ฉลาด ขยัน ทำงานหนัก คำต้องห้ามตอนสัมภาษณ์งาน ไม่ชี้ทักษะเจาะจง

ฉลาด ขยัน ทำงานหนัก คำต้องห้ามตอนสัมภาษณ์งาน ไม่ชี้ทักษะเจาะจง

อดีตผู้บริหารฝ่าย HR จาก Microsoft แนะวัยทำงานรุ่นใหม่ เวลาสัมภาษณ์งานอย่าพูดแค่คำว่า "ฉันฉลาด ขยัน เป็นคนทำงานหนัก" เพราะมันไม่บอกทักษะที่เจาะจง อาจพลาดงานไม่รู้ตัว!

KEY

POINTS

  • เปิดวิธีเตรียมตัวสัมภาษณ์งานให้ปัง เพิ่มโอกาสได้งานในฝัน ผู้เชี่ยวชาญอดีต HR จาก Microsoft แนะนำว่าอย่าพูดแค่คำว่า "ฉันฉลาด ฉันทำงานหนัก" เพียงอย่างเดียว แต่ต้องเล่าถึงทักษะการทำงานที่มีให้เห็นชัดเจนด้วย
  • ในขณะสัมภาษณ์งาน ผู้สมัครควรหาจุดแข็งที่ทำให้ตนเองโดดเด่นจากคนอื่น เช่น คุณเป็นคนที่เรียนรู้เร็วหรือมีความสามารถในการแก้ปัญหาอย่างสร้างสรรค์ แล้วใช้ตัวอย่างจากประสบการณ์จริงที่เคยเผชิญมาเล่าประกอบควบคู่กันไป
  • อย่าลืมระบุผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม เช่น โครงการที่สำเร็จ ยอดขายที่เพิ่มขึ้น หรือผลกระทบเชิงบวกที่เกิดจากการแก้ปัญหาของคุณ เหล่านี้จะแสดงให้เห็นถึงคุณค่าที่แท้จริงของคุณต่อองค์กร

 

วัยทำงาน รุ่นใหม่ ที่เพิ่งจะก้าวเข้าสู่โลกการทำงานได้ไม่นาน อาจต้อง การคำแนะนำการหางานและการสัมภาษณ์งาน ให้มากขึ้น เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด ก่อนจะลงสนามคว้างานที่คาดหวังไว้มาให้ได้ หนึ่งในคำแนะนำที่น่าจะเป็นประโยชน์ไม่น้อย จากปากของอดีตหัวหน้าฝ่าย HR ของบริษัท Microsoft ก็คือ "อย่าพูดแค่คำว่า ฉันฉลาด ขยัน และเป็นคนทำงานหนัก" ตอนสัมภาษณ์งาน อาจทำให้พลาดงานนั้นแบบไม่รู้ตัว

ซาบินา นาวาซ (Sabina Nawaz) เป็นโค้ชด้านการบริหารระดับสูงที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี ก่อนจะก่อตั้งบริษัทของตัวเอง เธอเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคล ที่ Microsoft มานานถึง 15 ปี 

จากประสบการณ์ของเธอพบว่า มีสัญญาณเตือนหลายอย่างที่ทำให้เธอไม่ประทับใจในการสัมภาษณ์งานผู้สมัครหลายราย เช่น มาสาย ตั้งกล้องไม่ถูกตำแหน่ง (หากเป็นการสัมภาษณ์ออนไลน์) หรือแม้แต่ไม่ส่งข้อความขอบคุณหลังสัมภาษณ์

"อีกหนึ่งข้อผิดพลาดสำคัญคือ การไม่เตรียมตัวพูดถึงจุดแข็งของตัวเอง มีคนมากมายที่ไม่ใส่ใจเรื่องพื้นฐานเหล่านี้" นาวาซ บอก แต่เธอก็มีวิธีง่ายๆ ที่ช่วยให้ผู้สมัครงานมือใหม่สามารถดึงจุดเด่นของตัวเอง แสดงออกมาให้ตัวแทนบริษัทเห็นได้ชัดเจนมากขึ้น

อย่าพูดแค่คำว่า "ฉันฉลาด ขยัน ทำงานหนัก" เพราะมันไม่เจาะจงถึงทักษะที่มี

ขณะสัมภาษณ์งานหากถูกถามถึงจุดแข็งของตนเอง หลายคนมักตอบแบบกว้างๆ เกินไป จนไม่สามารถสื่อถึงตัวตน หรือทักษะความสามารถที่แท้จริงได้ นาวาซ บอกว่า "ผู้สมัครงานมักจะบอกว่า พวกเขาฉลาด ฉันขยัน และทำงานหนักจนโครงการสำเร็จลุล่วงได้ ซึ่งมันก็ดีนะ แต่มันดูธรรมดาเป็นสิ่งที่ทุกคนพูดเหมือนกันหมด จนทำให้คุณไม่โดดเด่น"

ดังนั้นนาวาซจึงแนะนำว่า สิ่งที่ผู้สมัครควรทำแทนคำพูดเหล่านั้น ก็คือ หาสิ่งที่ทำให้คุณแตกต่างจากคนอื่น และเล่าออกมาเป็นเรื่องราวที่ทำให้เห็นภาพชัดเจน 

โดยลองคิดถึงตัวอย่างการทำงานหรือกิจกรรม 20 - 30 เรื่อง จากประสบการณ์ส่วนตัว หรือโครงการที่คุณเคยทำ ทั้งในที่ทำงานและชีวิตส่วนตัว จากนั้นคัดเลือกเรื่องที่คุณทำด้วยตัวเอง สนุกกับมัน และภูมิใจในผลลัพธ์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเมื่อวานนี้หรือเรื่องในอดีตย้อนกลับไปสมัยเด็กก็ตาม

จากนั้นให้ดูว่า จุดแข็งอะไรที่เกิดขึ้นบ่อยที่สุด เช่น คุณเป็นคนเรียนรู้เร็วหรือเปล่า? คุณชอบสร้างอะไรใหม่ๆ ไหม? แล้วในบรรดาจุดแข็งเหล่านี้ อะไรที่ทำให้คุณแตกต่างและเหมาะกับงานที่สมัครมากที่สุด?

สร้าง "คลังเรื่องราว" ที่สะท้อนความสำเร็จของคุณ

นาวาซอธิบายเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อพูดถึงการนำเสนอจุดแข็งในการสัมภาษณ์ ให้ผู้สมัครงานแบ่งเรื่องราวออกเป็นสองส่วนหลัก คือ ปัญหา และ วิธีที่คุณแก้ไขมัน โดยใช้เวลาประมาณ 50% อธิบายปัญหาที่เคยประสบมาก่อน และใช้เวลาอีก 50% ที่เหลือ อธิบายว่าคุณใช้จุดแข็งของคุณอย่างไรในการแก้ปัญหานั้น พูดง่ายๆ คือ ให้ทำตามสเต็ปดังนี้

1. เริ่มต้นด้วยการระบุจุดแข็งของคุณ

2. อธิบายให้ละเอียดว่าปัญหาคืออะไร

3. อธิบายวิธีแก้ไขปัญหานั้น พร้อมเชื่อมโยงความสำเร็จกลับไปที่จุดแข็งของคุณ

สุดท้าย อย่าลืมพูดถึงผลลัพธ์ของสิ่งที่คุณทำ เช่น "สุดท้ายแล้วเราปิดดีลลูกค้าให้บริษัทที่ปรึกษาของเราได้ ไม่ใช่แค่สัญญามูลค่าหลายล้านเหรียญ แต่ลูกค้ายังต่อสัญญาไปอีก 5 ปีติดกัน" เป็นต้น

ในการเรียน ทำกิจกรรม และประสบการณ์การทำงานในอดีต ล้วนแต่สามารถสร้าง "คลังเรื่องราว" ซึ่งเป็นชุดของเรื่องราวที่สะท้อนความสำเร็จของผู้สมัครงานได้ทั้งนั้น หลังจากนี้เมื่อต้องสัมภาษณ์งาน คุณก็จะมีเรื่องราวพร้อมใช้หลายสิบเรื่อง

ในท้ายที่สุดนาวาซแนะนำให้วัยทำงานทุกคนฝึกฝนในวิธีแบบเดียวกันนี้ เพราะไม่ว่าคุณจะเจอคำถามอะไร คุณจะสามารถเลือกใช้เรื่องราวที่เหมาะสมที่สุดมาเล่า เพื่อแสดงให้เห็นว่าคุณมีคุณค่าต่อองค์กรนั้นจริงๆ

 

อ้างอิง : CNBC