บิล เกตส์ แนะผู้นำอ่าน The Coming Wave คาด AI กระทบการจ้างงานทั่วโลกใน 5 ปี

Bill Gates ผู้ก่อตั้ง Microsoft แนะ ผู้นำประเทศ-ผู้นำองค์กร อ่านหนังสือที่สำคัญที่สุด "The Coming Wave: Technology, Power, and the Twenty-first Century’s Greatest Dilemma" คาดมีผลกระทบที่ไม่มั่นคงอย่างมากต่อการจ้างงาน
KEY
POINTS
- บิล เกตส์ แนะ ผู้นำระดับโลก อ่านหนังสือเล่มโปรดของเขาที่ชื่อว่า “The Coming Wave: Technology, Power, and the Twenty-first Century’s Greatest Dilemma” เขียนโดย มุสตาฟา สไลมาน ผู้บุกเบิกด้าน AI และปัจจุบันเป็นซีอีโอของ Microsoft AI
- หลักใหญ่ใจความสำคัญของหนังสือเล่มนี้ ได้คาดการณ์ไว้ว่า ปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบงานและอาชีพต่างๆ ทั้งหมดในแทบทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกภายใน 5 ปีข้างหน้า
- แม้แรงงานและผู้นำองค์กร จะต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอันน่ากังวลจาก AI แต่ในอีกแง่หนึ่ง ทุกคนก็จะได้รับประโยชน์จากมันด้วย เช่น การรักษาโรคที่ล้ำหน้า การปัญหาสภาพอากาศ การศึกษาคุณภาพสูง
กลับมาอีกครั้งกับการ “แนะนำหนังสือเล่มโปรด” ของมหาเศรษฐีผู้ก่อตั้ง Microsoft อย่าง บิล เกตส์ (Bill Gates) ครั้งนี้เขาได้โพสต์ข้อความแนะนำหนังสือเกี่ยวกับ AI ที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษและเขาคิดว่าทุกคนควรอ่าน นั่นคือ เล่มที่ชื่อว่า “The Coming Wave: Technology, Power, and the Twenty-first Century’s Greatest Dilemma”
หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 2023 เขียนโดย มุสตาฟา สไลมาน (Mustafa Suleyman) ผู้บุกเบิกด้าน AI ผู้ร่วมก่อตั้งห้องวิจัย DeepMind ซึ่งต่อมาเขาขายหนังสือเล่มนี้ให้กับ Google ในปี 2014 และปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งเป็น "ซีอีโอของ Microsoft AI" โดยหลักใหญ่ใจความสำคัญในเนื้อหาของเล่มนี้ ได้คาดการณ์ว่าปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบงานและอาชีพต่างๆ ทั้งหมดในแทบทุกอุตสาหกรรมทั่วโลกภายใน 5 ปีข้างหน้า
บิล เกตส์ เผยจุดสำคัญของหนังสือ 'The Coming Wave' ที่ทุกคนควรอ่าน!
CNBC รายงานอ้างถึงข้อความการแนะนำหนังสือเล่มนี้ของ บิล เกตส์ ที่เขาโพสต์ไว้ในบล็อกของเขาเมื่อเดือนที่แล้ว ระบุว่า “นี่คือหนังสือเกี่ยวกับ AI ที่ผมแนะนำมากกว่าเล่มอื่นๆ ทั้งสำหรับผู้นำประเทศ ผู้นำธุรกิจ และใครก็ตามที่สนใจประเด็นนี้ เพราะหนังสือเล่มนี้ให้ข้อมูลที่หาได้ยากอย่างหนึ่ง นั่นคือ มุมมองที่ชัดเจนเกี่ยวกับโอกาสอันยอดเยี่ยมและความเสี่ยงอันแท้จริงของ AI ที่รออยู่ข้างหน้า”
ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียนอย่าง "สุไลมาน" ได้ทำนายว่าความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์จะเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินงานของอุตสาหกรรมเกือบทุกประเภทอย่างสิ้นเชิง เขายกตัวอย่างการศึกษาวิจัยในปี 2023 ของกลุ่มที่ปรึกษา McKinsey ที่ประเมินว่ารูปแบบลักษณะการทำงานทั้งหมดประมาณ 50% ของอาชีพทั่วโลกจะกลายเป็นระบบอัตโนมัติ (กว่า 400 ล้านคนอาจต้องเปลี่ยนอาชีพหรือสายงานใหม่) และจะเกิดขึ้นอย่างเร็วที่สุดภายในปี 2030
ผลสืบเนื่องจากการที่ AI เข้ามาดิสรัปต์โลกการทำงาน “จะสร้างความไม่มั่นคงอย่างมากต่อแรงงานนับร้อยล้านคนทั่วโลก พวกเขาจำเป็นต้องฝึกฝนทักษะใหม่และเปลี่ยนไปทำงานประเภทใหม่” สุไลมานเขียนไว้ในหนังสือ
“AI จะช่วยให้พนักงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งบางกรณีก็เกิดขึ้นแล้ว แต่จะเป็นแบบนี้แค่ในช่วงแรกเท่านั้น” สุไลมาน เขียนไว้ในบางช่วงบางตอนของหนังสือเล่มนี้
วัยทำงานต้องเตรียมรับมือผลกระทบของ AI ต่อตลาดแรงงานทั่วโลก
ผู้เขียนขยายความต่อไปว่า เครื่องมือ AI เหล่านี้จะช่วยเพิ่มสติปัญญาของมนุษย์ได้เพียงชั่วคราวเท่านั้น ในช่วงแรกๆ เครื่องมือเหล่านี้จะทำให้เราฉลาดขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งจะเข้ามาปลดล็อกการเติบโตทางเศรษฐกิจจำนวนมหาศาล แต่โดยพื้นฐานคือมันจะเข้ามาแทนที่แรงงานที่เป็นมนุษย์ในบางส่วน แต่ก็จะเกิดสายงานใหม่ๆ ขึ้นมาด้วย
“ตั้งแต่สายงานการผลิตไปจนถึงแรงงานด้านการบริการและการจัดการ การปฏิวัติ AI จะส่งผลกระทบต่อแทบทุกอุตสาหกรรมทั่วโลก แม้ว่า AI อาจจะเข้ามาแทนที่พนักงานออฟฟิศบางตำแหน่งอย่างรวดเร็ว เช่น งานธุรการ งานบริการลูกค้า และงานสร้างเนื้อหา แต่ในท้ายที่สุดแล้วจะมี ‘บางพื้นที่’ ที่มนุษย์สามารถทำงานได้เหนือกว่าเครื่องจักร
มีตำแหน่งงานบางตำแหน่งที่ AI ทำซ้ำได้ยาก และทำไม่ได้เหมือนมนุษย์ เช่น ตำแหน่งงานที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะทาง เช่น ช่างประปาและช่างไฟฟ้า รวมถึงตำแหน่งงานในสำนักงานที่ต้องอาศัยทักษะทางสังคม การคิดวิเคราะห์ และทักษะความคิดสร้างสรรค์ขั้นสูง” สไลมาน เขียนอธิบายไว้ในหนังสือ
ผู้เขียนบรรยายในหนังสืออีกว่า ในยุคที่ AI ครองเมือง อาจส่งผลให้เกิดความเป็นจริงสองประการ คือ 1.นายจ้างจะสร้างตำแหน่งงานใหม่หลายล้านตำแหน่ง เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.สายงานใหม่ทั้งหมดอาจไม่ได้ตกไปอยู่ที่มนุษย์ แต่ใช้เอไอแทน เพราะในที่สุดแล้วนายจ้างก็จะยังคงเลือกสิ่งที่มีต้นทุนต่ำมากกว่า มาใช้งานก่อนเสมอ
AI กระตุ้นให้เกิดตำแหน่งงานใหม่เพิ่มขึ้น 78 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030
อย่างไรก็ตาม แทบทุกคนน่าจะยังต้องพัฒนาทักษะและเรียนรู้วิธีนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับงานปัจจุบัน เนื่องจากบริการ AI จะแพร่หลายมากขึ้นในทุกอุตสาหกรรมในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดขึ้นแล้วในหลายบริษัท จากการสำรวจของ EY ในปี 2023 พบว่า 41% ของบริษัทในสหรัฐฯ ได้จัดทำแผนการฝึกอบรมให้พนักงานรู้วิธีใช้ AI ในการทำงาน
ตามผลสำรวจของ Slack Workforce Lab ในเดือนมีนาคม 2024 ชี้ว่า ปัจจัยสำคัญในการจ้างงานสำหรับนายจ้างเกือบ 70% คือการเลือกจ้างพนักงานที่มีทักษะพื้นฐานด้าน AI เช่น Prompt engineering (วิศวกรรมการสื่อสารกับ AI), Machine learning (การเรียนรู้การใช้งานเครื่องจักร), Data literacy (ความรู้ด้านข้อมูล) ฯลฯ
ผู้เชี่ยวชาญบางคนเสนอว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจของ AI จะสร้างงานใหม่ ๆ มากพอที่จะชดเชยกับงานที่หายไป ล่าสุด.. รายงาน Future of Jobs 2025 ของ World Economic forum คาดการณ์ไว้เมื่อต้นเดือนมกราคมว่า ปัญญาประดิษฐ์จะสร้างตำแหน่งงานเพิ่มขึ้น 78 ล้านตำแหน่งภายในปี 2030 ซึ่งมากกว่าจำนวนตำแหน่งงานเดิมที่หายไป และอนาคตของการทำงานจะเห็นภาพว่า เกิดการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร มากกว่าการเข้ามาแทนที่
แม้แต่ผู้ที่มองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับ AI ก็เห็นด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีการทำงานของผู้คนมีแนวโน้มที่จะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ แต่ในมุมมองของ สไลมาน เขาทำนายไว้ในหนังสือของเขาว่า งานใหม่ที่เกิดจากความก้าวหน้าของ AI จะไม่เกิดขึ้นเร็วพอที่จะกอบกู้แรงงานทั่วโลกจำนวนมาก
แรงงานต้องเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ในอีกแง่หนึ่งมนุษย์ก็ต้องได้ประโยชน์จาก AI
ทั้งสุไลมานและ บิล เกตส์ ต่างก็มีความหวังโดยรวมเกี่ยวกับศักยภาพของ AI ที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนให้ดีขึ้น
“ในขณะที่แรงงานและผู้นำองค์กร จะต้องเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงอันน่ากังวลครั้งใหญ่จาก AI แต่ในอีกแง่หนึ่ง ทุกคนก็ควรจะได้รับประโยชน์จากมันด้วย เช่น การรักษาที่ล้ำหน้าสำหรับโรคร้ายแรง วิธีแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศที่สร้างสรรค์และการศึกษาที่มีคุณภาพสูงสำหรับทุกคน” เกตส์ ระบุในโพสต์ของเขา
สุไลมานอธิบายในหนังสือของเขาในทำนองเดียวกันว่า “การเตรียมรับมือในสถานการณ์นี้ให้ดีที่สุดนั้น มนุษย์จำเป็นต้องเรียนรู้ที่จะทำงานกับ AI หรือนำ AI มาใช้งานให้สอดคล้องกับชีวิตประจำวันและในด้านอาชีพการงาน อาจเริ่มต้นด้วยการสำรวจบริการ AI ออนไลน์ฟรี เช่น ChatGPT หรือโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อื่นๆ หรือการเรียนหลักสูตรออนไลน์เพื่อเรียนรู้ทักษะ AI เช่น Prompt engineering
“นี่คือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ของ AI ซึ่งมันจะกำหนดคุณภาพและรูปแบบของการใช้ชีวิตประจำวันในศตวรรษนี้และศตวรรษต่อๆ ไปได้ โดยสิ่งนี้จะไม่ใช่เรื่องเกินจริงอีกต่อไป” สุไลมานเขียนไว้ในช่วงท้ายของหนังสือ