'อย่าทำงานที่เดิมเกิน 8 ปี' ซีอีโอหญิงแห่ง Girls Who Code แนะนำ

'อย่าทำงานที่เดิมเกิน 8 ปี' ซีอีโอหญิงแห่ง Girls Who Code แนะนำ

ซีอีโอหญิงแกร่งและผู้ก่อตั้ง Girls Who Code องค์กรไม่แสวงหากำไรที่ส่งเสริมเด็กหญิงเรียนทักษะคอมพิวเตอร์ แชร์แนวคิดความสำเร็จไว้ว่า "อย่าทำงานอยู่ที่เดิมเกิน 8 ปี"

หากคุณเป็นผู้นำองค์กรหรือซีอีโอหญิง คุณจะนิยามความสำเร็จในอาชีพการงานของตนเองอย่างไร? บางคนอาจมองว่าความสำเร็จคือการได้พัฒนาให้องค์กรของตนเติบโตก้าวหน้าไปเรื่อยๆ ไม่มีที่สิ้นสุด แต่สำหรับ "เรชมา เซาจานี" (Reshma Saujani) ซีอีโอหญิงแห่ง Girls Who Code องค์กรไม่แสวงหากำไรในสายงานเทคโนโลยี เธอกลับมองว่า ความสำเร็จคือการส่งไม้ต่อให้คนเก่งกว่า และผู้นำไม่ควรทำงานที่เดิมนานเกิน 8 ปี!

เซาจานี ทำงานในสายเทคฯ มาหลายปี และตั้งแต่ปี 2012 เธอตั้งใจจะแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเพศในวงการเทคโนโลยี เธอจึงก่อตั้ง Girls Who Code ขึ้นมา ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ช่วยส่งเสริมให้เด็กผู้หญิงได้เรียนรู้ทักษะด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ตาม หลังจากทำงานนี้มาสักพักใหญ่ๆ เธอรู้มาตลอดว่า เธอไม่ได้อยากเป็นคนคุมเกมไปตลอดชีวิต จนมาในปี 2021 เซาจานีตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งซีอีโอขององค์กร และเปลี่ยนบทบาทไปเป็นประธานบอร์ดบริหารแทน เธอเล่าเรื่องนี้ผ่าน CNBC Make It ไว้ว่า “ฉันคิดว่าไม่มีใคร (ซีอีโอ) ควรอยู่ที่เดิมนานเกิน 8 ปี” 

ถึงจะเป็นผู้ก่อตั้งองค์กร ก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ยาวเสมอไป

เซาจานีมองว่าผู้ก่อตั้งองค์กรหลายคนมักติดกับดักของความสำเร็จ เพราะคิดว่าตัวเองต้องเป็นคนดูแลทุกอย่างตลอดไป ทั้งที่ความจริงแล้ว ความสำเร็จที่แท้จริงคือ การส่งไม้ต่อให้คนอื่น

“สำหรับฉัน ความสำเร็จคือการส่งต่อองค์กรให้คนที่เหมาะสม ในช่วงที่ทุกอย่างกำลังไปได้ดี มีเงินสำรองในธนาคาร และแข็งแกร่งพอจะยืนหยัดต่อไป” เธออธิบายแนวคิดของตนเอง

'อย่าทำงานที่เดิมเกิน 8 ปี' ซีอีโอหญิงแห่ง Girls Who Code แนะนำ

ก่อนจะวางมือ เธอวางแผนเรื่องการลงจากตำแหน่งซีอีโอไว้อย่างรอบคอบ เพราะอยากให้คนที่มารับช่วงต่อมีโอกาสประสบความสำเร็จ ไม่ใช่มารับช่วงต่อในช่วงที่องค์กรเจอวิกฤติ

“บ่อยครั้งที่ผู้หญิงเข้ามารับตำแหน่งผู้นำตอนที่องค์กรกำลังย่ำแย่” เธอ สะท้อนเหตุการณ์ที่ผู้นำหญิงมักเผชิญบ่อยๆ 

ขณะที่งานวิจัยจาก Harvard Businness Review ก็ชี้ให้เห็นว่า ผู้หญิงมักได้รับการเลื่อนตำแหน่งในช่วงที่องค์กรกำลังมีปัญหา ซึ่งทำให้พวกเธอมีโอกาสล้มเหลวสูงกว่าปกติ เรื่องปรากฏการณ์เรียกว่า ‘glass cliff’ หรือ ‘หน้าผากระจก’ ที่มักเกิดขึ้นในหลายๆ องค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่มีวัฒนธรรมชายเป็นใหญ่

ผู้นำที่ดีต้องดันลูกน้องที่เก่งกว่าตัวเอง อย่าปิดกั้นโอกาสคนอื่น!

ถึงแม้มันจะเป็นเรื่องยากที่จะปล่อยมือจากสิ่งที่ตัวเองสร้างมากับมือ แต่ เซาจานี ก็รู้ว่าเธอแค่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม แล้วผลักดันให้คนเก่งคนอื่นๆ ได้มีเวทีให้เฉิดฉายบ้าง และเวลานั้นก็มาถึง เมื่อเธอพบว่า "ทาริกา บาร์เร็ตต์" (Tarika Barrett) คือคนที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตำแหน่งซีอีโอคนต่อไป 

บาร์เร็ตต์ เคยเป็นรองประธานฝ่ายโปรแกรมของ Girls Who Code ตั้งแต่ปี 2016 ก่อนจะได้รับตำแหน่งซีโอโอในปี 2018 ด้านอดีตซีอีโอที่เลือกบาร์เร็ตต์มากับมือก็ยอมรับว่า “ตั้งแต่วินาทีแรกที่เจอเธอ ฉันก็รู้เลยว่า เธอนี่แหละใช่”

เซาจานีเชื่อมั่นในการหาคนเก่งมาทำงาน และเธอไม่มีปัญหากับการจ้างคนที่เก่งกว่าตัวเอง เธอเห็นผู้นำหลายคนกลัวลูกน้องที่เก่งกว่าตัวเอง แล้วก็พยายามปิดกั้นพวกเขา

“ถ้าฉันจะจ้างเจ้าหน้าที่โปรแกรม เขาต้องเก่งกว่าฉันในเรื่องการบริหารโครงการโปรแกรมใหม่ๆ ถ้าฉันจะจ้างนักการตลาด เขาต้องเก่งด้านการตลาดมากกว่าฉัน และถ้าฉันจะจ้างคนระดมทุน เขาต้องหาเงินเก่งกว่าฉัน” เธอเล่าเชิงเปรียบเทียบให้ฟัง

สุดท้ายแล้วเธอมองว่า หน้าที่ของเธอคือการให้คนเหล่านี้ได้แสดงศักยภาพ และทำงานร่วมกันเป็นทีม

'อย่าทำงานที่เดิมเกิน 8 ปี' ซีอีโอหญิงแห่ง Girls Who Code แนะนำ

การวางมือจากซีอีโอเป็นการตัดสินใจยากที่สุด แต่มันก็ดีที่สุด

เมื่อตัดสินใจแล้วว่า บาร์เร็ตต์ คือคนที่ใช่ เซาจานี ก็เริ่มเตรียมตัวลงจากตำแหน่งซีอีโอ แต่ในช่วงแรกเธอแอบทำเงียบๆ และเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพราะเธอมองว่า คนส่วนใหญ่ไม่อยากปล่อยวางอำนาจ และไม่มีใครสนับสนุนให้คุณยอมเสียอำนาจด้วย 

“พอฉันตัดสินใจลาออก ฉันไม่บอกใครเลย ไม่บอกสามี ไม่บอกบอร์ดบริหาร ไม่บอกเพื่อน เพราะฉันรู้ว่าพวกเขาต้องพยายามโน้มน้าวให้ฉันเปลี่ยนใจ จริงอยู่ที่มันเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุด แต่ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ดีที่สุดที่ฉันเคยทำ” 

แต่ในที่สุดเธอก็ต้องประกาศเรื่องนี้ให้ทุกคนรับรู้ หลังจากเปลี่ยนตำแหน่งอย่างเป็นทางการ ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างราบรื่น ทั้งทีมงาน บอร์ดบริหาร และโค้ชของพวกเธอช่วยกันดูแลให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างไม่มีปัญหา

“พูดอย่างสัตย์จริงเลยว่า การเปลี่ยนผ่านของพวกเราเต็มไปด้วยความสวยงาม และฉันภูมิใจในสิ่งนี้มาก” เธอบอกด้วยความอิ่มเอมใจ

ชีวิตหลังจากที่ไม่ได้เป็นซีอีโอของ Girls Who Code แล้ว แต่เซาจานีไม่ได้หนีไปพักผ่อนแต่อย่างใด เธอไม่หยุดสร้างสรรค์สิ่งใหม่ โดยเปิดตัว PaidLeave.ai เว็บไซต์ที่ใช้ AI ช่วยให้พ่อแม่และผู้ดูแลสามารถเข้าถึงข้อมูล และสมัครสวัสดิการลางานที่ได้รับค่าจ้างจากรัฐได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังร่วมมือกับ Theraflu และ A Better Balance องค์กรที่ช่วยผลักดันสิทธิด้านการลาป่วยของแรงงานอีกด้วย 

นอกจากนี้ บาร์เร็ตต์ ยังให้การสนับสนุนโครงการ Moms First (เดิมชื่อ Marshall Plan for Moms) โครงการที่เซาจานีก่อตั้งขึ้นเพื่อดูแลคุณแม่ชาวอเมริกันจากผลกระทบจากโควิด-19 ปัจจุบันเธอเป็นซีอีโอขององค์กรนี้ และทำงานเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและนโยบายที่เป็นมิตรต่อผู้หญิง เพื่อสร้างสังคมแห่งความเท่าเทียมในโลกการทำงานต่อไป