ทิม คุก ซีอีโอ Apple เผย ยังอยากทำงานต่อไปแม้หลังวัยเกษียณ

ทิม คุก ซีอีโอ Apple เผย ยังอยากทำงานต่อไปแม้หลังวัยเกษียณ

ซีอีโอ Apple 'ทิม คุก' ในวัย 64 ปี เผยจะไม่มีวันเกษียณ อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในนิยามการเกษียณอายุงานแบบดั้งเดิม เขาเผยทัศนคติส่วนตัวว่า "ผมยังอยากทำงานเสมอ"

KEY

POINTS

  • ซีอีโอ Apple ยืนยันว่าตนเองจะไม่ลาออกทันทีที่เกษียณอายุงาน และวางแผนจะทำงานต่อไปตราบเท่าที่จะทำได้ ทั้งๆ ที่เมื่อปีที่แล้วเขาได้รับค่าตอบแทนสุทธิถึง 74.6 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 2,500 ล้านบาท) 
  • เขาบอกว่าไม่เห็นภาพตัวเองอยู่บ้านเฉยๆ โดยไม่ได้ใช้สมอง และไม่ได้คิดว่าจะทำให้วันพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ได้อย่างไร และเขายังคงอยากที่จะทำงานต่อไปแม้ในวัยเกษียณ
  • พ่อแม่ของทิม คุก ปลูกฝังการให้คุณค่ากับการทำงานหนักให้กับเขา งานทุกอย่างมีคุณค่า และงานสามารถเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายในชีวิตได้ แนวคิดนั้นติดตัวเขามาตลอดชีวิต

ทิม คุก เหลือเวลาทำงานอีกเพียง 3 ปีก่อนถึงวัยเกษียณ เมื่อวันนั้นมาถึงหลายคนอาจคิดว่ามหาเศรษฐีผู้กุมบังเหียนอาณาจักร Apple คนนี้คงจะหยุดทำงานแล้วพักผ่อนยาวๆ ในบั้นปลายชีวิต แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย! ซีอีโอแอปเปิลยืนยันว่าตนเองจะไม่ลาออกทันทีที่เกษียณอายุงาน (แม้มีสิทธิ์ได้รับสวัสดิการประกันสังคมเต็มจำนวนแล้วก็ตาม) 

ย้อนกลับไปในวัยเด็ก ทิม คุก เริ่มทำงานตั้งแต่อายุ 12 ปี ด้วยการส่งหนังสือพิมพ์เพื่อเก็บเงินเรียนมหาวิทยาลัย จนมาถึงทุกวันนี้ในวัย 64 ปีเขาก็ยังทำงานอยู่ และวางแผนจะทำงานต่อไปตราบเท่าที่จะทำได้ โดยเขาเปิดเผยเรื่องราวการทำงานตลอดชีวิตของเขาผ่านรายการพอดแคสต์ "Table Manners" ที่ออกอากาศเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา 

ไม่ขอเกษียณในนิยามเดิม 'ทิม คุก' ยังอยากทำงานแม้หลังเกษียณ

ซีอีโอ Apple บอกอย่างชัดเจนว่าการเกษียณของเขาจะไม่เป็นไปตามนิยามแบบดั้งเดิม เขากล่าวว่า "ผมไม่เห็นภาพตัวเองอยู่บ้านเฉยๆ โดยไม่ได้ใช้สมอง และไม่ได้คิดว่าจะทำให้วันพรุ่งนี้ดีกว่าวันนี้ได้อย่างไร ผมเป็นคนแบบนี้เสมอและอยากจะทำงานต่อไป"

จริงๆ แล้ว ถ้ามองในแง่ความมั่นคงทางการเงินช่วงหลังเกษียณ ทิม คุก อาจไม่จำเป็นต้องทำงานอีกแล้วตลอดชีวิต เนื่องจากปีที่แล้วเขาได้รับค่าตอบแทนสุทธิถึง 74.6 ล้านดอลลาร์ (ราวๆ 2,500 ล้านบาท) ในฐานะซีอีโอแอปเปิล ซึ่งรวมถึงเงินเดือนพื้นฐาน 3 ล้านดอลลาร์และหุ้นอีกหลายล้านดอลลาร์ ตามเอกสารที่ยื่นต่อหน่วยงานกำกับดูแล ทั้งนี้นิตยสาร Forbes ประเมินมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเขาไว้ที่ 2.2 พันล้านดอลลาร์ (74,000 ล้านบาท) 

แต่การเลิกนิสัยเดิมๆ นั้นเป็นเรื่องยาก และเขาก็ทำงานมาอย่างต่อเนื่องกว่า 50 ปีแล้ว เขาเติบโตมาในครอบครัวที่ "มีฐานะค่อนข้างลำบาก" ในเมืองเล็กๆ ชนบทชื่อโรเบิร์ตสเดล รัฐแอละแบมา มหาเศรษฐีคนนี้เล่าว่าพ่อแม่ของเขาคาดหวังให้เขาและพี่น้องชายอีกสองคนเริ่มทำงานทันทีที่มีโอกาส

"ช่วงชีวิตของผมส่วนใหญ่ถูกเลี้ยงดูให้มุ่งเน้นเรื่องการทำงาน และครอบครัวเรามีความเชื่อที่ว่าการทำงานหนักเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน ไม่ว่าคุณจะอายุเท่าไหร่" เขาเล่าเพิ่มเติม

ทิม คุก ซีอีโอ Apple เผย ยังอยากทำงานต่อไปแม้หลังวัยเกษียณ

คุณค่าของการขยันทำงาน ผลักดันสู่การสร้างจุดมุ่งหมายในชีวิต

ช่วงวัยรุ่น ทิม คุก เคยทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขายยาในท้องถิ่น ซึ่งแม่ของเขาก็ทำงานอยู่ที่นั่นด้วย เมื่ออายุ 14 ปี เขาก็ได้เลื่อนขั้นไปทอดเบอร์เกอร์ที่ร้านฟาสต์ฟู้ดที่ชื่อว่า Tastee-Freez โดยได้ค่าจ้างชั่วโมงละประมาณ 1.10 ดอลลาร์ (37 บาท) และ สวมหมวกเล็กๆ ที่เพื่อนของเขามักจะล้อเลียนบ่อยๆ 

ในตอนนั้น เขาคิดว่าการหาเงินให้มากพอเพื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยให้ได้คนแรกในครอบครัวนั้นเป็นเรื่องสำคัญ ปัจจุบันเขาคิดว่างานพาร์ทไทม์ในวัยเยาว์เหล่านั้นยิ่งเป็นตัวช่วยเสริมสร้างจริยธรรมในการทำงานที่เขาได้รับมาจากพ่อแม่

"พวกท่านปลูกฝังการให้คุณค่ากับการทำงานหนักให้กับผม แนวคิดที่ว่างานทุกอย่างมีคุณค่า และงานสามารถเป็นส่วนหนึ่งของจุดมุ่งหมายในชีวิตของคุณได้ สิ่งนั้นอยู่กับผมมาตลอดชีวิต" ทิม คุก อธิบายถึงคุณค่าการทำงานในทัศนคติส่วนตัว

การทำงานหลังช่วงเกษียณ ช่วยฝึกสมอง รักษาความจำ และดีต่อสุขภาพจิต

ทัศนคติต่อการทำงานของเขาดังกล่าวถือว่ามีข้อดีต่อชีวิตหลังเกษียณ เพราะตามงานวิจัยหัวข้อ Cognitive Health and Older Adults แสดงให้เห็นว่า การที่วัยเกษียณยังคงมีงานทำหรือมีกิจกรรม-งานอดิเรกให้ยุ่งๆ บ้างในช่วงที่มีอายุมากขึ้นล้วนมีประโยชน์ต่อสุขภาพ เนื่องจากเป็นการท้าทายสมองอย่างสม่ำเสมอด้วยการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และการทำโครงการที่คุณหลงใหล สามารถช่วยรักษาสุขภาพจิตและช่วยเรื่องความจำ พร้อมทั้งชะลอความเสื่อมถอยทางความคิดได้

ทิม คุก เล่าต่อไปอีกว่าเขายังคงมีเวลาอีกหลายปีในการทำงานที่แอปเปิล แม้ว่าเขาจะไม่จำเป็นต้องเป็นซีอีโอไปตลอดชีวิตที่เหลือ แต่ความปรารถนาที่จะทำงานที่มีความหมายจะทำให้เขาไม่มีวันเกษียณในรูปแบบดั้งเดิม

"คนทำงานย่อมต้องการที่จะถูกผลักดันบ้าง คุณต้องการที่จะรู้สึกท้าทายหรืออึดอัดบ้าง อาจจะไม่มากเท่ากับที่ผมเป็นทุกวันนี้ แต่ผมคิดว่าผมยังต้องการที่จะถูกผลักดันอยู่เสมอ" เขาบอกในท้ายที่สุด