วันสตรีสากล เปิดลิสต์ 10 ประเทศดีที่สุดสำหรับวัยทำงานหญิง ปี 2025

วันสตรีสากล เปิดลิสต์ 10 ประเทศดีที่สุดสำหรับวัยทำงานหญิง ปี 2025

เนื่องในวันสตรีสากล ชวนเช็กลิสต์ 10 ประเทศดีที่สุดสำหรับวัยทำงานหญิง ปี 2025 โดยสวีเดนขึ้นแท่น No.1 ตามรายงานของ The Economist

KEY

POINTS

  • สวีเดนขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงานหญิง ตามรายงานดัชนี glass-ceiling index (GCI) ประจำปีของ The Economist มีสัดส่วนผู้บริหารหญิงสูงถึง 43.7% และให้สิทธิลาคลอด 34.4 สัปดาห์ 
  • ช่องว่างระหว่างเพศในตลาดแรงงานมีแนวโน้มดีขึ้น ช่องว่างค่าจ้างเฉลี่ยของทุกประเทศใน OECD ลดลงเหลือ 11.4% สัดส่วนผู้หญิงในบอร์ดบริหารเพิ่มขึ้นเป็น 33% และสัดส่วนแรงงานหญิงเพิ่มขึ้นเป็น 66.6%
  • ประเทศในเอเชียอย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ยังคงอยู่ในอันดับสุดท้ายติดต่อกันเป็นปีที่ 11 สาเหตุจากบรรทัดฐานทางสังคมที่ฝังแน่น เงินเดือนระหว่างชายและหญิงต่างกันมาก และมีผู้นำหญิงน้อยกว่า 17% 

เพื่อเฉลิมฉลองวันสตรีสากลที่ตรงกับวันที่ 8 มีนาคมของทุกปี สื่อนอกอย่าง The Economist ได้จัดทำรายงานเชิงเปรียบเทียบเรื่อง “โอกาสและความเท่าเทียมในการทำงานของวัยทำงานหญิง” ในกลุ่มประเทศสมาชิก OECD (องค์การเพื่อความร่วมมือและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ) รวม 29 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศที่ร่ำรวยเป็นส่วนใหญ่ 

โดยจัดอันดับตามข้อมูลดัชนี glass-ceiling index (GCI) ประจำปี ซึ่งพิจารณาจากเกณฑ์ชี้วัด 10 ข้อ ตั้งแต่สัดส่วนแรงงานหญิงของแต่ละประเทศ, เงินเดือนของพนักงานหญิง, สิทธิวันลาคลอด-เลี้ยงดูบุตร, สัดส่วนของผู้บริหารหญิง ไปจนถึงการเป็นตัวแทนทางการเมืองหญิง ฯลฯ รายงานครั้งนี้เป็นการจัดทำรายงานต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 13 แล้ว ทีมวิจัยได้รวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ และทำรายงานข้อมูลอัปเดตล่าสุดถึงสิ้นปี 2024 แล้วนำมาสรุปและรายงานผลในวันที่ 5 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา

สำหรับผลการจัดอันดับพบว่า “สวีเดน” ขึ้นแท่นอันดับ 1 ประเทศที่ดีที่สุดในโลกสำหรับ Working Women แซงหน้า “ไอซ์แลนด์” ที่เคยทำสถิติชนะเป็นที่หนึ่งติดต่อกัน 2 ปีก่อนหน้า (2022-2023) แต่ปีนี้ร่วงลงมาอยู่อันดับ 2 โดยจุดสำคัญที่ถูกนำมาพิจารณาร่วมด้วยก็คือ นโยบายที่สนับสนุนความเท่าเทียมทางเพศและการช่วยเหลือสนับสนุนวัยทำงานที่มีลูกในที่ทำงาน

ในขณะที่หากดูอันดับข้างท้ายตารางพบว่า เกาหลีใต้ (เคยอยู่ในอันดับสุดท้ายมาตลอดหลายปี) ได้ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 28 แซงหน้าตุรกี ซึ่งปีนี้ร่วงลงไปอยู่อันดับสุดท้ายที่ 29 แทน ขณะที่นิวซีแลนด์เป็นประเทศที่พุ่งขึ้นแบบก้าวกระโดดมากที่สุด โดยขยับจากอันดับ 13 ในปี 2023 ไต่ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 5 ในปี 2024

วันสตรีสากล เปิดลิสต์ 10 ประเทศดีที่สุดสำหรับวัยทำงานหญิง ปี 2025

ทั้งนี้ ขอยกข้อมูล 10 ประเทศแรกที่ดีที่สุดสำหรับวัยทำงานหญิง พร้อมผลชี้วัดในหัวข้อสัดส่วนผู้บริหารหญิง และสิทธิการลาคลอดของพนักงานหญิง มาให้ทราบกันดังนี้

10 อันดับประเทศที่ดีที่สุดสำหรับ Working Women ปี 2025

อันดับ1 สวีเดน : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 43.7%, สิทธิลาคลอด 34.4 สัปดาห์
อันดับ2 ไอซ์แลนด์ : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 36.8%, สิทธิลาคลอด 20.8 สัปดาห์
อันดับ3 ฟินแลนด์ : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 38.4%, สิทธิลาคลอด 39.4 สัปดาห์
อันดับ4 นอร์เวย์ : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 33.7%, สิทธิลาคลอด 39.8 สัปดาห์
อันดับ5 ฝรั่งเศส* : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 38.9%, สิทธิลาคลอด 19.8 สัปดาห์
อันดับ5 นิวซีแลนด์* : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 39.2%, สิทธิลาคลอด 12.7 สัปดาห์
อันดับ5 โปรตุเกส* : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 37.8%, สิทธิลาคลอด 22.3 สัปดาห์
อันดับ8 สเปน : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 35.2%, สิทธิลาคลอด 16 สัปดาห์
อันดับ9 เดนมาร์ก : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 31.8%, สิทธิลาคลอด 20.4 สัปดาห์
อันดับ10 ออสเตรเลีย : สัดส่วนผู้บริหารหญิง 41.1%, สิทธิลาคลอด 8.3 สัปดาห์
*หมายเหตุ: ฝรั่งเศส นิวซีแลนด์ โปรตุเกส ครองอันดับ 5 ร่วมกัน

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นว่า ฟินแลนด์ นอร์เวย์ และโปรตุเกส ติด 5 อันดับแรกของรายงานชุดนี้ สะท้อนกว่าประเทศกลุ่มนอร์ดิกยังคงให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือผู้หญิงให้เรียนจบสูงระดับมหาวิทยาลัย มีตำแหน่งงานให้ทำ ได้ดำรงตำแหน่งระดับสูง และใช้ประโยชน์จากระบบลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรและตารางการทำงานที่ยืดหยุ่น 

ส่วนประเทศโปรตุเกส ก็พัฒนาขึ้นในปีนี้และยังคงอยู่ในอันดับสูงสุดของดัชนีมาโดยตลอด เมื่อพิจารณาความแตกต่างของเงินเดือนลูกจ้างหญิงและลูกจ้างชายก็ไม่ห่างกันมาก (เฉลี่ยที่ 6.1%) เมื่อเทียบกับบางประเทศที่มีความเหลื่อมล้ำของค่าจ้างชาย-หญิงสูงมาก ขณะที่ประเทศฝรั่งเศสทำอันดับร่วงลงจากปีที่แล้ว แม้ว่าส่วนใหญ่จะมีผู้นำหญิงในตำแหน่งผู้บริหารและในรัฐสภาเพิ่มขึ้น แต่คะแนนดัชนีด้านอื่นๆ ของฝรั่งเศสกลับลดลงเล็กน้อยโดยเฉพาะด้านสิทธิวันลาคลอด 

ลองมาดูประเทศฝั่งเอเชียกันบ้าง ตามรายงานข้อมูลชุดนี้พบว่า ญี่ปุ่น ตุรกี และเกาหลีใต้ อยู่ในอันดับสุดท้ายติดต่อกันเป็นปีที่ 11 สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากบรรทัดฐานทางสังคมที่ฝังแน่น และช่องว่างของเงินเดือนระหว่างชายและหญิงยังห่างกันอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจำนวนผู้หญิงที่ดำรงตำแหน่งผู้นำต่างๆ ก็ต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งสามประเทศมีผู้หญิงในตำแหน่งผู้บริหารน้อยกว่า 17% ในรัฐสภาน้อยกว่า 20% และในคณะกรรมการน้อยกว่า 21%

ส่วนประเทศที่มีอันดับดีขึ้นมากที่สุดจากดัชนีล่าสุดนี้ ได้แก่ นิวซีแลนด์ อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา ส่วนประเทศที่มีอันดับลดลงจากปีที่แล้ว ได้แก่ สาธารณรัฐเช็ก และเบลเยียม 

วันสตรีสากล เปิดลิสต์ 10 ประเทศดีที่สุดสำหรับวัยทำงานหญิง ปี 2025

เปิดไฮไลต์น่าสนใจ ผู้หญิงอยู่ในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 66.6%

นอกจากนี้ หากมองในภาพรวมของทั้ง 29 ประเทศ ยังพบข้อมูลด้านสภาพการทำงานของผู้หญิงที่น่าสนใจอีกมากมาย ได้แก่ ผู้หญิงเข้ามาในตลาดแรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 66.6% จากเดิม 65.8% ของปีที่แล้ว โดยไอซ์แลนด์และสวีเดนเป็นสองประเทศที่มีสัดส่วนแรงงานหญิงมากกว่า 80% ขณะที่ตุรกีและอิตาลี มีสัดส่วนแรงงานหญิงอยู่อันดับสุดท้ายที่ 40.8% และ 57.6% ตามลำดับ 

ช่องว่างค่าจ้างเฉลี่ยของทุกประเทศใน OECD อยู่ที่ 11.4% ซึ่งมีแนวโน้มลดลงเกือบทุกปี แต่ในบางประเทศ เช่น ออสเตรเลียและญี่ปุ่น กลับพบว่ามีช่องว่างค่าจ้างระหว่างพนักงานชาย-หญิง ที่ห่างกันเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 

ในปีที่มีการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ สัดส่วนผู้หญิงในรัฐสภาเพิ่มขึ้นเป็น 34% โดยเฉลี่ยทั่วทั้งกลุ่มประเทศ OECD โดยญี่ปุ่นและอังกฤษมีสัดส่วนผู้หญิงในตำแหน่งการเมืองเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเป็น 16% (จาก 10%) และ 41% (จาก 35%) ตามลำดับ ส่วนในสหรัฐฯ มีสัดส่วนนักการเมืองหญิงลดลงเล็กน้อยเหลือ 28.7%

จำนวนสัปดาห์ลาคลอดเฉลี่ยที่เทียบเท่าเงินเดือนเต็มอัตรา เพิ่มขึ้นเกิน 30 สัปดาห์เป็นครั้งแรก โดยเฉลี่ยของทั้ง 29 ประเทศอยู่ที่ 31.6 สัปดาห์ โดยสหรัฐฯ ยังคงเป็นประเทศเดียวใน OECD ที่ไม่มีสัปดาห์ลาคลอดตามคำสั่งของรัฐบาลกลาง ขณะที่เกาหลีใต้เพิ่มจำนวนสัปดาห์ลาคลอดเพิ่มขึ้นเป็น 7 สัปดาห์ ด้านนอร์เวย์ โปรตุเกส และสเปน ก็พบว่ามีจำนวนสัปดาห์ลาเพิ่มขึ้นเช่นกัน

สัดส่วนของผู้หญิงในบอร์ดบริหารขององค์กรเอกชนทั่วโลก เพิ่มขึ้นเป็น 33% โดยประเทศที่มีผลงานดีที่สุดในตัวชี้วัดนี้ ได้แก่ นิวซีแลนด์ (48%) อังกฤษ (44%) และประเทศแถบสแกนดิเนเวียอื่นๆ ด้วย ขณะที่สัดส่วนของผู้หญิงในตำแหน่งผู้บริหารยังคงเท่าเดิมที่ 34% โดยประเทศที่มีผลงานดีที่สุด ได้แก่ สวีเดน (43.7%) ลัตเวีย (43%) และสหรัฐอเมริกา (42.9%)

ช่องว่างระหว่างการศึกษาของผู้ชายและผู้หญิงในประเทศสมาชิก OECD ขยายกว้างขึ้น โดยผู้หญิงวัยทำงาน 45% มีการศึกษาสูงระดับมหาวิทยาลัย เมื่อเทียบกับผู้ชายที่จบมหาวิทยาลัยเพียง 36.9% เท่านั้น ขณะที่แคนาดามีอัตราการจบมหาวิทยาลัยของผู้หญิงสูงที่สุดที่ 70.1% ส่วนไอร์แลนด์ สวีเดน และสหรัฐอเมริกาก็มีสัดส่วนสูงมากกว่า 50% 

 

อ้างอิง: Economistgroup, TheEconomist, Forbes