3 วิธีสร้างสมาธิในการทำงาน ดึงสติ มีโฟกัส วุ่นวายแค่ไหนก็ทำงานเสร็จ

3 วิธีสร้างสมาธิในการทำงาน ดึงสติ มีโฟกัส วุ่นวายแค่ไหนก็ทำงานเสร็จ

เหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิ? เปิด 3 เคล็ดลับสร้างสมาธิในการทำงาน ไม่ว่าโลกจะเหวี่ยง-ชีวิตจะวุ่นวายแค่ไหน ก็ทำงานเสร็จทันส่ง

KEY

POINTS

  • เหนื่อยล้า ไม่มีสมาธิทำงาน? เมื่อบางครั้งพนักงานไม่สามารถจดจ่อกับงานได้เต็มที่ เพราะเจอสิ่งรบกวนทั้วการแจ้งเตือนบนหน้าจอไม่หยุด หรือถูกขัดจังหวะด้วยการประชุม 
  • ผู้เชี่ยวชาญแนะ 3 เคล็ดลับการสร้างสมาธิ เพิ่มโฟกัสกับงาน เพื่อให้ทำงานให้สำเร็จลุล่วงโดยไม่กดดัน หนึ่งในนั้นคือ การตระหนักรู้ในตนเองเมื่อมีความเครียดหรือสมาธิหลุด ให้แบ่งเวลาพักก่อน 15 นาที
  • ลองตั้ง “เป้าหมายที่ทำได้และทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จเมื่อสิ้นสุดวันนั้นๆ” อย่าพุ่งเป้าไปที่เนื้องานทั้งหมดที่ต้องทำในวันนี้ (ทำให้รู้สึกงานเยอะไปหมดจนกังวล) แต่ให้แยกย่อยงานเป็นส่วนเล็กๆ แล้วค่อยๆ ทำแต่ละส่วนให้เสร็จ

เชื่อว่าหลายๆ ครั้งที่วัยทำงานรู้สึกไม่มีสมาธิที่จะทำงานให้เสร็จได้ตามกำหนด เพราะถูกรบกวนจากการแจ้งเตือนข่าวสารที่ปรากฏขึ้นบนโทรศัพท์ของคุณตลอดเวลา หรือเจอกับช่วงเวลาที่ชีวิตส่วนตัวยุ่งวุ่นวาย รวมถึงความเครียด อารมณ์ขุ่นมัว และสิ่งรบกวนภายนอกต่างๆ อาจเป็นอุปสรรคทำให้คุณสร้างความสำเร็จในงานได้ยาก

แต่เรื่องนี้มีวิธีแก้ไขได้ “เจสสิกา ไวส์” (Jessica Weiss) ผู้เชี่ยวชาญด้านความสุข เล่าว่า มีวิธีการต่างๆ มากมายที่จะช่วยให้วัยทำงานกลับมาโฟกัสกับสิ่งที่ต้องทำตรงหน้าได้ดีขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่หลายคนกำลังรู้สึกเหนื่อยล้าและขาดสมาธิอย่างมาก

..นี่คือ 3 เคล็ดลับการทำงานที่เธอแนะนำให้วัยทำงานลองนำไปปรับใช้ เพื่อช่วยสร้างสมาธิในการทำงานได้ดีขึ้น

ปล่อยให้ร่างกายของคุณตระหนักถึงอารมณ์ต่างๆ แล้วขจัดมันออกไป

ไวส์แนะนำว่าให้ลองเริ่มต้นด้วยการอุทิศเวลาในแต่ละวันเพื่อรับรู้ความรู้สึกของตัวเราเอง โดยใช้เวลา 15 - 20 นาที เพื่อระบายความกังวล ความโกรธ ความหงุดหงิด หรือความรู้สึกอื่นๆ ที่คุณรู้สึกในตอนนั้นออกมา ผู้เชี่ยวชาญคนเดิมบอกว่า “นี่คือวิธีที่คุณจะสามารถจัดการกับอารมณ์ต่างๆ ได้ โดยไม่ต้องเก็บกดมันเอาไว้”

เธอบอกอีกว่า ความวิตกกังวลหรือความรู้สึกเชิงลบสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลาของวัน บางคนตื่นนอนตอนเช้าและรู้สึกวิตกกังวลมาก บางคนวิตกกังวลสูงสุดในตอนเที่ยง และบางคนก็มักจะวิตกกังวลในช่วงตอนเย็นของวัน เมื่อรู้ตัวว่าช่วงเวลาที่ความรู้สึกเชิงลบพีคขึ้นถึงจุดสูงสุด ให้หยุดทำงานตอนนั้นก่อน แบ่งเวลา 15-20 นาทีออกไปพักจากแล้วค่อยๆ ขจัดมันออกไป

สำหรับวิธีจัดการกับอารมณ์เชิงลบในขณะเวลาที่พัก ไวส์แนะนำให้ลองพูดคุยกับใครสักคนที่พร้อมจะรับฟังคุณ หรือใช้วิธีการเขียน Journal ลงสมุดบันทึก ก็เป็นอีกทางเลือกที่ดีในการระบายอารมณ์ หรือไปออกกำลังกายง่ายๆ เช่น เดินรอบที่ทำงานหรือเดินขึ้นลงบันได ก็จะช่วยให้คุณระบายความเครียดและปลดปล่อยอารมณ์ได้อีกด้วย “คีย์หลักคือการนำความคิดเชิงลบจากข้างในถ่ายเทมันออกสู่ภายนอก” 

มุ่งเน้นไปที่เนื้องานที่คุณสามารถควบคุมได้เป็นอย่างแรก

ในขณะที่คุณกำลังทำงานง่วนอยู่ ณ ช่วงเวลานั้น ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้คุณ “มุ่งเน้นไปที่สิ่งที่คุณควบคุมได้” ซึ่งก็คือให้เน้นงานในขอบเขตของคุณที่คุณมีอำนาจตัดสินใจได้ด้วยตนเอง แทนที่จะเน้นงานที่ต้องพึ่งพาคนอื่นเพื่อให้ก้าวไปข้างหน้า การเปลี่ยนพลังงานของคุณไปที่งานที่คุณควบคุมได้นั้น “จะช่วยลดความวิตกกังวล” และยังทำให้คุณพอใจกับชีวิตมากขึ้นด้วย 

ในทำนองเดียวกัน แทนที่จะคิดในภาพรวมเกี่ยวกับงานทุกสิ่งที่คุณต้องทำ ซึ่งทำให้รู้สึกว่างานเยอะไปหมดจนท้อใจ แต่ให้มุ่งเน้นไปที่ “ชัยชนะเล็กๆ น้อยๆ” ยกตัวอย่างเช่น แทนที่จะพูดกับตัวเองว่า ‘ฉันต้องโทรขายของให้ได้ตามเป้าภายในวันที่ X’ ลองพูดกับตัวเองว่า ‘ฉันต้องโทรขายของให้ได้วันละ 5 ครั้ง’ หรือทำรายการงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างอื่นที่คล้ายกันดู ประเด็นสำคัญคือต้องตั้ง “เป้าหมายที่ทำได้และทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองประสบความสำเร็จเมื่อสิ้นสุดวันนั้นๆ”

กำหนดเวลา 2 ชั่วโมงต่อวัน ให้เข้าสู่สภาวะ flow state ในการทำงาน

คำแนะนำข้อสุดท้ายคือ ให้หาเวลาสักระยะหนึ่งเพื่อเข้าสู่สภาวะ flow state หรือระดับสมาธิสูงสุดที่คุณจะจดจ่ออยู่กับงานหรือกิจกรรมที่คุณทำอย่างเต็มที่ และอาจลืมเวลาไปเลยด้วยซ้ำ ไวส์แนะนำให้อุทิศเวลา 1-2 ชั่วโมงต่อวันให้กับการทำแบบนี้ ซึ่งมีวิธีปฏิบัติดังนี้

เริ่มจากกำหนดเวลาว่าจะทำงานแบบใช้สมาธิสูงช่วงกี่โมงถึงกี่โมง จากนั้นให้ “เลือกงานที่ยากกว่างานปกติเล็กน้อย” ต่อด้วยการ “กำจัดสิ่งรบกวน” ต่างๆ เช่น ปิดเสียงแจ้งเตือนมือถือ ไม่มีประชุม ออกไปนั่งในโซนทำงานเดี่ยว และตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนว่าจะทำงานนี้ให้เสร็จภายในเวลาดังกล่าว คุณควรเลือกงานที่จะผลักดันคุณออกจาก Comfort Zone ของคุณเล็กน้อย อย่าเลือกงานง่ายๆ 

การให้เวลาตัวเองสองชั่วโมงเพื่อทำกิจกรรมที่ท้าทายความสามารถ จะทำให้คุณ “รู้สึกพึงพอใจ” หลังจากทำงานนั้นได้สำเร็จ และจะช่วยเตือนให้คุณนึกถึงความสามารถในการจดจ่อ (มีสมาธิสูง) ของตัวเอง ซึ่งทำให้รู้สึกคลายเครียดลง รู้สึกควบคุมได้

ท้ายที่สุดแล้วผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ความรู้สึกแห่งการควบคุมงานได้ คือสิ่งที่วัยทำงานทุกคนต้องการ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สมาธิหลุดขณะที่มีงานด่วนต้องรีบส่ง วิธีเหล่านี้จะช่วยให้คุณผ่านพ้นวิกฤติไปได้อย่างราบรื่น