กฏ 37% ในการตัดสินใจ | เส้นทางแห่งผู้นำ

สัปดาห์นี้มาคุยกันต่อเรื่อง Augmented Leadership การเสริมสร้างภาวะผู้นำด้วยเทคโนโลยีเช่น Artificial Intelligence (AI) เพื่อช่วยผู้บริหารรับมือกับโจทย์ที่นับวันจะท้าทายขึ้นแห่ง Rapid, Unpredictable, Paradoxical, and Tangled (RUPT)

ในยุคแห่ง RUPT ผู้นำมีตัวช่วยอะไรบ้างในการตัดสินใจ? กฎ 37% มีรากฐานมาจาก Optimal Stopping Theory ซึ่งเป็นแนวคิดทางคณิตศาสตร์และสถิติที่ช่วยให้เราตัดสินใจเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์ที่มีข้อจำกัดด้านเวลาและข้อมูลแนวคิดนี้ได้รับการพัฒนาโดยนักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ด้านการตัดสินใจ เช่น Richard Bellman ซึ่งเป็นผู้บุกเบิก Dynamic Programming และนักวิจัยด้านทฤษฎีความน่าจะเป็นในช่วงศตวรรษที่ 20

ตามสไตล์ Augmented Leader ผมถาม AI ว่า“กฎ 37% คืออะไร?”

กฎนี้มาจากหลักการหยุดในเวลาที่ดีที่สุด หากคุณต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดจากตัวเลือกที่มีอยู่ในระยะเวลาหรือโอกาสอันจำกัด กฎนี้แนะนำว่า ควรสำรวจตัวเลือกประมาณ 37% ก่อน แล้วค่อยตัดสินใจเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในช่วงที่เหลือ เช่น

หากคุณกำลังมองหาคู่ชีวิตและคิดว่าจะมีโอกาสได้พบคนน่าสนใจประมาณ 10 คนในช่วงชีวิตของคุณ กฎ 37% แนะนำว่าคุณควรทำความรู้จักกับ 3-4 คนแรกก่อน โดยไม่รีบตัดสินใจ จากนั้นเมื่อลองศึกษาและเข้าใจตัวเลือกในช่วงแรกแล้ว ค่อยตัดสินใจเลือกคนที่ดีที่สุดจากกลุ่มที่เหลือ

สมมติคุณอยากย้ายลงจากคอนโดไปหาบ้านใหม่ และตั้งใจจะดูบ้าน 20 หลัง กฎ 37% แนะนำให้คุณ สำรวจบ้านประมาณ 7 หลังแรกเพื่อเข้าใจตัวเลือกและราคาตลาด จากนั้นเมื่อคุณพบบ้านที่ดีกว่าในช่วงที่เหลือ ก็สามารถตัดสินใจได้โดยมีข้อมูลที่รอบด้าน

อือม์ น่าสนใจ แต่ก่อนจะเชื่อ ผมถามเจ้า AI ให้มัน “อธิบายต่อหน่อยได้ไหมว่าเจ้ากฏนี้มันมาได้ไง ลอจิคคืออะไรเหรอ?”

กฎ 37% ช่วยให้เราสำรวจตัวเลือกแรก ๆ เพื่อเข้าใจแนวโน้มก่อน โดยไม่รีบตัดสินใจเร็วเกินไป และเมื่อเรามีความรู้มากขึ้นจากตัวเลือกที่ลองสำรวจ เราก็สามารถเลือกตัวเลือกที่ดีได้จากช่วงที่เหลือ โดยไม่ปล่อยให้ตัวเลือกดี ๆ หลุดมือไป ซึ่งสมการทางคณิตศาสตร์คำนวณค่าออกมาได้ที่ ประมาณ 37% ดังนั้น หากคุณต้องเลือกจากตัวเลือกทั้งหมด n ตัวเลือก คุณควรสำรวจ 37% แรกก่อน แล้วเลือกตัวเลือกที่ดีที่สุดจากช่วงที่เหลือ

ในบริบทของการทำงาน เช่นการสรรหาบุคลากรที่เหมาะสม กฏนี้แนะนำให้ปล่อยผ่านผู้สมัคร 37% แรกของทั้งหมด จากนั้นจึงเลือกผู้สมัครที่ดีที่สุดจากตัวเลือกที่เหลือ หรือ การเลือกกลยุทธ์ธุรกิจ เช่นการเลือกผลิตภัณฑ์ที่จะพัฒนา ควรทดลองวิจัยตัวเลือกแรกๆ สัก 37% ก่อน จากนั้นค่อยตัดสินใจเลือกทางที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด หรือ การตัดสินใจด้านวัฒนธรรมองค์กร เช่น การกำหนดค่านิยมของบริษัท ควรทดลองนำไปใช้ในกลุ่มพนักงานบางส่วน (ประมาณ 37%) ก่อน แล้วดูผลตอบรับก่อนที่จะนำไปใช้ทั้งองค์กร วิธีนี้ช่วยลดข้อผิดพลาดและทำให้มั่นใจว่าการตัดสินใจเหมาะสมกับพนักงาน

อ่ะฮ้า เริ่มเข้าใจละ แต่กฏนี้มีข้อจำกัดนั่นก็คือ ดวงของคุณ หากคุณบังเอิญมีเนื้อคู่อยู่ใน 37% แรกเหมือนฟ้าลิขิต หรือคำตอบที่ใช่อยู่ในตัวเลือกอันดับที่ 100 อันนั้นช่วยอะไรไม่ได้ เพราะสมการเลขคำนวณมาจากความน่าจะเป็น หรือโอกาสทำให้คุณประสบความสำเร็จสูงสุด ไม่ใช่หมอดูที่จะฟันธง

ในลองพิสูจน์ดูหน่อยสิว่าเจ้ากฏนี้มันจริงแค่ไหน เอ้า.. AI “ถ้าผมตั้งใจจะเดตช่วงอายุ 20-48 ลองใช้กฏนี้บอกซิว่าผมควรจะเลือกคนที่จะแต่งงานด้วยเมื่ออายุเท่าไหร่”

ตึ้ดๆๆ คำนวณอายุที่เหมาะสม 28 x 0.37 = 10.36 ปี ดังนั้น คุณควรใช้เวลาประมาณ 10 ปีแรก เพื่อเดตและทำความรู้จักกับคนหลากหลาย โดยไม่รีบตัดสินใจเลือกคู่แต่งงาน จากนั้น หลังจากผ่านไปแล้ว 10 ปี (นั่นก็คือเมื่อคุณอายุ 30 ปี) คุณสามารถเริ่มเลือกคู่ที่ดีที่สุดจากตัวเลือกที่เหลือได้

เอาล่ะ คำถามสุดท้ายให้ AI “ถ้าผมเกิดเดือนธันวา ปี 1974 ผมอายุเท่าไหร่ตอนผมแต่งงานกับภรรยาในเดือนธันวา 2005”

หากคุณเกิดในเดือน ธันวาคม 1974 ณ เดือนเดียวกันปี 2005 ที่คุณแต่งงานกับคุณเพชร อายุของคุณคือ 31 ปี .... เฮ้ย!!!

แม้กฎนี้จะช่วยให้คุณวางแผนได้ดีขึ้น แต่อย่าลืมว่าความรักและความสัมพันธ์เป็นเรื่องของหัวใจและอารมณ์ ดังนั้น อย่าลืมฟังหัวใจตัวเองด้วย

มีอะไรอีกที่คุณอยากให้ช่วยคำนวณไหมครับ?