‘คล็อปป์ vs. เป๊ป’ การพบกันครั้งสุดท้าย เดิมพันแชมป์พรีเมียร์ลีก

‘คล็อปป์ vs. เป๊ป’ การพบกันครั้งสุดท้าย เดิมพันแชมป์พรีเมียร์ลีก

ในช่วงระยะ 8 ปีที่ผ่านมาอาจกล่าวได้ว่าไม่มีผู้จัดการทีมคู่ใดที่จะสุดยอดไปกว่าคู่ปรับอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ และ เป๊ป กวาร์ดิโอลา แล้ว

Key Points

  • สำหรับคล็อปป์และเป๊ป เรื่องราวของสองคนนี้แตกต่างกันออกไป เพราะแม้ว่าจะแข่งขันกันอย่างดุเดือดแค่ไหนในสนาม แต่ทั้งคู่ต่างก็ให้การเคารพในฝีมือของกันและกันเสมอ
  • สิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นกันในเกมนี้คือการต่อสู้กันที่เข้มข้นระหว่างทั้งสองทีม โดยที่จุดตัดสินอาจจะเป็นรายละเอียดที่เล็กน้อยที่เกิดขึ้นในเกม ที่อาจส่งผลไม่เพียงแค่กับเกมนี้ แต่อาจจะมีผลต่อเส้นทางที่เหลือของฤดูกาลด้วย
  • สถานการณ์การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้น่าสนใจที่สุดในรอบหลายปี เพราะมีโอกาสที่เราจะได้เห็นการวิ่งแข่งกันในแบบ “Three horses race” ซึ่งจะมีอาร์เซนอลเข้ามาร่วมวงด้วยแบบเต็มตัว

 

การขับเคี่ยวระหว่างทั้งสองมีส่วนในการยกระดับฟุตบอลอังกฤษให้ดีขึ้นจากเดิมไปอีกหลายขั้น ทำให้ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกกลายเป็นลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดในเรื่องคุณภาพของเกมการแข่งขันมากกว่าแค่เตะกันมันเร้าใจเหมือนที่ผ่านมา

เราได้เห็นการขับเคี่ยวที่เร่าร้อนระหว่างทั้งสองทีมที่ต้องตัดสินกันถึงเกมสุดท้ายของฤดูกาล 2 ครั้ง ทั้งในฤดูกาล 2018-19 และในฤดูกาล 2021-22 ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของ “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี ที่เฉือนคว้าแชมป์ด้วยคะแนนที่มากกว่าแค่ 1 แต้ม แต่การยืนหยัดสู้ไม่ถอยของ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ก็เป็นเรื่องราวของผู้แพ้ที่น่ายกย่องไม่ได้น้อยไปกว่ากัน

เวลาผ่านมาถึงวันนี้ เราจะได้ชมการต่อสู้กันอีกครั้งของสองสุดยอดทีมแห่งยุคสมัย บนเงื่อนไขเดิมคือการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกของทั้งคู่ ส่วนที่เพิ่มเติมคือนี่จะเป็นการพบกันในพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายของคล็อปป์และเป๊ปแล้ว

ใครจะเป็นผู้กำชัยในการต่อสู้ครั้งนี้?

 

คู่ปรับฟ้าประทาน

เรื่องราวความเป็นคู่ปรับกันระหว่าง เจอร์เกน คล็อปป์ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ถือว่าเป็นเรื่องราวที่มีความแตกต่างจากทางอดีตคู่ปรับระดับตำนานคู่อื่นๆ

คู่ที่ร้อนแรงที่สุดน่าจะเป็นการขับเคี่ยวกันระหว่าง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แห่งทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ อาร์แซน เวนเกอร์ แห่งทีม “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ใช้ศาสตร์ทุกอย่างที่มีแม้กระทั่งเรื่องของเกมจิตวิทยาเพื่อที่จะหาทางเอาชนะคู่แข่งให้ได้ ซึ่งก็หมายถึงบรรยากาศความร้อนแรงระหว่างนักเตะสองทีมที่ไม่มีใครยอมใคร

นอกจากนี้ยังมีคู่ของราฟาเอล เบนิเตซ กับโชเซ มูรินโญ สองกุนซือจากภาคพื้นยุโรปที่เดินทางมาโชว์ฝีมือในพรีเมียร์ลีกพร้อมกันในฤดูกาล 2004-05 แม้ว่าลิเวอร์พูลของฝ่ายแรกจะห่างไกลจากความสำเร็จเมื่อเทียบกับเชลซีที่พร้อมและยิ่งใหญ่กว่าในตอนนั้นแต่ก็ถือว่าเป็นบรรยากาศการขับเคี่ยวที่เข้มข้น

แต่สำหรับคล็อปป์และเป๊ป เรื่องราวของสองคนนี้แตกต่างกันออกไป เพราะแม้ว่าจะแข่งขันกันอย่างดุเดือดแค่ไหนในสนาม แต่ทั้งคู่ต่างก็ให้การเคารพในฝีมือของกันและกัน ซึ่งเป็นผลจากการขับเคี่ยวยาวนานมาตั้งแต่สมัยที่ประมือกันในบุนเดสลีกา ซึ่งคล็อปป์อยู่กับโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ขณะที่เป๊ปอยู่กับบาเยิร์น มิวนิค ก่อนจะมาพรีเมียร์ลีกด้วยกัน

ในวันที่ผู้จัดการทีมชาวเยอรมันประกาศว่าจะอำลาลิเวอร์พูลแค่สิ้นสุดฤดูกาลนี้ นักข่าวได้สอบถามความเห็นจากเป๊ปที่ได้ให้คำตอบที่น่าประทับใจ

“ผมคงจะนอนหลับได้ดีขึ้น” เป๊ปกล่าว “ก่อนวันที่ต้องเจอกับลิเวอร์พูลผมจะฝันร้ายเสมอ เราคงไม่สามารถนิยามช่วงเวลาของเราที่นี่ได้หากปราศจากเขา หากไม่มีลิเวอร์พูล เขาคือคู่แข่งที่ดีที่สุดที่ผมเจอมาในชีวิตนี้”

คล็อปป์เองเคยกล่าวถึงเป๊ปเมื่อปี 2021 ว่า “ไม่แน่ใจว่าผมเคยบอกเขาไหม แต่ผมชอบเขานะ!”

‘คล็อปป์ vs. เป๊ป’ การพบกันครั้งสุดท้าย เดิมพันแชมป์พรีเมียร์ลีก

“ผมนับถือเขามาก ผมเองก็อยากชนะมาก เขาเองก็เหมือนกัน และเรามีบุคลิกที่แตกต่างกันอย่างมาก แต่ไม่ว่าจะอย่างไรผมก็ชอบเขาและนับถือเขามาก” โดยที่คล็อปป์ยังเคยยกย่องเป๊ปว่าเป็น “ผู้จัดการทีมที่เก่งที่สุดในโลก” อีกหลายครั้ง

โดยที่ระหว่างทั้งสองแล้วต่างใช้ความเก่งกาจของคู่แข่งเป็นแรงผลักดันให้ก้าวไปข้างหน้า ไปให้ไกลขึ้น ไปให้สูงขึ้น จนไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นผู้จัดการทีมทั้งสองคน

แต่แน่นอนว่าในการพบกันครั้งสุดท้าย ไม่มีใครจะยกชัยชนะให้ใครง่ายๆแน่นอน

 

เกมที่จะตัดสินกันด้วยรายละเอียด

ทั้งลิเวอร์พูลและแมนฯ ซิตี ต่างอยู่ในช่วงฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยมด้วยกันทั้งคู่

สำหรับฝ่ายเจ้าบ้านซึ่งจะได้การตีบวกจากพลังเชียร์ของกองเชียร์ร่วม 6 หมื่นคนในแอนฟิลด์ อาจจะยังประสบปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นมากมาย ซึ่งล่าสุดยังไม่ทราบว่าอิบราฮิมา โคนาเต ปราการหลังคนสำคัญจะลงสนามในเกมนี้ไหวหรือไม่ แต่ในช่วงวิกฤติที่ผ่านมากลับสามารถทำผลงานได้อย่างร้อนแรง

โดยเฉพาะในแนวรุกที่ถึงจะแทบไม่ได้ใช้บริการตัวหลักตลอดกาลอย่างโมฮาเหม็ด ซาลาห์ และยังเสียดีโอโก โชตา กองหน้าที่คมกริบที่สุดของทีม แต่แนวรุกที่เหลืออย่างลูอิส ดิอาซ, โคดี คักโป และโดยเฉพาะอย่างยิ่งดาร์วิน นูนเยซ ยิ่งเล่นยิ่งร้อนแรง

เช่นกันกับนักเตะอย่าง อเล็กซิส แม็คคัลลิสเตอร์ กองกลางดีกรีแชมป์โลกที่ตอนนี้กลายเป็นคีย์แมนในแดนกลางที่ขาดไม่ได้ โดยมีวาตารุ เอ็นโด กัปตันทีมชาติญี่ปุ่นเป็นคู่หูที่ทำให้เกมแดนกลางของลิเวอร์พูลแข็งแกร่งมากในเวลานี้

แต่ในเกมนี้ทั้งคู่จะต้องเจอกับกองกลางที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลกอย่างเควิน เดอ บรอยน์, โรดรี และแบร์นาโด ซิลวา ของแมนฯ ซิตี ที่จะเป็นบททดสอบได้อย่างดี

ขณะที่แนวรุกของซิตีไม่ได้มีเพียงแค่เออร์ลิง เบราต์ ฮาแลนด์ที่อันตรายทุกฝีก้าวแค่คนเดียว เพราะตอนนี้ฟิล โฟเดน ก็ยกระดับตัวเองขึ้นมาในฐานะคนที่ทีมสามารถฝากความหวังได้แบบเต็มๆ ซึ่งจะเป็นงานหนักของเวอร์จีล ฟาน ไดค์ ในฐานะกัปตันทีมหงส์แดงที่จะต้องหาทางบงการเกมรับเพื่อหยุดคู่แข่งที่น่ากลัวให้ได้

สิ่งที่คาดว่าจะได้เห็นกันในเกมนี้คือการต่อสู้กันที่เข้มข้นระหว่างทั้งสองทีม โดยที่จุดตัดสินอาจจะเป็นรายละเอียดที่เล็กน้อยที่เกิดขึ้นในเกม ที่อาจส่งผลไม่เพียงแค่กับเกมนี้ แต่อาจจะมีผลต่อเส้นทางที่เหลือของฤดูกาลด้วย

เหมือนในฤดูกาล 2018-19 ที่จอห์น สโตนส์ ตามมาสกัดบอลที่กำลังจะเข้าประตูได้แบบเส้นยาแดงผ่านแปด จนแมนฯ ซิตีพลิกสถานการณ์แซงหน้าลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ในฤดูกาลนั้น หรือในเกมล่าสุดที่พบกันที่เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ยิงประตูสุดสวยในช่วงท้ายของเกมให้หงส์แดงที่เป็นรองได้แต้มกลับแอนฟิลด์ด้วยสกอร์ 1-1

 

พรีเมียร์ลีกไม่ได้มีแค่ตาอินกับตานา

อย่างไรก็ดีการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกไม่ได้จำกัดวงอยู่แค่กับลิเวอร์พูลและแมนฯ ซิตีเท่านั้น เพราะยังมี “ปืนใหญ่”​ อาร์เซนอล ของมิเคล อาร์เตตาที่พร้อมรับบท “ตาอยู่” ที่รอคว้าพุงปลามันไปกินเหมือนกัน

โดยเฉพาะหากกรณีที่ผลการแข่งที่แอนฟิลด์จบลงด้วยการเสมอกัน ซึ่งเป็นผลที่อาร์เซนอลต้องการมากที่สุด

นับตั้งแต่แพ้ฟูแลมในนัดสุดท้ายของปี อาร์เซนอลในปี 2024 โชว์ผลงานร้อนแรงอย่างมาก โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีกที่ไล่ถล่มคู่แข่งราบเป็นหน้ากลางแทบทุกนัด ไม่ว่าจะเป็น

  • การถล่มคริสตัล พาเลซ 5-0
  • ชนะลิเวอร์พูล 3-1 (ซึ่งมีผลทางใจอย่างมาก)
  • บุกถล่มเวสต์แฮม 6-0
  • บุกยิงเบิร์นลีย์ 5-0
  • ต้อนนิวคาสเซิล 4-1
  • อัดใส่เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดอีก 6-0
  • และล่าสุดแม้จะเหนื่อยหน่อยแต่ก็เฉือนเอาชนะเบรนต์ฟอร์ดได้ 2-1 ทำให้แซงขึ้นจ่าฝูงเป็นการชั่วคราว

เรียกว่าอาร์เซนอลยิงสลุตสมชื่อปืนใหญ่ เพียงแต่มันไม่ได้มีผลแค่เรื่องของความสะใจ แต่มีผลเรื่องของ “ประตูได้เสีย” ที่ทำให้ตอนนี้อาร์เซนอลแซงหน้าลิเวอร์พูลและแมนฯ ซิตี ทิ้งห่างได้เปรียบอยู่ร่วมสิบลูก

และนั่นทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้น่าสนใจที่สุดในรอบหลายปี เพราะมีโอกาสที่เราจะได้เห็นการวิ่งแข่งกันในแบบ “Three horses race” ซึ่งจะมีอาร์เซนอลเข้ามาร่วมวงด้วยแบบเต็มตัว

โดยที่ทั้ง 3 ทีมมีศักยภาพเพียงพอและคู่ควรที่จะเป็นแชมป์ด้วยกันทั้งสิ้น

ดังนั้นทั้ง คล็อปป์และเป๊ป ต่างรู้ดีว่าถึงแชมป์จะไม่ได้ตัดสินในเกมนี้หรือตอนนี้ แต่ผลการแข่งในวันนี้จะเป็นตัวกำหนด เป็นเข็มทิศที่ชี้ทางไปข้างหน้าว่าการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกจะเป็นอย่างไรต่อไป และพวกเขาจะมีความหวังอีกกี่มากน้อย

แต่ก็ไม่แน่ใจนักว่าเรื่องนี้จะมีความหมายสำหรับสองยอดผู้จัดการทีมแค่ไหน

เพราะดูเหมือนสำหรับทั้งสอง แชมป์หรือไม่แชมป์อาจไม่ได้เป็นเรื่องที่สลักสำคัญมากไปกว่าการได้วัดฝีมือกันเป็นครั้งสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก

โดยที่ไม่ว่าเกมจะจบลงอย่างไร ทั้งสองจะจับมือและขอบคุณกันและกันอย่างแน่นอน

 

‘คล็อปป์ vs. เป๊ป’ การพบกันครั้งสุดท้าย เดิมพันแชมป์พรีเมียร์ลีก

 

อ้างอิง