ซีอีโอ 19 คนเสียชีวิตในปี 2566 เหตุเหนื่อยล้าสุดขีดทั้งร่างกาย-จิตใจ

ซีอีโอ 19 คนเสียชีวิตในปี 2566 เหตุเหนื่อยล้าสุดขีดทั้งร่างกาย-จิตใจ

"ซีอีโอ" (CEO) เป็นตำแหน่งที่อาจแลกมาด้วยชีวิต? ผลสำรวจพบผู้บริหารระดับสูง 19 คนเสียชีวิตเมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ซีอีโอ "ลาออก" จำนวนมากถึง 1,914 คนในปี 2566 ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุด

Key Points:

  • อัตราการลาออกของซีอีโอทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1,914 คนในปี 2566 เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับปี 2565
  • มีผู้บริหารระดับสูงในสหรัฐฯ 19 คนเสียชีวิตในตำแหน่ง ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยสำรวจมานับตั้งแต่ปี 2553
  • ภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบต่อธุรกิจแทบจะทุกอุตสาหกรรม ซีอีโอเผชิญปัญหาหนักหน่วง ส่งผลให้มีอายุขัยลดลง 1.5 ปี

มีวัยทำงานจำนวนไม่น้อยพยายามสร้างธุรกิจของตัวเอง และก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดอย่าง “Chief Executive Officer: CEO” หรือบางคนก็เติบโตมาในสายงานแล้วไต่เต้าสู่ตำแหน่งดังกล่าว แน่นอนว่าซีอีโอเป็นตำแหน่งที่หลายๆ คนใฝ่ฝัน เพราะทั้งได้รับการยอมรับในสังคม และได้รับค่าตอบแทนสูง แต่บางครั้งกลับพบว่า ซีอีโออาจเป็นตำแหน่งที่ทำให้อายุขัยสั้นลง ?!  

 

อัตราการ "ลาออก" ของซีอีโอทำสถิติสูงสุดถึง 1,914 คนในปี 2566

เมื่อเร็วๆ นี้มีรายงานจาก Challenger, Grey & Christmas ซึ่งเป็นบริษัทฝึกสอนผู้บริหารและการบริหารธุรกิจ ได้ออกมาเปิดเผยผลสำรวจ “Year-End CEO Turnover Report” พบอัตราการลาออกของซีอีโอทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 1,914 คนในปี 2566 เพิ่มขึ้น 55% เมื่อเทียบกับปี 2565 ที่มีซีอีโอลาออก 1,235 คน อีกทั้งพบว่า มีผู้บริหารระดับสูงในสหรัฐฯ 19 คนเสียชีวิตในตำแหน่ง ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุดเท่าที่เคยสำรวจมานับตั้งแต่ปี 2553 

ซีอีโอ 19 คนเสียชีวิตในปี 2566 เหตุเหนื่อยล้าสุดขีดทั้งร่างกาย-จิตใจ

แอนดี้ ชาเลนเจอร์ รองประธานอาวุโสของ Challenger, Grey & Christmas อธิบายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้ว่า เป็นเพราะผู้บริหารหลายคนรู้สึกเหนื่อยล้าอย่างหนัก สืบเนื่องมาจากการทำงานที่ยากลำบากมากขึ้นหลังยุคโควิด โดยจากการสำรวจคนทำงานตำแหน่ง C-suite จำนวน 600 คนในเดือนมกราคม 2567 พบว่า 37% ของซีอีโอที่ร่วมทำแบบสำรวจ รายงานว่า ความท้าทายส่วนตัวของพวกเขาในปีนี้คือ การหลีกเลี่ยงภาวะเบิร์นเอาท์ให้ได้

ในขณะที่การศึกษาที่ตีพิมพ์โดย “สำนักงานวิจัยเศรษฐกิจแห่งชาติสหรัฐ” ในปี 2021 ก็ค้นพบว่า ภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบต่อธุรกิจแทบจะทุกอุตสาหกรรม ซีอีโอเผชิญปัญหาหนักหน่วง ส่งผลให้มีอายุขัยลดลง 1.5 ปี โดยทำการศึกษาจากซีอีโอมากกว่า 1,600 คน ซีอีโอส่วนใหญ่อายุยืนยาวถึง 80 ปี แต่ในบางกรณีก็พบว่ามีอายุขัยสั้นกว่าประชากรทั่วไปที่มีความเครียดน้อยกว่านี้

อีกทั้งมีผู้บริหารหลายคนรายงานด้วยว่า ด้วยหน้าที่และความรับผิดชอบของพวกเขา ทำให้พวกเขานอนไม่หลับ ขาดการออกกำลังกาย และกินอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ

 

โรคกระเพาะ-หัวใจวาย อาการป่วยที่รุมเร้าผู้บริหารระดับ "ซีอีโอ" 

ยกตัวอย่างเคสของ อีวาน เมเนเซส ซีอีโอของบริษัทผู้ผลิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แบรนด์ Diageo เขาได้เสียชีวิตลง ก่อนที่จะเกษียณอายุงานภายในไม่กี่สัปดาห์  เมื่อเดือนมิถุนายน 2566 ด้วยวัย 63 ปี โดยบริษัทกล่าวว่า ก่อนหน้านั้นเขาได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเนื่องจากโรคแผลในกระเพาะอาหาร หลังจากรักษาตัวอยู่ในช่วงสั้นๆ เขาก็เสียชีวิตลง 

นอกจากนี้ ยังมีรายงานอื่นๆ พบว่า ซีอีโอผู้มีชื่อเสียงโด่งดังอีกหลายคน ประสบภาวะหัวใจวายร้ายแรงจากการทำงานในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา ได้แก่ Jim Cantalupo จาก McDonald's, Samuel "Skip" Ackerman จาก Panacos Pharmaceuticals, Jerald Fishman จาก Analog Devices และ Carolyn Reidy จาก Simon & Schuster โดยพวกเขามีอายุตั้งแต่ 58-71 ปี

ในขณะที่ โรบิน เฮย์ส อดีตซีอีโอของสายการบิน เจ็ตบลู แอร์เวย์ ออกมาแชร์ประสบการณ์ว่า เขายอมทำตามคำแนะนำของแพทย์นั่นคือ การลาออกจากตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ด้วยเหตุผลด้านสุขภาพที่ไม่ระบุรายละเอียด เขาบอกว่าความท้าทายและความกดดันที่ไม่ธรรมดาของงานตำแหน่งซีอีโอ ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพของเขา

 

ฮาวทูเป็น "ซีอีโอ" ที่แข็งแกร่งและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงป่วยโรคร้าย

แม้การทำงานในตำแหน่ง CEO จะสุ่มเสี่ยงต่อสุขภาพที่แย่ลงหรือการมีอายุขัยสั้นลง แต่บางคนก็ไม่สามารถหยุดทำมันได้ เนื่องด้วยภาระความรับผิดชอบหลายอย่างที่แบกไว้ อย่างไรก็ตาม ข่าวดีคือคุณสามารถเป็นซีอีโอที่แข็งแกร่งและหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเหล่านั้นได้ เช่น ยกเลิกการประชุมที่ไม่จำเป็นเพื่อให้มีเวลาว่างระหว่างวันให้ร่างกายและจิตใจได้พักผ่อน, จัดตารางเวลาสำหรับการออกกำลังกายที่เข้มงวด, ใส่ใจเลือกกินอาหารที่ดี, นอนหลับให้เพียงพอ, หาเวลาชาร์จพลังตัวเอง, รู้จักปฏิเสธงานที่จะยิ่งดึงเวลาว่างออกจากชีวิตมากขึ้น เป็นต้น

ยกตัวอย่าง นิกกี้ บารัว ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอวัย 49 ปีของบริษัทพัฒนาความเป็นผู้นำ Beyond Barriers ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก แต่ขณะเดียวกันก็ต้องต่อสู้กับภาวะก่อนเป็นเบาหวาน โรคแผลในกระเพาะอาหาร โรคกรดไหลย้อน และไมเกรน เธอยอมรับว่าเธอไม่ใช่คนประเภทที่สามารถลดความทะเยอทะยานของตัวเองได้ แต่ก็รู้ด้วยว่าถ้าทุ่มทำงานหนักโดยไม่สนใจตัวเองแบบนี้ต่อไป เธอก็จะตายตั้งแต่อายุยังน้อย 

ดังนั้นเธอจึงเริ่มหันมาดูแลตัวเอง ลดน้ำหนัก (ลดได้ 70 ปอนด์ใน 18 เดือน) เลือกกินอาหารที่ดี มุ่งมั่นที่จะสละเวลาเพื่อชาร์จพลังเป็นประจำ และรู้จักปฏิเสธคำขอส่วนตัวและคำขอทางอาชีพที่ก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวมากเกินไป แบ่งกรอบเวลาทำงานให้ชัดเจน นั่นทำให้สุขภาพเธอดีขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ยังมีคำแนะนำอื่นๆ ที่หลากหลายจาก ฮิวเบิร์ต โจลี อดีตซีอีโอบริษัท Best Buy ที่บอกว่า เขาไม่เคยประสบปัญหาแทรกซ้อนด้านสุขภาพในขณะที่เป็นผู้นำบริษัทตั้งแต่ปี 2555 - 2562 เพราะเขาให้ความสำคัญกับการนอนหลับ การออกกำลังกาย และโภชนาการเป็นสำคัญ อีกทั้งยังใช้อุปกรณ์เสริมที่สวมใส่ติดตัวไว้ที่มือขวาเพื่อตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ วัดออกซิเจนในเลือด และข้อมูลไบโอเมตริกอื่นๆ เป็นต้น

ทั้งนี้ปัจจุบัน ฮิวเบิร์ต โจลี เป็นผู้ร่วมสอนในคอร์สการเป็นผู้นำในโครงการ Harvard Business School สำหรับผู้บริหารระดับสูงมือใหม่ โดยเขามีคำแนะนำว่า การทำงานในตำแหน่งซีอีโอ คือ การวิ่งมาราธอน ดังนั้นจึงต้องดูแลสุขภาพของตนเองทั้งร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้คุณสามารถรักษาความเป็นผู้นำของคุณได้