่มีเหตุการณ์แผ่นดินไหว เข้ามาสั่นคลอน 

สุวิช รุ่งวัฒนไพบูลย์ นายกสมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) เปิดเผยว่า การจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่ 53 และสัปดาห์หนังสือนานาชาติ ครั้งที่ 23 วันที่ 27 มีนาคม - 8 เมษายน 2568 ประสบความสำเร็จมาก

"เห็นได้จากจำนวนนักอ่านที่เข้าร่วมงานตลอด 13 วัน มีมากกว่า 1.3 ล้านคน เป็นไปตามเป้าหมาย  แม้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว ประเทศเมียนมา ส่งแรงสั่นสะเทือนมายังประเทศไทย ในวันที่ 28 มีนาคม 2568 ทำให้ต้องปิดงานก่อน

เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

หลังจากนั้น นักอ่านก็กลับมาร่วมงานมากขึ้น ในวันที่ 29 มีนาคม มีมากกว่า 1.3 แสนคน

ในวันธรรมดา มีผู้เข้าร่วมงาน 7-8 หมื่นคนต่อวัน วันเสาร์-อาทิตย์ 1.3-1.5 แสนคนต่อวัน สูงกว่าปีก่อน ล่าสุดวันที่ 6 เมษายน มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 1.7 แสนคน ถือเป็นสถิติใหม่

กลุ่มนักอ่านที่เข้ามาร่วมงานมากที่สุด คือ Gen Z คิดเป็นสัดส่วน 43.65% ตามมาด้วย Gen Y คิดเป็นสัดส่วน 36.1% และ Gen X คิดเป็นสัดส่วน 19.75% แบ่งเป็นผู้หญิง 66% ผู้ชาย 27% LGBTQ+ 6% ไม่ระบุเพศ 1%

เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

Cr. Kanok Shokjaratkul

อัตราเฉลี่ยของการซื้อหนังสือ พบว่า นักอ่านใช้จ่ายเงินซื้อหนังสือ 600-1,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 30.88% ตามด้วย 1,000-1,500 บาท คิดเป็นสัดส่วน 14.70% และมากกว่า 3,000 บาท คิดเป็นสัดส่วน 12.84%

ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จมีหลายประการ อาทิ การสร้างชุมชนนักอ่านที่เข้มแข็ง การประชาสัมพันธ์ ส่งต่อข้อมูล การใช้เทคโนโลยี และโซเชียลมีเดีย การเชิญชวนของอินฟลูเอนเซอร์ ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างขึ้น

เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

Cr. Kanok Shokjaratkul

การจัดกิจกรรมเตรียมความพร้อมให้กับสมาชิกก่อนถึงวันงาน และการสร้างบรรยากาศภายในงานที่น่าสนใจ ทำให้ผู้เข้าร่วมงานสามารถใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่

กิจกรรมที่ประสบความสำเร็จมากคือ Author’s Salon เปิดพื้นที่ให้นักเขียนอิสระทุกประเภท ผู้เชี่ยวชาญในหลายสาขา ได้มาพูดคุยแลกเปลี่ยนกับนักอ่าน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ และแรงบันดาลใจให้กับนักอ่าน

เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

สรุปภาพรวม มีจำนวนสำนักพิมพ์และจำนวนผู้อ่านที่เข้าร่วมงานเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ ยอดขายโดยรวม ก็ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา

ที่ประสบความสำเร็จมากคือ การจัดงาน Bangkok Rights Fair 2025  มีการซื้อขายลิขสิทธิ์มากถึง 271 คู่ จาก135 บริษัท ใน 14 ประเทศ ได้แก่ เกาหลี, จีน, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน, ไทย, พม่า, ฟิลิปปินส์, มาเลเซีย, รัสเซีย, เวียดนาม, สหราชอาณาจักร, สิงคโปร์, อินเดีย และอินโดนีเซีย 

เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

Cr. Kanok Shokjaratkul

แบ่งเป็นบริษัทต่างชาติ 43 ราย บริษัทไทย 92 ราย แบ่งเป็นจำนวนผู้ซื้อ 63 ราย ผู้ขาย 107 ราย มียอดซื้อขายลิขสิทธิ์มากกว่า 68 ล้านบาท

ในอนาคตจะมีการยกระดับการเจรจาซื้อขายหนังสือให้มากขึ้น และผลักดันไทยให้เป็นศูนย์กลางหนังสือของอาเซียนอย่างเต็มตัวในปี 2569

เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ Taipei Book Fair Foundation เพื่อเข้าร่วมงาน Taipei International Book Exhibition 2026 ในฐานะ Guest of Honor โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะมีสำนักพิมพ์ไทยเข้าร่วมงาน 30 สำนักพิมพ์ มีมูลค่าการขายลิขสิทธิ์อยู่ที่ 15.7 ล้านบาท

และมีการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับ Taiwan Creative Content Agency เพื่อเข้าร่วมโครงการแลกเปลี่ยน Fellowship Program ระหว่างสำนักพิมพ์ หรือตัวแทนลิขสิทธิ์จากไต้หวันและไทย ในงาน Taipei International Book Exhibition และ Bangkok International Book Fair โดยให้ทุนค่าตั๋วเครื่องบินไป-กลับและที่พัก 3 วัน 4 คืน มีการจัดกิจกรรมและแลกเปลี่ยนข้อมูลอุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ทั้งสองฝ่าย

เกินเป้าหมาย 'งานสัปดาห์หนังสือ' ปี 68 คนมางานกว่า 1.3 ล้านคน

สมาคมผู้จัดพิมพ์และผู้จำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย (PUBAT) พร้อมเดินหน้า 4 ยุทธศาสตร์ ผลักดัน หนังสือไทย เป็น ซอฟต์พาวเวอร์ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

มั่นใจ ภายใน 2 ปี พาหนังสือไทยขึ้นแท่น ศูนย์กลางอาเซียน, 5 ปี ศูนย์กลางเอเชีย และเป้าหมายสูงสุด ศูนย์กลางของโลก ภายใน 10 ปี"