อาชีพเสริมสุดฮิตคนรุ่นใหม่ รับเลี้ยงหมา บริการกอด ขายของสะสม รายได้สุดปัง

อาชีพเสริมสุดฮิตคนรุ่นใหม่ รับเลี้ยงหมา บริการกอด ขายของสะสม รายได้สุดปัง

ทำอาชีพเดียวไม่พอกิน! คนรุ่นใหม่ขยันหางานเสริมเพิ่มรายได้ ทั้งรับเลี้ยงหมา, เป็นไรเดอร์, บริการกอด ฯลฯ สอดรับเทรนด์ FIRE อยากรวยเร็ว เกษียณอายุเร็ว

KEY

POINTS

  • อัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด กระตุ้นให้วัยทำงานยุคนี้เร่งหางานเสริม อาชีพเสริม เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับตนเอง แม้อาจจะไม่สามารถทดแทนรายได้จากงานหลักได้ แต่ก็ช่วยทำให้มีอิสระทางการเงินมากขึ้น
  • เทรนด์การทำงานเสริม สอดรับกับเทรนด์ FIRE (Financial Independence Retire Early) ของคนรุ่น Gen Y-Z เมื่อคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งมีแนวคิดที่ว่า อยากหาเงินให้ได้เพียงพอกับการใช้ชีวิตหลังเกษียณเร็วๆ ขอเกษียณก่อนกำหนด ไม่อยากทำงานหนักไปจนแก่
  • ยกตัวอย่างอาชีพเสริมที่ค่อนข้างแปลกใหม่ ได้แก่ ให้เช่าพื้นที่หลังบ้านเพื่อจัดงาน, รับจ้างติดโลโก้หรือแบรนด์สินค้าบนเสื้อผ้าหรือรถส่วนตัว, นักกอดมืออาชีพ, ขายของสะสม-ของหายาก

เมื่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจสร้างแรงกดดันให้วัยทำงานรุ่นใหม่หลายคน หันไปทำ Side Hustle หรืออาชีพเสริมเพื่อหารายได้เพิ่ม ตั้งแต่การทำเทียนหอมแฮนด์เมด ไปจนถึงการเป็นกรรมการกีฬาในท้องถิ่น, บริการดูแลสัตว์เลี้ยง, บริการกอดฮีลใจ, ไรเดอร์ และฟรีแลนซ์ต่างๆ โอกาสงานเสริมเหล่านี้มอบความยืดหยุ่นทางการเงินและศักยภาพในการเสริมสร้างทักษะใหม่ไปพร้อมๆ กับทักษะอาชีพหลัก

อาชีพเสริมหรือ Side Hustle คืออะไร?

อาชีพเสริม คือการจ้างงานรูปแบบหนึ่ง หรือกิจกรรมสร้างรายได้ที่นอกเหนือจากงานประจำเต็มเวลาแบบดั้งเดิม โดยทั่วไปมักจะเป็นงานที่นายจ้างให้ความคล่องตัวแก่ลูกจ้าง ไม่กำหนดเวลางานตายตัว จึงสามารถทำในวันหยุดหรือทำหลังเลิกงานประจำได้ ให้เวลาอิสระในการทำงาน มีกรอบการส่งงานที่ยืดหยุ่น หรืออาจจ้างงานเป็นรายครั้งๆ ไป

โดยปัจจัยหลักที่ทำให้วัยทำงานยุคนี้ต้องขยันหางานทำงานเสริมหลายๆ อาชีพมากขึ้น ก็คือ อัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่พุ่งสูงขึ้นไม่หยุด ทำให้การพึ่งพาการทำงานประจำแบบดั้งเดิมเพียงอย่างเดียวเพื่อให้ยังชีพอยู่ได้เป็นเรื่องยาก เงินเดือนน้อยที่สวนทางค่าใช้จ่ายรายวันจึงกระตุ้นให้คน Gen Z แสวงหาแหล่งรายได้อื่นเพิ่มเติม

นอกจากนี้ การทำงานหลายอาชีพไปพร้อมกันก็สอดรับกับเทรนด์ FIRE (Financial Independence Retire Early) ของคนรุ่น Gen Y-Z ด้วย เพราะคนรุ่นใหม่กลุ่มหนึ่งมีแนวคิดที่ว่า อยากหาเงินให้ได้เพียงพอกับการใช้ชีวิตหลังเกษียณเร็วๆ ขอเกษียณก่อนกำหนดแล้วไปใช้ชีวิต ไม่อยากทำงานไปจนแก่ จึงทำหลายๆ อาชีพเพื่อปั๊มเงินให้ได้เยอะๆ ในเวลาอันสั้น เน้นออมเงินเยอะ และรีบลงทุนตั้งแต่อายุน้อย เพื่อให้เงินต้นออกดอกออกผลได้ทันใช้

Gen Z อาชีพเสริมมากที่สุด แซงหน้าวัยทำงานรุ่นพี่

เทรนด์การทำงานหลายอาชีพดังกล่าวเติบโตอย่างมากในต่างประเทศ คนวัยทำงานต่างก็หางานเสริมทำกันเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตามข้อมูลการศึกษาวิจัยของ Bankrate ในสหรัฐ พบว่า ในปี 2024 ผู้ใหญ่วัยทำงานในสหรัฐอเมริกาประมาณ 36% มีอาชีพเสริม โดยมีรายได้จากอาชีพเสริมเฉลี่ยอยู่ที่ 891 ดอลลาร์ต่อเดือน (ราวๆ 30,000 บาทต่อเดือน) ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 810 ดอลลาร์ต่อเดือน (ประมาณ 27,000 บาทต่อเดือน) ในปี 2023

โดยวัยทำงานกลุ่ม Gen Z เป็นกลุ่มอายุที่มีแนวโน้มที่จะทำอาชีพเสริมมากที่สุด (ประมาณ 48%) เมื่อเทียบกับกลุ่ม Millennials (44%), Gen X (33%), กลุ่ม Baby Boomers (23%)

นอกจากนี้ จากผลการศึกษาพบว่าคนรุ่นมิลเลนเนียลหรือ Gen Y เป็นกลุ่มที่ทำเงินจากงานเสริมได้มากที่สุด ซึ่งทำรายได้พิเศษเฉลี่ย 1,129 ดอลลาร์ต่อเดือน (38,400 บาทต่อเดือน) ในขณะที่คนรุ่น Gen Z ทำรายได้เสริมเฉลี่ย 958 ดอลลาร์ต่อเดือน (32,600 บาทต่อเดือน) 

อย่างไรก็ตาม รายได้เหล่านี้แม้จะไม่เพียงพอที่จะทดแทนงานประจำ แต่ก็สามารถบรรเทาภาระทางการเงินและเป็นหนทางสู่ความเป็นอิสระทางการเงินได้ จากการสำรวจของ Gallup เมื่อปีที่แล้วเผยให้เห็นว่า มีคนอเมริกันเพียง 31% เท่านั้นที่มีส่วนร่วมในงานประจำ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี

เปิดลิสต์อาชีพเสริมที่ทำรายได้ดี และอาชีพแปลกที่หาเงินเพิ่มได้สุดปัง!

สำหรับงานเสริมที่ทำรายได้ได้ค่อยข้างดีมากในปี 2025 นั้น จากการสำรวจของ Newsweek พบว่ามีกลุ่มอาชีพเสริมที่น่าสนใจ ดังนี้ 

1. ฟรีแลนซ์สายครีเอเตอร์

อาชีพเสริมในกลุ่มนี้ยกตัวอย่างเช่น ฟรีแลนซ์การเขียนบทความ, การออกแบบกราฟิก, การจัดการโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะการรับจ้างจัดการโซเชียลมีเดีย สามารถทำนรายได้สูงถึง 300-3,500 ดอลลาร์ต่อเดือน (10,200-119,000 บาทต่อเดือน) โดยเป็นงานที่ต้องใช้ทักษะการตลาดดิจิทัลเพื่อสร้างรายได้ โดยการจัดการบัญชีของธุรกิจขนาดเล็กหรือบัญชีของอินฟลูเอนเซอร์ชื่อดัง ผู้รับงานนี้จะมีหน้าที่สร้างโพสต์ที่น่าสนใจ จัดการโฆษณา และติดตามวิเคราะห์ผลของโพสต์เหล่านั้น ต้องมีความรู้เกี่ยวกับแพลตฟอร์มต่างๆ เช่น Instagram, Facebook, LinkedIn หรือ TikTok ทั้งนี้สามารถจัดตารางทำงานได้ด้วยตัวเอง

2. บริการดูแลสัตว์เลี้ยง

หากคุณรักสัตว์ การรับดูแลสัตว์เลี้ยงถือเป็นงานที่เหมาะสม สามารถทำได้ทั้งการรับจ้างพาสุนัขเดินเล่น, การรับจ้างดูแลสัตว์เลี้ยง, การดูแลขนสัตว์เลี้ยงผ่านแอป เช่น Rover งานเสริมนี้จะช่วยให้มีรายได้พิเศษแม้จะทำเพียงไม่กี่ชั่วโมง อีกทั้งมีความยืดหยุ่นและทำในเวลาว่างได้ด้วย รายได้อยู่ที่ประมาณ 14.30 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง (487 บาทต่อชั่วโมง) 

3. ทำสินค้าแฮนด์เมด-ขายของออนไลน์

ขายสินค้าแฮนด์เมดบน Etsy หรือจะเน้นออกแบบพร้อมแปลงโฉมเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า หรือสินค้าต่างๆ และนำไปขายต่อบน eBay, Mercari และ Depop หากคุณมีพรสวรรค์ในการทำของใช้แฮนด์เมดที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว การนำงานฝีมือของคุณมาทำเป็นธุรกิจก็อาจได้ผลกำไรอย่างงาม สามารถทำรายได้อยู่ที่ประมาณ 200 - 2,500 ดอลลาร์ต่อเดือน (6,800-85,000 บาทต่อเดือน) 

4. ไรเดอร์ นักขับส่งคน-ส่งของ

บริการขับรถส่งผู้โดยสารให้กับ Uber, Lyft, Grab หรือขับรถบริการส่งอาหารผ่านตัวแทนบริษัทต่างๆ เช่นกัน งานเสริมประเภทนี้ทำให้คุณมีอิสระในการกำหนดตารางเวลางานของตัวเองได้ คุณจึงสามารถทำในช่วงวันหยุด หรือหลังเลิกงานประจำได้ อีกทั้งยังเป็นงานที่ได้เงินทิปเพิ่มอีกด้วย รายได้โดยประมาณอยู่ที่ 5-8 ดอลลาร์ต่อการส่งหนึ่งครั้ง (ราวๆ 170-275 บาทต่อครั้ง)

5. งานเสริมแบบ Passive Income

อาชีพเสริมกลุ่มนี้ได้แก่ การทำ Affiliate, การเขียนบล็อก, การทำช่องรายการออนไลน์ และการสร้างผลิตภัณฑ์ดิจิทัล เช่น ออกแบบลายเสื้อ ออกแบบสติ๊กเกอร์ ขายลิขสิทธิ์ผลงานศิลปะ ฯลฯ เหล่านี้ล้วนทำเงินได้เรื่อยๆ แบบ Passive Income (แม้ไม่ได้เป็นเงินก้อนใหญ่ แต่เน้นสะสมในระยะยาว) โดยเฉพาะการทำ Affiliate Marketing นั้น กำลังได้รับความนิยมอย่างมาก ทำคู่ไปกับงานประจำได้ง่าย เพียงแนะนำผลิตภัณฑ์หรือบริการที่คุณชื่นชอบผ่านช่องทางโซเซียลของคุณ และรับคอมมิชชั่นเมื่อมีคนซื้อผลิตภัณฑ์หรือบริการเหล่านั้น โดยรับรายได้อยู่ที่ 50 - 3,000 ดอลลาร์ต่อเดือน (1,700 - 100,000 บาทต่อเดือน)

นอกจากนี้ยังมีงานเสริมอีกหลายอาชีพที่แปลกแตกต่างและน่าสนใจ ได้แก่ 

- ให้เช่าพื้นที่หลังบ้านเพื่อจัดงาน: หากคุณมีพื้นที่หลังบ้านที่กว้างขวาง คุณสามารถให้เช่าสำหรับงานสังสรรค์เล็กๆ งานแต่งงาน หรือแม้กระทั่งเป็นจุดตั้งแคมป์ได้ ผ่านทางแพลตฟอร์มต่างๆ ที่มีบริการอยู่มากมาย เช่น Peerspace

- โฆษณาบนตัวบุคคล: บริษัทต่างๆ จะจ้างคุณให้ติดโลโก้หรือแบรนด์ของพวกเขาบนเสื้อผ้าหรือรถของคุณ เหล่าอินฟลูฯ ที่มีชื่อเสียงและมีผู้ติดตามจำนวนมาก มักจะได้รับข้อเสนอในการโปรโมทแบรนด์ต่างๆ ในรูปแบบนี้ และรับรายได้เป็นครั้งๆ ไป

- นักกอดมืออาชีพ: บางคนจ่ายเงินเพื่อใช้บริการนักกอดมืออาชีพ เพื่อคลายความเครียดและความเหงา เช่น บริการของบริษัท Cuddle Comfort เชื่อมโยงนักกอดมืออาชีพกับลูกค้า โดยนักกอดมืออาชีพจะได้รับเงินค่าบริการ 85% ของราคาค่าจ้างต่อครั้ง

สำหรับใครที่ยังไม่รู้จักอาชีพนี้มากนัก มีข้อมูลจาก NorthernVirginiaMag อธิบายไว้ว่า นักกอดมืออาชีพ คือผู้ให้บริการบำบัดด้วยการกอด ซึ่งเป็นแนวทางที่เสริมขึ้นมาจากการบำบัดด้วยการพูดคุย (อาชีพด้านสุขภาพจิตแบบดั้งเดิม) ทั้งนี้ การกอดหรือการสัมผัสถือเป็นความต้องการพื้นฐานของมนุษย์ เมื่อคนเรากอดกันร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนออกซิโทซินหรือสารแห่งความสุขออกมา ช่วยให้เกิดการเชื่อมต่อที่แท้จริงและความผูกพันที่มั่นคงที่บางคนอาจไม่เคยมีมาก่อน การกอดเป็นรากฐานของสุขภาพ ความสมบูรณ์ของร่างกาย และความสุขได้อย่างแท้จริง

เอ็ดมันด์ โรลล์ (Edmund Rolls) นักประสาทวิทยาอธิบายไว้ว่า การกอดหรือการสัมผัสทางกายมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายมิติ ได้แก่ ช่วยให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ ลดความดันโลหิต เพิ่มความรู้สึกแห่งความรักและความยอมรับ ลดอาการซึมเศร้าได้ ทั้งนี้ข้อมูลจาก BusinessInsider ระบุว่า นักกอดมือาชีพจาก Cuddlist ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้ความรู้แก่ผู้กอดและเป็นแพลตฟอร์มตัวกลางระหว่างลูกค้าและผู้ให้บริการ สามารถทำรายได้ 60-200 ดอลลาร์ต่อชั่วโมง (2,000-6,700 บาทต่อชั่วโมง)

- ขายของสะสมเฉพาะกลุ่ม: หากคุณเชี่ยวชาญในการขายของแปลกๆ ของเก่า ของสะสมหายาก เช่น ของเล่น Happy Meal ของ McDonald's แบบวินเทจ, กล่องซีเรียลเก่า, เทป VHS หายาก ฯลฯ ซึ่งบางชิ้นขายได้ในราคาหลายร้อยดอลลาร์ สามารถขายในบนแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ต่างๆ เช่น eBay

วิธีเริ่มต้นทำอาชีพเสริม ต้องประเมินทักษะ ความสนใจ และเวลาว่างที่มี 

การเริ่มต้นทำงานเสริมนั้นไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก สิ่งสำคัญคือคุณต้องสามารถระบุทักษะส่วนตัว ความสนใจ และเวลาว่างที่มีอยู่ให้ได้ชัดเจน ก่อนที่จะเริ่มลงมือทำงานเสริมใดๆ ก็ตาม เพื่อไม่ให้กระทบกับงานหลัก โดยควรพิจารณาสิ่งต่อไปนี้ ได้แก่ 

- ประเมินจุดแข็งของตนเอง: ระบุทักษะหรืองานอดิเรกที่สามารถสร้างรายได้
- วิจัยตลาด: ค้นหาความต้องการสำหรับธุรกิจที่คุณเลือกและวิเคราะห์คู่แข่ง
- กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน: กำหนดภาระผูกพันทางการเงินและเวลา
- ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มออนไลน์: Upwork, Fiverr และ TaskRabbit เพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าได้ตลอดเวลา
- เริ่มต้นแบบเล็กๆ: ทดลองทำสัก 2-3 ครั้งก่อนที่จะเริ่มจริงจัง
- รักษาความสม่ำเสมอ: อุทิศเวลาแต่ละสัปดาห์ให้กับการขยายธุรกิจเสริมของคุณ

ทั้งนี้อนาคตของการทำงานเสริมของคุณจะไปรอดหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่ความมุ่งมั่น มีวินัย และตั้งใจจริง เพราะสมัยนี้ Gig Economy (ระบบเศรษฐกิจแบบตลาดแรงงานเสรี ผู้คนประกอบอาชีพอิสระที่รับจ้างทำงานจบเป็นงานๆ ไป) กำลังเติบโตก้าวหน้าอย่างมาก โดยมีแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาทำให้การสร้างรายได้จากทักษะและสินทรัพย์ทำได้ง่ายขึ้น คนรุ่นใหม่ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและมีฝีมือ จะสามารถเลือกงานเสริมที่สอดคล้องกับความเชี่ยวชาญและตารางเวลาของตนเองได้ และจะได้รับประโยชน์สูงสุดในโลกการทำงานยุคใหม่