การเจริญสติ เพื่อการบริหารองค์กรที่เป็นเลิศ

การเจริญสติ แทบจะหาฝึกได้จากทุกวัดใกล้บ้าน แม้แต่การฝึกเจริญสติที่ไม่ผูกพันกับความเชื่อทางศาสนาก็หาเล่าเรียนได้ไม่ยากนัก
ค่าใช้จ่ายในการฝึกเจริญสติก็ไม่ได้แพงเหมือนในประเทศตะวันตก ที่ตอนนี้หันมาใส่ใจเรื่องของการเจริญสติ ที่แปลอย่างใกล้เคียงได้ว่า Mindfulness
หลายท่านที่มองว่าการเจริญสติเป็นเรื่องของคนที่เข้าวัดเข้าวา ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการบริหารองค์กร มองว่าเอาเวลามาแสวงหาความรู้ใหม่ ๆ เอาเวลามา Reskill Upskill น่าจะได้ประโยชน์มากกว่า
แต่งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature ซึ่งเป็นวารสารวิจัยชั้นนำของโลก ยืนยันชัดเจนว่า ผลของการเจริญสติช่วยให้ผู้บริหารทำหน้าที่ได้ดีขึ้นมาก
ที่ชัดเจนที่สุดคือ กระบวนการตัดสินใจเรื่องสำคัญเป็นไปโดยมีการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ปราศจากความวู่วามในการตอบโต้กับเรื่องที่เกิดขึ้น การโฟกัสทิศทางอนาคตแน่วแน่กว่าผู้บริหารที่ไร้การเจริญสติ
และจะด้วยผลการวิจัยนี้ไม่ก็ตาม ปรากฏว่ามีบริษัทชั้นนำของโลกมากมายหลายบริษัทที่ให้ความสำคัญการการฝึกให้ผู้บริหารมี Mindfulness รวมถึง Google Salesforce Cisco และ SAP ซึ่งถ้าฝึกไปแล้วไม่ได้ประโยชน์อะไร บริษัทชั้นนำเหล่านี้คงไม่เสียแรงเสียเวลากับเรื่องที่ไม่มีผลดีอะไรกับบริษัทแน่ ๆ
งานวิจัยบอกว่า การฝึกเจริญสติ เพื่อให้เกิด Mindfulness ขึ้นมา ช่วยให้เราสามารถกำกับตัวเราเองในสามเรื่องสำคัญ คือ กำกับให้จิตมีสมาธิ (Attention Control) สามารถควบคุมความสนใจให้โฟกัสเจาะจงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยตลอด ไม่วอกแวกคิดไปเรื่องอื่น ๆ จนกระทั่งกระทำเรื่องนั้นเสร็จสิ้น
สนใจภัยฝุ่นจิ่ว พอมีเรื่อง Scam City ก็ทิ้งเรื่องฝุ่นจิ่ว ก่อนหน้าฝุ่นจิ่วเคยคิดเรื่องความปลอดภัยของรถโดยสาร Scam City ยังไม่ทันจบก็ไปเรื่อง รัฐธรรมนูญ ซึ่งจะพบว่าได้คิดเยอะไปหมด แต่แก้ไม่ตกสักเรื่อง เพราะไม่มี Attention Control เรื่องใดเรื่องหนึ่งไปจนกระทั่งความสำเร็จในเรื่องนั้นเกิดขึ้น
ถ้าผู้นำองค์กรกำกับให้ตนเองมีสมาธิเจาะจงในเรื่องงานที่ทำอย่างจริงจัง โอกาสที่งานนั้นจะประสบความสำเร็จ มีมากกว่าผู้นำที่สนใจไปทุกเรื่อง แต่ไม่มีสมาธิกับเรื่องใดเรื่องหนึ่งเลยแม้แต่เรื่องเดียว ใส่ใจไปอย่างไม่มีสติ ผลงานจริงแม้เพียงแค่เรื่องเดียวก็ยากเย็นนักที่จะเกิดขึ้นตามที่คาดหวังไว้
ความสามารถที่สองที่จะได้จากการเจริญสติ คือการจัดการอารมณ์ (Emotion Regulation)
ซึ่งคงเคยพบตัวอย่างของผู้บริหารที่ตอบโต้ในทันทีที่มีเรื่องต่าง ๆมากระทบ แทบจะเป็นการตอบโต้โดยอัตโนมัติ ที่ส่วนใหญ่กลายเป็นผลเสีย มากกว่าผลดี เจออะไรที่ไม่ตรงกับที่คิดไว้ ตั้งใจไว้ อาการโกรธ อาการไม่พอใจปรากฏขึ้นในทันที
การเจริญสติช่วยเปลี่ยนจากการตอบโต้ในทันทีโดยเกือบจะเป็นอัตโนมัติ มาเป็นการคิดตรึกตรองอย่างรอบคอบก่อนที่จะตอบสนองเรื่องใดเรื่องหนึ่ง คิดก่อนจะโกรธ หรือคิดก่อนจะเสียใจ หรือ คิดก่อนที่จะแสดงอารมณ์ใดๆ ให้ปรากฏ
ผู้บริหารที่ตอบโต้สรรพสิ่งไปตามแต่อารมณ์ ตอบโต้อย่างขาดสติ จะสร้างปัญหาตามมามากกว่าจะเกิดผลดีตามมาหลังการตอบโต้นั้น มีหลายคนที่ต้องเสียใจกับการตอบโต้โดยปราศจากการควบคุมอารมณ์ที่ได้กระทำไปแล้ว
วันใดที่ผู้นำเริ่มควบคุมอารมณ์ในระหว่างการทำหน้าที่ไม่ได้ วันนั้นคือวันเริ่มต้นของจุดจบของผู้นำคนนั้น
ความสามารถที่สามที่ได้จากการเจริญสติ คือการตระหนักรู้ตนเอง รู้เรื่องที่เป็นความท้าทายของตน รู้เรื่องความเก่งของตน รู้ทันกระบวนคิดของตนเอง รู้ชัดว่าอะไรสำคัญกับตนเองมากน้อยแค่ไหน รู้ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการกระทำของตนเองที่มีต่อผู้อื่น รวมทั้งยังรู้ว่าความใฝ่ฝันเกี่ยวกับอนาคตของตนเป็นอย่างไร
ผู้นำที่ไม่มี Mindfulness มักหลงตนเอง คิดว่าตนเองเก่งสารพัดเรื่อง ไม่รู้แม้กระทั่งว่าอะไรคือสิ่งที่ตนเองไม่เก่ง ทำอะไรไปก็ทำโดยไม่มี Empathy ไม่ใส่ใจผลกระทบที่มีต่อคนอื่น โอกาสที่นำองค์กรไปผิดทิศผิดทางมีมากเท่า ๆ กับการทำลายความผูกพันของบุคลากร ไปจนกระทั่งลูกค้ารายสำคัญ จากการที่กระทำบางอย่างไปโดยปราศจาก ความเข้าอกเข้าใจผู้คนที่เกี่ยวข้อง
ถ้าผู้นำสามารถควบคุมความสนใจให้โฟกัสเจาะจงในเรื่องใดเรื่องหนึ่ง โดยตลอดจนกระทั่งการงานนั้นประสบความสำเร็จ เป็นผู้นำที่จัดการอารมณ์ของตนเองได้เป็นอย่างดี เป็นผู้นำที่ตระหนักรู้ตนเอง แล้วจะเกิดอะไรขึ้นกับการบริหารองค์กร
เรื่องใหญ่ที่สุดน่าจะเป็นกระบวนการตัดสินใจที่มีโฟกัส มีการคิดไตร่ตรองอย่างรอบด้าน ไม่ลำเอียงไปตามสถานการณ์ที่พบเจอเรื่องนั้น
การประชุมหารือเพื่อตัดสินใจเรื่องต่าง ๆก็จะเป็นผู้นำที่เป็นผู้ฟังที่ดี ไม่มีอาการฟังไม่ได้ศัพท์แล้วจับมากระเดียด ทุกคำพูดที่ออกมาผ่านการคิดไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้วทั้งสิ้น
ไม่มีคำพูดที่แสลงใจบุคลากรและลูกค้ารายใหญ่ การงานที่มอบหมายก็รู้ขีดความสามารถว่าตนเองขับเคลื่อนไปได้แค่ไหน ไม่กลายไปเป็นโครงการที่สร้างไม่มีวันเสร็จ
ถ้าอยากได้ผู้นำที่ตัดสินใจได้ดีขึ้น สื่อสารได้ประสิทธิผลมากขึ้น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคลากร จนเกิดสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี พร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ และฟื้นตัวจากความล้มเหลวได้อย่างฉับพลัน ก็แค่บอกให้ผู้นำไปฝึกเจริญสติกันบ้าง อย่ามัวแต่หลงตน มโนไปสารพัด