เข้างานก่อนเวลา 5 นาที ไม่แฟร์ พนักงานญี่ปุ่นร้องขอค่าล่วงเวลา

เข้างานก่อนเวลา 5 นาที ไม่แฟร์ พนักงานญี่ปุ่นร้องขอค่าล่วงเวลา

ข้าราชการญี่ปุ่นโดนบังคับให้เข้างานก่อนเวลา 5 นาที พวกเขามองว่าไม่แฟร์และเรียกร้องค่าล่วงเวลาย้อนหลัง 3 ปี สุดท้ายได้รับค่าชดเชยกว่า 10 ล้านเยน

KEY

POINTS

  • ข้าราชการจำนวน 146 คนในเมืองกีนัน จังหวัดกิฟุ ประเทศญี่ปุ่น ถูกสั่งให้ตอกบัตรเวลาเข้างานตอน 08.25 น. ซึ่งเร็วกว่างานปกติ 5 นาทีทุกวัน ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังถูกขู่ไล่ออกบ่อยๆ 
  • ข้าราชการญี่ปุ่นรวมตัวกันเรียกร้องค่าล่วงเวลา (จากการที่ถูกบังคับเข้างานก่อนเวลา) สุดท้ายเมืองแห่งนั้นก็ถูกสั่งให้จ่ายค่าล่วงเวลาย้อนหลังเป็นเงินมากกว่า 10 ล้านเยน
  • ข้อมูลจาก World Economic Forum ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับนานาชาติ พบว่า ประมาณ 1 ใน 10 ของคนทำงานในญี่ปุ่น ต้องทำงานล่วงเวลามากกว่า 80 ชั่วโมงต่อเดือน

 

เมืองแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นเคยออกคำสั่งให้พนักงานข้าราชการมาเข้างานก่อนเวลา 5 นาทีทุกวัน เพื่อเข้าร่วมการประชุม ต่อมาเหล่าข้าราชการรวมตัวกันเรียกร้องว่าคำสั่งนี้ไม่เป็นธรรม และพวกเขาควรได้ค่าล่วงเวลาจากคำสั่งดังกล่าว สุดท้ายเมืองแห่งนั้นก็ถูกสั่งให้จ่ายค่าล่วงเวลาย้อนหลังเป็นเงินมากกว่า 10 ล้านเยน (ประมาณ 2,270,000 บาท)

การจ่ายเงินชดเชยให้พนักงานครั้งนี้ จุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างดุเดือดในโลกออนไลน์ของวัยทำงานทั่วทั้งญี่ปุ่น

สั่งให้ข้าราชการเข้างาน 08.25 น. ก่อนเวลางานจริง 5 นาทีไม่พอ แถมยังขู่ไล่ออก

จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์นี้เริ่มขึ้นเมื่อหลายปีก่อน ตั้งแต่วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2021 เมื่อพนักงานรัฐจำนวน 146 คนในเมืองกีนัน จังหวัดกิฟุ ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะฮอนชูของญี่ปุ่น ถูกสั่งให้ตอกบัตรเวลาเข้างานตอน 08.25 น. ซึ่งเวลานี้เร็วกว่าช่วงเริ่มงานปกติของพวกเขา 5 นาทีในทุกวัน

นโยบายดังกล่าวถูกนำมาใช้โดยนาย "ฮิเดโอะ โคจิมะ" อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกีนัน ซึ่งออกคำสั่งนี้ให้พนักงานทั้ง 146 คนต้องปฏิบัติตามตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2021 

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ให้เหตุผลที่ชัดเจนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนี้ แต่โคจิมะเป็นผู้นำที่เลื่องลือในแง่ของความ Toxic กับลูกน้อง โดยมีสไตล์การบริหารที่เข้มงวดและพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในที่ทำงาน ยกตัวอย่างเช่น เขามักจะตะคอกใส่ลูกน้อง และขู่ลดตำแหน่งหรือไล่ออก หากผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวน โคจิมะปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ แต่เขาลาออกจากตำแหน่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว ทำให้นโยบายดังกล่าวถูกยกเลิกในเดือนมีนาคม 2024

แม้กฎนี้ยกเลิกไปแล้ว แต่พนักงานญี่ปุ่นร้องขอความเป็นธรรม สุดท้ายเมืองยอมชดเชย

หลังจากตัวการของปัญหาลาออกจากตำแหน่งไปแล้ว แต่กลับเกิดข้อพิพาทเรื่องค่าล่วงเวลาขึ้น แม้นโยบายนี้จะถูกยกเลิกไปแล้ว แต่พนักงานยังคงเห็นว่าการทำงานเพิ่มขึ้นวันละ 5 นาทีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ควรถือเป็น "การทำงานล่วงเวลา" และควรได้รับค่าล่วงเวลา (OT) ด้วย

พวกเขายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ "คณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรมของญี่ปุ่น (Japan Fair Trade Commission)" ในเดือนธันวาคม 2023 เพื่อขอค่าล่วงเวลาย้อนหลังเป็นระยะเวลา 3 ปี ในที่สุดเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2024 ที่ผ่านมา คณะกรรมการมีคำตัดสินเข้าข้างพนักงาน และสั่งให้เมืองจ่ายค่าชดเชยรวมกว่า 10.9 ล้านเยน หรือราวๆ 2,470,000 บาท

ต่อมาในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2025 มีการเสนอร่างงบประมาณเพิ่มเติมต่อสภาเมืองเพื่อแก้ไขปัญหาการจ่ายค่าชดเชยนี้ อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีรายงานว่า เงินชดเชยดังกล่าวยังไม่ได้ถูกจ่ายออกไปให้แก่พนักงานที่ร้องเรียนในประเด็นนี้

ข้อพิพาทครั้งใหญ่ สะท้อนวัฒนธรรมการทำงานล่วงเวลาในญี่ปุ่น

ตามข้อมูลจาก World Economic Forum ซึ่งเป็นองค์กรพัฒนาเอกชนระดับนานาชาติ พบว่าประมาณ 1 ใน 10 ของคนทำงานในญี่ปุ่น ต้องทำงานล่วงเวลามากกว่า 80 ชั่วโมงต่อเดือน

ทั้งนี้ หลังจากสื่อยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่นอย่าง All Nippon News Network ได้รายงานเหตุการณ์นี้ออกสู่สาธารชน ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากชาวเน็ตญี่ปุ่นที่ไม่พอใจกับวัฒนธรรมการทำงานล่วงเวลาในประเทศของตนเอง โดยออกมาแสดงความคิดเห็นต่อประเด็นนี้กันอย่างกว้างขวาง

ชาวเน็ตคนหนึ่งแสดงความคิดเห็นว่า "บริษัทที่ฉันทำงานอยู่มีการบังคับเข้าประชุม 10 นาทีในช่วงพักเที่ยงทุกวัน ฉันคิดว่านี่ผิดกฎหมายชัดๆ พวกเราควรร้องเรียนต่อคณะกรรมการการค้าที่เป็นธรรมด้วยไหม?"

ขณะที่ชาวเน็ตอีกคนเสริมว่า "บางบริษัทให้พนักงานประชุมตอนเช้า ทำความสะอาดสำนักงาน หรือแม้แต่ทำกายบริหารก่อนเริ่มงาน แต่ตามกฎหมาย สิ่งเหล่านี้ถือเป็นการทำงานล่วงเวลา"

ขณะเดียวกัน มีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ชาวจีนก็แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยความอิจฉา โดยชาวจีนคนหนึ่งตั้งคำถามว่า "เดี๋ยวนะ... ข้าราชการญี่ปุ่นทำงานแค่วันละ 7 ชั่วโมง 45 นาทีเท่านั้นเหรอ?" ขณะที่อีกคนกล่าวติดตลกว่า "จะทำยังไงให้หัวหน้าฉันบังเอิญมาเห็นข่าวนี้ดีนะ?" ซึ่งคาดเดาได้ว่าวัฒนธรรมการทำงานของชาวจีนน่าจะแตกต่างออกไป ส่วนใหญ่อาจทำงานในจำนวนชั่วโมงที่ยาวนานกว่านี้

 

อ้างอิง: South China Morning PostWorld Economic Forum