ทรัมป์ยกเลิกทำงานทางไกล สั่งพนง.รัฐเข้าออฟฟิศ 5 วัน/สัปดาห์ เร่งอัตราลาออก

โดนัลด์ ทรัมป์ ยกเลิกการทำงานทางไกล ยุติ Work From Home สั่งพนักงานรัฐบาลกลับเข้าออฟฟิศ 5 วันต่อสัปดาห์ ลดการคุ้มครองการจ้างงาน หวังลดจำนวนพนักงานรัฐบาล
KEY
POINTS
- ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์สั่งให้พนักงานรัฐบาลกลับเข้าทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน ยกเลิกการทำงานทางไกลทั้งหมด (Remote work, Work from Home)
- ทรัมป์ฟื้นแผน 'ตาราง F' ซึ่งหมายถึง การจัดกลุ่มข้าราชการพลเรือนใหม่ สำหรับพนักงานรัฐบาลบางส่วน เพื่อลดการคุ้มครองการจ้างงาน หวังให้คนเก่าลาออก แล้วเอาคนที่เป็นพรรคพวกของตนเข้ามาแทนที่
- ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่สหภาพแรงงานกล่าวว่า การเคลื่อนไหวดังกล่าวจะขับไล่พนักงานที่มีคุณสมบัติออกจากราชการ (พวกเขาจะลาออกมากขึ้น)
หนึ่งในแอคชั่นแรกของ ‘โดนัลด์ ทรัมป์’ ในฐานะประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกา ซึ่งกระทบกับชีวิตการงานของวัยทำงานชาวอเมริกัน จำนวนไม่น้อย ก็คือการออกคำสั่งฝ่ายบริหารยกเลิกการทำงานทางไกล สำหรับพนักงานของรัฐบาลกลางทุกคน ซึ่งการเคลื่อนไหวครั้งนี้เขามุ่งหวังที่จะลดจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลางผ่านการลาออกโดยสมัครใจ
ทรัมป์ได้สั่งการให้หัวหน้าทุกแผนกของหน่วยงานในฝ่ายบริหารของรัฐบาล ดำเนินการที่จำเป็นเพื่อยุติการทำงานทางไกลทุกอย่าง ไม่ให้ Work From Home พร้อมสั่งพนักงานของรัฐบาลกลางจะต้องกลับมาทำงานในสำนักงานแบบเต็มเวลา หรือ 5 วันต่อสัปดาห์ แถมยังลดการคุ้มครองการจ้างงานสำหรับข้าราชการพลเรือน ซึ่งหลายฝ่ายมองว่านี่ถือเป็นการโจมตีและต้องการทำลายระบบราชการของรัฐบาลกลาง
ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะบังคับให้พนักงานรัฐบาลที่เป็นพนักงานกินเงินเดือนจำนวนมาก ต้องละทิ้งรูปแบบการทำงานจากระยะไกล ซึ่งเป็นการพลิกกลับแนวโน้มการทำงานรูปแบบยืดหยุ่นของวัยทำงานทั่วสหรัฐและทั่วโลก
คำสั่งยกเลิกทำงานทางไกล-ลดการคุ้มครองจ้างงาน ยิ่งเสริมอำนาจให้ทรัมป์!
หากคำสั่งนี้ได้รับการสนับสนุนจากศาล มาตรการดังกล่าวก็อาจทำให้เจ้าหน้าที่ระดับกลางสูญเสียการรับประกันการจ้างงานทางกฎหมาย คำสั่งให้กลับมาทำงานและการยกเลิกการคุ้มครองข้าราชการพลเรือนดังกล่าว เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่า การปรับผังคณะทำงานแบบ “ตาราง F” ซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ประธานาธิบดีสามารถสรรหาคนที่เป็นพรรคพวก หรือผู้ภักดีที่ซื่อสัตย์ต่อวาระของเขาเท่านั้น เข้ามาแทนที่พนักงานรัฐบาลที่มีอายุงานยาวนาน
ว่ากันว่า “คำสั่งของทรัมป์ต่อฝ่ายบริหาร” ดังกล่าว กำหนดให้หัวหน้าแผนกในรัฐบาลกลางทั้งหลายต้องดำเนินการเปลี่ยนแปลงนี้โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หากทำสำเร็จตามเป้าหมายก็จะช่วยให้ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้นำฝ่ายบริหารมีอำนาจในการชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้มากขึ้น
ขณะที่ข้อมูลจากรอยเตอร์ส (reuters) ก็รายงานในทิศทางเดียวกันว่า ทรัมป์ได้โพสต์บนเว็บไซต์ทำเนียบขาว ระบุว่า “ให้หัวหน้าหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ดำเนินการทุกขั้นตอนที่จำเป็น เพื่อยุติการทำงานทางไกล และกำหนดให้พนักงานกลับไปทำงานในสำนักงานของตนเองแบบเต็มเวลา โดยให้หัวหน้าหน่วยงานและกระทรวงต่างๆ ทำการยกเว้นตามที่เห็นว่าจำเป็น อำนาจใดๆ ที่เจ้าหน้าที่รัฐมี จะได้รับการมอบหมายจากประธานาธิบดี พวกเขาจะต้องรับผิดชอบต่อประธานาธิบดี”
ด้าน อีลอน มัสก์ ผู้ดำรงตำแหน่งหัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพของรัฐบาล (DOGE) ร่วมกับวิเวก รามาสวามี ได้พูดถึงประเด็นนี้ผ่านบทบรรณาธิการของวอลล์สตรีทเจอร์นัล เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่าน ระบุว่า “การบังคับให้พนักงานของรัฐบาลกลางต้องเข้ามาที่สำนักงานสัปดาห์ละ 5 วัน จะส่งผลให้มีการเลิกจ้างโดยสมัครใจเกิดขึ้นจำนวนมาก ซึ่งเรายินดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากพนักงานของรัฐบาลกลางไม่ต้องการมาทำงาน ผู้เสียภาษีชาวอเมริกันก็ไม่ควรจ่ายเงินให้พวกเขา”
ลดจำนวนพนักงาน ลดตำแหน่ง และปรับโครงสร้างของรัฐบาลกลางใหม่ทั้งหมด
ตามข้อมูลของสำนักงานบริหารและงบประมาณรายงานว่า พนักงานพลเรือนของรัฐบาลกลางมีทั้งหมดประมาณ 1.1 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 46 ของกำลังแรงงานพลเรือนทั้งหมด ซึ่งพวกเขามีสิทธิ์ทำงานทางไกลในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง ในจำนวนนี้ พนักงานประมาณ 228,000 คน หรือร้อยละ 10 ของกำลังแรงงานทั้งหมด ดำรงตำแหน่งงานที่สามารถทำทางไกลได้ทั้งหมด โดยไม่มีข้อผูกมัดที่จะต้องเข้ามาที่สำนักงาน
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ยืนยันเมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค. 68) ว่า รามาสวามี ได้ลาออกจากกระทรวง DOGE โดยเขาเตรียมเปิดตัวแคมเปญหาเสียงเพื่อชิงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐโอไฮโอในปี 2026 ส่งผลให้ Musk กลายเป็นผู้นำคนเดียวของกลุ่มที่ปรึกษาตามรายงานของ Associated Press
หลายฝ่ายคาดว่ารัฐบาลทรัมป์จะดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อลดจำนวนพนักงานของรัฐบาลกลาง โดย DOGE มีเป้าหมายที่จะลดกฎระเบียบ ลดตำแหน่งในรัฐบาล และปรับโครงสร้างหน่วยงานของรัฐบาลกลาง ความพยายามเหล่านี้อาจเกี่ยวข้องกับการย้ายเจ้าหน้าที่ระดับสูงจำนวนมาก และการย้ายสำนักงานของหน่วยงานทั้งหมด
สหภาพพนักงานของรัฐบาล ฟ้องทรัมป์เพื่อต้านคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมดังกล่าว
ขณะเดียวกัน ทางฝ่ายสหภาพพนักงานกระทรวงการคลังแห่งชาติ ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานที่เป็นตัวแทนของพนักงานรัฐบาลกลางในหน่วยงานต่างๆ กว่าสิบแห่ง ฟ้องทรัมป์ต่อศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตันแทบจะทันที โดยมีเป้าหมายเพื่อระงับคำสั่งฝ่ายบริหารในการบังคับใช้ “ตาราง F”
ด้าน สหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสหภาพแรงงานของรัฐบาลกลาง กล่าวว่า รูปแบบการทำงานแบบผสมผสานนั้นเป็น เครื่องมือสำคัญในการดึงดูดพนักงานที่ดีที่สุดของอเมริกา การจำกัดการใช้รูปแบบการทำงานแบบไฮบริด จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางแข่งขันเพื่อดึงดูดบุคลากรที่มีความสามารถสูงได้ยากขึ้น
นิโคลัส บลูม ศาสตราจารย์เศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ผู้ศึกษาด้านประเด็นแรงงานมองว่า ความพยายามของรัฐบาลทรัมป์ในการบังคับพนักงานของรัฐบาลกลางกลับเข้าออฟฟิศแบบเต็มเวลา อาจก่อให้เกิดการต่อสู้ การเลิกจ้าง และการลาออกเป็นจำนวนมาก ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่คุณภาพบริการภาครัฐที่ลดลงสำหรับชาวอเมริกันในทุกๆ ด้าน และอาจนำไปสู่ความล้มเหลวของการทำงานด้านความปลอดภัยและความมั่นคงทางสังคมขั้นพื้นฐาน
“ฉันคิดว่าจะมีปัญหาหลายอย่างเกิดขึ้นกับ ‘บริการของรัฐบาล’ ที่อาจจะล้มเหลวในไม่ช้า ขอพระเจ้าช่วยใครก็ตามที่ต้องติดต่อกับรัฐบาลกลางด้วย” เศรษฐศาสตร์ แสดงความเห็นในที่สุด