เปิดประวัติ ความสำคัญวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2567

เปิดประวัติ ความสำคัญวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2567

จากอดีตของความโหดร้ายแสนเศร้า สู่วันเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก เปิดประวัติ ความสำคัญวันวาเลนไทน์ Valentine’s Day 14 กุมภาพันธ์ ทำไม "คิวปิด" กามเทพแผลงศรรักปักอก

วันนี้ 14 กุมภาพันธ์ 2567 วันวาเลนไทน์ 2567  วันแห่งความรักมาถึงแล้ว กลิ่นอายแห่งความสุข ของคู่รักหนุ่มสาวมาบรรจบครบรอบอีกปี

 

14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ เฉลิมฉลองวันแห่งความรัก

 

ประวัติ ความสำคัญวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 

 

วันแห่งความรัก หรือ Valentine’s Day วันที่กามเทพแผลงศรความรัก วันวาเลนไทน์ เกิดขึ้นในสมัยยุคที่จักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ ในยุคนั้นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปี ถูกจัดให้เป็นวันที่ผู้คนให้เกียรติแด่เทพเจ้าจูโน ผู้เป็นจักรพรรดินีแห่งเทพเจ้าโรมัน และเป็นเทพเจ้าแห่งอิสตรีเพศและการแต่งงาน ในรัชสมัยของจักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม 

พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้าย และนิยมการทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วมในกองทัพ

เนื่องจากไม่อยากจากคู่รักและครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโองการสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง

ในขณะนั้นมีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ร่วมมือกับเซนต์มาริอัส จัดพิธีแต่งงานให้กับชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความหวังดีนี้เอง ทำให้เซนต์วาเลนไทน์ถูกจับขังคุก แต่เขาก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ของเขาเองจากห้องขัง 

เชื่อกันว่าเซนต์วาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิงสาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง และในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine

หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัสผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพอันสวยงาม

ถึงแม้ประวัติของวันแห่งความรักจะเต็มไปด้วยความโหดร้ายและความเศร้า แต่ต่อมานักบวชในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลวันแห่งความรัก และดูเหมือนว่ายังคงเป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติสืบมาทั่วโลกจนถึงทุกวันนี้

เปิดประวัติวันวาเลนไทน์ ประวัติ "เทพคิวปิด" เทพแห่งความรัก กามเทพผู้แผลงศรรักปักอก


คิวปิด (Cupid) เทพแห่งความรัก เป็นบุตรชายของเทพวีนัส ชาวยุโรปมีความเชื่อในเทพองค์นี้ว่าสามารถดลบันดาลให้หนุ่มสาวตกหลุมรักกันและกัน 

ซึ่ง"เทพคิวปิด"เป็นเทพเจ้าแห่งความรักดั้งเดิมของชาวโรมัน ร่างกายเป็นเด็กทารกติดปีก กำลังโก่งคันศรทองเล็งไปยังหัวใจของผู้คน หรือที่เรารู้จักกัน "คิวปิด กามเทพแผลงศร" ตามตำนานของกรีกและโรมันพูดถึงคิวปิดว่า เป็นบุตรของมาร์ (เทพเจ้าของสงคราม) และ วีนัส (เทพเจ้าแห่งความรักและความงาม)  

 

เปิดประวัติ ความสำคัญวันวาเลนไทน์ วันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ 2567

 

ตำนานความรักของ เทพเจ้าคิวปิด ในอดีต เทพเจ้าวีนัสอิจฉา"ไซกี" ธิดาวัยกำลังแรกรุ่นของกษัตริย์องค์หนึ่ง ที่สำคัญคือไซกีสวยกว่าเทพเจ้าวีนัสมาก นางเลยส่งเทพเจ้าคิวปิดไปหาไซกี เพื่อบันดาลให้ไซกีมีความรักกับบุรุษเพศ

แต่เทพเจ้าคิวปิดกลับหลงรักไซกีและพามาที่วัง และลอบมาหาในเวลากลางคืน เพื่อไม่ให้ไซกีรู้ว่าตนเองเป็นใคร แต่มีคนยุให้ไซกีแอบดูตอนเทพเจ้าคิวปิดนอนหลับ

แต่ด้วยความตื่นเต้นของไซกีที่เห็นเทพเจ้าคิวปิดเป็นหนุ่มรูปงาม เลยเผลอทำน้ำมันตะเกียงหกใส่เทพเจ้าคิวปิด เมื่อเทพเจ้าคิวปิดรู้สึกตัวตื่นขึ้นก็โกรธมากที่นางขัดคำสั่ง จึงทิ้งนางไป

เมื่อโดนทิ้ง ไซกีก็ออกตามหาเทพเจ้าคิวปิด ซึ่งตลอดเวลาไซกีถูกเทพเจ้าวีนัสกลั่นแกล้งต่าง ๆ นานา จนเทพเจ้าคิวปิดเห็นใจต้องเข้ามาช่วย เทพเจ้าจูปิเตอร์เห็นใจ จึงช่วยให้ทั้งสองได้ครองรักกัน

 

อ้างอิง : วิกิพีเดีย