มธ. เผย บัณฑิตธรรมศาสตร์ 92% มีงานทำ กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพมากสุด

มธ. เผย บัณฑิตธรรมศาสตร์ 92% มีงานทำ กลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพมากสุด

มธ. เผย ‘บัณฑิตธรรมศาสตร์’ กวาดตำแหน่งงานในตลาดสูง 92% พบบัณฑิตในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพมีอัตราการมีงานทำสูงที่สุด

มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) เผยผลการสำรวจภาวะการมีงานทำของบัณฑิตระดับปริญญาตรี ม.ธรรมศาสตร์ พบว่า อัตราการมีงานทำสูง 92.62% เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากรุ่นก่อนหน้า สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของหลักสูตรและความพร้อมของบัณฑิตในการเข้าสู่ตลาดแรงงาน

ทั้งนี้ บัณฑิตส่วนใหญ่ทำงานในภาคเอกชน 64.77% รองลงมาคือข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ 15.83% และดำเนินธุรกิจอิสระ 12.45% โดยมีผลมาจากทักษะพิเศษสำคัญที่ทางมหาวิทยาลัยมีให้กับนักศึกษามาตลอดหลักสูตร อาทิ หลักสูตรที่เน้นการบูรณาการทักษะวิชาชีพจริง การฝึกงานกับองค์กรชั้นนำในประเทศและต่างประเทศ ศูนย์สหกิจศึกษาและพัฒนาอาชีพที่ช่วยวางแผนเส้นทางอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยเสริมสร้างนักศึกษาให้เป็นบุคคลที่มีศักยภาพรอบด้าน

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ ชัชวาลย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เปิดเผยว่า เมื่อพิจารณาตามกลุ่มสาขาวิชาจากการสำรวจข้อมูลบัณฑิตกว่า 6,366 คน พบว่า บัณฑิตในกลุ่มวิทยาศาสตร์สุขภาพมีอัตราการมีงานทำสูงสุดที่ 95.67% รองลงมาคือสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ที่ 92.46% และวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ 91.32% สะท้อนถึงความต้องการแรงงานในภาคสุขภาพที่ยังคงมีสูงต่อเนื่องในยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 และศักยภาพการพัฒนาของหลักสูตรและการสนับสนุนที่มีประสิทธิภาพของมหาวิทยาลัย

ทั้งนี้รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของบัณฑิต ยังเพิ่มขึ้นจากรุ่นปีที่ผ่านมาประมาณ 2.78% อีกด้วย

นอกจากนี้ กลุ่มบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากคณะ วิทยาลัย สถาบัน ด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ พบว่ามีอัตราการได้งานทำสูงไม่แพ้กัน มากกว่า 90% อาทิ

คณะวิทยาการเรียนรู้และศึกษาศาสตร์ 98.33%

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี 96.56%

คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา 94.64%

คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน 93.36%

คณะนิติศาสตร์ 92.04%

คณะศิลปศาสตร์ 91.39%

คณะศิลปกรรมศาสตร์ 91.18% เป็นต้น

ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สถิติดังกล่าวข้างต้นเกิดจากการดำเนินงานอย่างเป็นระบบในการพัฒนาหลักสูตรที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงานของ ม.ธรรมศาสตร์ ซึ่งในแง่ของความรู้และทักษะสำคัญที่ส่งผลต่อการได้งานทำจะมาจากทักษะการคิดวิเคราะห์ การใช้ภาษาต่างประเทศ และการสื่อสาร เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมโอกาสในการหางาน ดังนั้น นอกเหนือจากความรู้ทางวิชาการแล้ว ทักษะด้าน Soft Skills ก็มีความสำคัญไม่น้อยในการสร้างความแตกต่างในตลาดแรงงาน

"อัตราการได้งานสูงนี้ ไม่เพียงตอกย้ำถึงศักยภาพของมหาวิทยาลัยในการผลิตบัณฑิตที่เต็มไปด้วยทักษะแห่งอนาคต แต่คือสัญญาณที่ชัดเจนว่าผู้ศึกษาที่ ม.ธรรมศาสตร์ มีความพร้อมทำงานจริง สร้างผลลัพธ์จริง และความรู้ที่ได้จากรั้วมหาวิทยาลัยจะเป็นเครื่องมือที่บัณฑิตนำไปต่อยอดให้กับทุกองค์กรที่ก้าวเข้าไปด้วย" ศ. ดร.ศุภสวัสดิ์ กล่าวทิ้งท้าย