ปฏิรูปประเทศ ต้องปฏิรูปประสิทธิผลของรัฐ

การปรับปรุงประสิทธิผลการทำงานของภาครัฐปรากฏขึ้นอย่างชัดเจน เริ่มจากผลงานของ DOGE ของสหรัฐอเมริกา มาถึงการปรับปรุงกระทรวงทบวงกรมของเวียดนาม เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจให้ก้าวขึ้นถึง 8-9% ในแต่ละปี
เขตเศรษฐกิจฮ่องกงจะลดค่าใช้จ่ายภาครัฐลงเจ็ดเปอร์เซนต์ อังกฤษก็จะลดลงห้าเปอร์เซนต์
บ้านเรามีกรรมการปฏิรูประบบราชการมายาวนานนับสิบปี โดยไม่ปรากฏชัดเจนว่าอันดับดัชนี Worldwide Governance Indicators (WGI) และ Chandler Good Government Index (CGGI) ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
โดยWGI เพิ่มขึ้นจาก 0.13 มาเป็น 0.17 เทียบกับสิงคโปร์ที่มีภาครัฐที่มีประสิทธิผลในระดับนำของโลก ที่ได้ 2.32 จากคะแนนเต็ม 2.5 คงเห็นว่าเราอยู่ไกลจากเขามากทีเดียว CGGI บ้านเขาอยู่ที่ 0.865 บ้านเราอยู่ที่ 0.58
ในขณะที่เวียดนามที่ประกาศปฏิรูปภาครัฐจนเป็นข่าวไปทั่วโลก มีWGI อยู่ที่ 0.13 เหมือนที่บ้านเราเคยได้ แต่ CGGI เขาอยู่ที่อันดับ 50 ดีกว่าเราที่อยู่ที่อันดับ 54 โดยเขาขยับอันดับขึ้นได้เร็วเป็นอันดับสามของโลก
มีเรื่องหนึ่งที่คล้ายกันในหมู่ประเทศที่ภาครัฐมีประสิทธิผลสูง คือสามารถคัดเลือกและรักษาคนมีฝีมือเข้ามาทำงานในภาครัฐได้ ซึ่งไม่ใช่แค่การเสนอค่าตอบแทนที่เทียบได้กับภาคเอกชนชั้นนำในประเทศ
แต่หัวใจสำคัญของการได้คนมีฝีมือมาทำงานคือ Merit-Based Recruitment การสรรหาบุคลากรโดยยึดตามผลงานและความสามารถ
สิงคโปร์มีความจริงจังในเรื่องนี้ เขาเน้นการคัดเลือกที่ทำให้ได้คนมีฝีมือจริง ได้คนฉลาด ได้คนที่มีศักยภาพในการเป็นผู้นำ คล้าย ๆกับที่บริษัทระดับโลกคัดเลือกคนเข้ามาทำงาน
การคัดเลือกจะกระทำโดยปราศจากระบบอุปถัมภ์ คนเก่งมาก่อนคนที่อยู่ในอุปถัมภ์ ตรงข้ามกับบางบ้านเมืองที่คนบ้านใหญ่มาก่อนคนมีฝีมือ
การคัดเลือกคนโดยปราศจากระบบอุปถัมภ์ ทำให้ไม่มีการใช้เส้นสาย ไม่มีใครรู้ข้อสอบคัดเลือกก่อนผู้สมัครคนอื่น ๆ ไม่มีเด็กฝากจากคนมีเส้นสาย ไม่มีคะแนนพิเศษสำหรับลูกหลานบ้านใหญ่
การคัดเลือกคนเข้ามาทำงานภาครัฐ รวมถึงการเลื่อนตำแหน่งภายใต้ Merit-Based Recruitment ช่วยป้องกันไม่ให้คนเก่ง คนมีฝีมือสูญเสียโอกาสในการเข้าไปทำงานให้รัฐ คนเก่งไม่ได้ทำ คนทำไม่เก่งไม่เกิดขึ้นในบ้านเขา
คนมีฝีมือได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้ดูแลงานสำคัญ โอกาสที่จะเกิดการตกตำ่ของประสิทธิภาพก็น้อยลง ยกเว้นกรณีสุดวิสัยเท่านั้น ขวัญและกำลังใจในการทำงานดีวันดีคืน ทำผลงานดี ผลตอบแทนก็ดี ไม่ใช่ทำเต็มที่ได้ดีไม่เท่ากับคนมีเส้นที่แทบทำอะไรไม่เป็น
ผู้บริหารตำแหน่งสำคัญแม้จะเป็นลูกคนใหญ่คนโต แต่ได้เก้าอี้เพราะฝีมือของตนเอง ก่อนมาทำงานภาครัฐให้สิงคโปร์ เคยทำงานเป็นผู้บริหารระดับสูงในบริษัไฮเทคระดับโลกมาก่อน
อีกเรื่องหนึ่งที่เป็นผลโดยตรงจาก Merit-Based Recruitment คือเมื่อได้งานมาโดยฝีมือ ได้ค่าตอบแทนที่สมกับฝีมือที่มีอยู่ การคอร์รัปชันก็ไม่เกิดขึ้น ในทางตรงข้าม ถ้าที่ใดอุดมไปด้วยการสรรหาคนด้วยระบบอุปถัมภ์ ที่นั่นจะเต็มไปด้วยโอกาสในการคอร์รัปชัน
Merit-Based Recruitment เกิดขึ้นได้ โดยมีกลไกสนับสนุนหลายเรื่อง ตั้งแต่ภาคการเมืองบ้านเขาตรงไปตรงมา ไม่มีการ คอร์รัปชัน แม้จะมีการนับถือผู้หลักผู้ใหญ่ แต่กระบวนการสรรหาคนมาทำงาน ดำเนินการเป็นอิสระ ประกาศทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส จนกระทั่งใครที่อยากจะช่วยใครก็กระทำโดยคนอื่นไม่พบเห็นไม่ได้
การคัดเลือกคนไปทำงานใดก็มีวัตถุประสงค์ที่แน่ชัด Job Description ชัดเจนไม่คลุมเครือ ไม่บรรยายเป็นนามธรรม
จนไม่ว่าใครก็สามารถกลายเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดได้ ความชัดเจนของงานทำให้แยกแยะฝีมือที่ต้องการได้ วัดและประเมินฝีมือของแต่ละคนได้กระจ่างชัด ไม่ต้องถกเถียงว่าใครเก่งที่สุด ผลการประเมินฝีมือจะบอกได้เอง
คนที่ทำกระบวนการคัดเลือกก็ต้องรับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นตามมา เลือกมาแล้วหากพบว่าทำงานไม่ได้ตามที่ต้องการ คนคัดเลือกเดือดร้อนแน่ ๆ คนที่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาทำงาน ถ้าผลงานดี โอกาสก้าวหน้าก็เป็นไปตามผลงานนั้น ไม่มีการแซงโดยคนมีเส้น
กว่าที่จะมาถึงการสรรหาบุคลากรโดยยึดตามผลงานและความสามารถได้นั้น เขาฝ่าฟันอุปสรรคนานาประการมามากมายทีเดียว ต้องคิดค้นว่าทำอย่างไรวัฒนธรรมการอุปถัมภ์จะไม่เป็นอุปสรรคในการคัดเลือกคนตามฝีมือ
ทำอย่างไรคนใหญ่คนโตจะยอมรับว่าคนของฉันเก่งในงานนี้ไม่เท่ากับคนที่สรรหามาได้ ทำอย่างไรจะทำให้เด็กเส้นการเมืองที่ด้อยฝีมือ ไม่ได้เก้าอี้ทำงานในภาครัฐ
ทำอย่างไรจึงจะทำให้สังคมที่เชื่อในวรรณะ บุญวาสนาหันมาใสใจในฝีมือ แทนนามสกุล แทนที่มาของครอบครัวของคนนั้น มายอมรับว่าดีเอ็นเอจากครอบครัวอาจไม่ได้ถ่ายทอดฝีมือมาด้วย ซึ่งไม่ปรากฏเป็นงานวิจัยว่าเขาเอาชนะอุปสรรคสำคัญเหล่านี้ได้อย่างไร
นอกจากบอกหลักการสำคัญไว้ว่าจะได้มาและรักษาคนเก่งไว้ได้ ต้องพลิกโฉมการทำงานเป็นดิจิทัล ใช้ข้อมูล และหลักฐานเชิงประจักษ์ในการตัดสินใจสำคัญทุกเรื่องทุกโอกาส ยกระดับความโปร่งใส และความน่าเชื่อถือของทุกขั้นตอนการทำงานให้เป็นที่ยอมรับ ทำงานภาครัฐไปโดยคิดถึงนวัตกรรมในทุกโอกาสที่สามารถทำได้
เราไม่ต่างจากเขาในการพูดเรื่องนี้ในภาครัฐ เพียงแต่ เขาพูด เขาทำ เราพูด เราไม่ทำ.