'งานออฟฟิศ' เพิ่งเกิดขึ้นมา 200 กว่าปี แต่การ 'ทำงานที่บ้าน' มีมานานนับพันปี

'งานออฟฟิศ' เพิ่งเกิดขึ้นมา 200 กว่าปี แต่การ 'ทำงานที่บ้าน' มีมานานนับพันปี

เทรนด์ "ทำงานที่บ้าน" อาจเป็นรูปแบบการทำงานที่คนเราผูกพันและสืบทอดมาจากบรรพบุรุษเมื่อพันกว่าปีก่อน ขณะที่การทำงานนอกบ้าน-งานออฟฟิศ เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อ 200 กว่าปีมานี้เอง

Key Points:

  • รู้หรือไม่? เมื่อ 1,500 กว่าปีที่แล้ว (หรือแม้แต่ล้านกว่าปีที่แล้ว) มนุษย์ “ทำงานที่บ้าน” มายาวนาน ก่อนที่จะเกิด “วัฒนธรรมการทำงานนอกบ้าน” 
  • ส่วนการทำงานนอกบ้าน เช่น งานโรงงาน งานออฟฟิศ ฯลฯ เพิ่งจะเกิดขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมเมื่อประมาณ 264 ปีก่อนที่ผ่านมานี่เอง
  • แม้ไม่สามารถทำนายอนาคตได้ว่าเทรนด์ “ทำงานที่บ้าน” จะยังคงอยู่ต่อไปหรือไม่ แต่วัยทำงานหลายคนเลือกที่จะหางานที่สามารถทำที่บ้านได้ เพื่อกลับไปสู่รากเหง้าดั้งเดิมและใกล้ชิดกับชีวิตที่พวกเขาต้องการมากขึ้น

จริงๆ แล้วเทรนด์ทำงานที่บ้าน (Work From Home) หรือทำงานจากระยะไกล (Remote work) ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในยุคการระบาดใหญ่ที่ผ่านมา แต่ตาม “ประวัติศาสตร์การทำงาน” ของมนุษย์เมื่อ 1,000 กว่าปีก่อนหรือแม้แต่ล้านกว่าปีที่แล้วพบว่า มนุษย์เราผูกพันกับการ “ทำงานที่บ้าน” มาก่อนที่จะเกิด “วัฒนธรรมการทำงานนอกบ้าน” เสียอีก!

 

  • ย้อนรอยรูปแบบ "การทำงาน" ของมนุษย์ล้านปีก่อน VS พันกว่าปีก่อน

มนุษย์กับการทำงานเกิดขึ้นมาคู่กันตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์เมื่อหลายล้านปีที่แล้ว “ลิเดีย ดิชแมน” เล่าเรื่องนี้ผ่าน FastCompany ไว้ว่า มนุษย์ยุคแรกของโลกดำรงชีพด้วยการเก็บพืชป่าและล่าสัตว์เป็นอาหาร แต่การจะล่าสัตว์ได้ก็ต้องมีเครื่องมือหรืออุปกรณ์ทุ่นแรง ซึ่งการผลิตหรือประดิษฐ์เครื่องมือหากินเหล่านี้พบในมนุษย์โบราณกลุ่มแรกสุดที่ชื่อว่า “Homo Ergaster” แปลว่า มนุษย์งานหรือ Workman (เป็นสปีชีส์ที่เกิดก่อน Homo Sapiens) ซึ่งอาศัยอยู่ทั่วแอฟริกาตะวันออกและใต้ระหว่าง 1.4-1.9 ล้านปีก่อน 

สาเหตุที่เรียกมนุษย์สปีชีส์นี้ว่า “มนุษย์งาน” ก็เนื่องจากพบการใช้เครื่องมือขั้นสูงของพวกเขา มีหลักฐานคือกระดูกสัตว์ที่ไหม้เกรียมในซากฟอสซิลและร่องรอยของแคมป์ที่อยู่อาศัย บ่งชี้ว่า พวกเขาประดิษฐ์เครื่องมือเหล่านี้ใกล้กับที่อยู่อาศัยและใช้ไฟในการผลิต จึงอาจอนุมานได้ว่านี่คือการทำงานด้านการผลิตยุคแรกของโลก 

ต่อมาในช่วงยุคกลางเมื่อประมาณ 1,500 กว่าปีก่อน ประมาณปี ค.ศ. 476-1500 เกิดการทำงานในอาชีพทักษะต่างๆ ทั่วยุโรป ซึ่งล้วนเป็นการทำงานที่บ้าน มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่า คนยุคกลางทำงานใน “LongHouse” (ประเภทอาคารที่ผสมผสานที่พักอาศัยและที่ทำงานเข้าด้วยกัน) ส่วนใหญ่เป็นชาวนาที่มีฟาร์มปศุสัตว์อยู่ฝั่งด้านหนึ่งของอาคาร ถัดมาตรงกลางเป็นครัว ส่วนอีกด้านถัดไปเป็นที่พัก  

ขณะที่บางบ้านก็ทำอาชีพปั่นด้าย-ทอผ้า โดยมีอุปกรณ์ในการปั่น-ทอ-ตัดเย็บเสื้อผ้าอยู่ในบ้าน บางบ้านก็ทำผลิตภัณฑ์นม แล่เนื้อ และฟอกหนัง รวมไปถึงอาชีพค้าขายพวกเขาก็ทำที่บ้านด้วยเช่นกัน

 

  • ทำงานนอกบ้าน-งานออฟฟิศ เพิ่งเกิดขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม

ส่วนการทำงานนอกบ้าน เช่น งานโรงงาน งานในสำนักงาน ฯลฯ เพิ่งจะเกิดขึ้นในยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงปี ค.ศ. 1760-1850 หรือประมาณ 264 ปีก่อน มีหลักฐานพบอาคารโรงเรือนขนาดใหญ่ในอังกฤษ อายุมากกว่า 200 ปี เป็นสถานที่ทำงานของช่างฝีมือในคริสต์ศตวรรษที่ 17-18 เช่น ช่างทอผ้าไหมและช่างทำนาฬิกา 

นอกจากนี้ยังก่อเกิดสถานประกอบการผลิตสิ่งทอที่เรียกว่า “Top-Shops” เป็นครั้งแรก ซึ่งเริ่มมีการใช้ “เครื่องจักรไอน้ำ” ที่ปลายด้านหนึ่งเป็นเพลาขับเดี่ยวที่เชื่อมต่อเครื่องทอผ้าในห้องใต้หลังคาของอาคารด้วย ขณะเดียวกันก็เริ่มมีโรงงานใหญ่ๆ อีกหลายแห่งก่อตั้งขึ้น ซึ่งมีแรงงานเข้าไปทำงานที่นั่น

ยุคต่อมาพบแรงงานออกไปหางานและ “ทำงานนอกบ้าน” เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และขยายไปทั่วโลก เกิดการวัฒนธรรมการทำงานนอกบ้าน การนับชั่วโมงทำงาน การเรียกร้องวันหยุด ว่ากันว่าการทำงานนอกบ้านในยุคนี้เป็นต้นกำเนิดของวัฒนธรรมการทำงานแบบ "9-5" (09.00-17.00 น.) ของมนุษย์ออฟฟิศในยุคปัจจุบันด้วย

ย้อนไปในยุคนั้นในสหรัฐอเมริกาช่วงศตวรรษที่ 20 (ปลายทศวรรษที่ 1800 ถึงต้นทศวรรษ 1900) พบว่า มีผู้อพยพหลั่งไหลเข้าสู่นครนิวยอร์กเพื่อหางานทำนอกบ้าน และเริ่มเห็นภาพ “การจ้างงานแรงงาน” อย่างชัดเจน ยืนยันจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ของพิพิธภัณฑ์ตึกแถว ชิ้นหนึ่งที่ระบุว่า “ในปี ค.ศ.1892 ครอบครัว Levines เปิดโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้าในอพาร์ตเมนต์เล็กๆ ขนาด 325 ตารางฟุต พวกเขาได้จ้างคนงาน 3 คนให้มาทำงานในโรงงาน โดยทำงานยาวนาน 15 ชั่วโมงต่อวัน และให้หยุดทุกวันเสาร์”

ถัดมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประมาณปี ค.ศ.1945 พบว่ามีแรงงานหญิงทำงานนอกบ้านมากขึ้น เกิดอาชีพใหม่ๆ สำหรับผู้หญิงขึ้นมา เช่น ตัวแทนขายภาชนะพลาสติกสำหรับเก็บอาหาร-ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ขณะเดียวกันแรงงานที่หางานทำนอกบ้านก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

 

  • ยุควิกฤติน้ำมัน เกิดการรณรงค์ให้แรงงานกลับไปทำงานที่บ้าน

ยุคนี้จะเห็นภาพการซื้อรถยนต์เพื่อใช้เดินทางจากบ้านไปทำงานที่สำนักงาน มีการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงปริมาณมหาศาล จนทำให้เกิดวิกฤติน้ำมันในช่วงต้น ค.ศ.1970 ซึ่งวิกฤติครั้งนั้นส่งผลให้เกิดแคมเปญรณรงค์ให้ผู้คน “ทำงานที่บ้าน” เพื่อประหยัดน้ำมัน ซึ่งเป็นยุคที่มีการพัฒนาเทคโนโลยี “โทรคมนาคม” ขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนติดต่อสื่อสารหรือทำงานผ่านโทรเลข-โทรศัพท์ ได้แล้ว ซึ่งช่วยให้พนักงานบางแห่งทำงานที่บ้านได้ 

จนมาถึงยุคสมัยที่คอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นในโลก ก็เป็นอีกยุคที่บริษัทเทคฯ ส่วนใหญ่มีความยืดหยุ่นเรื่องการทำงาน เช่น IBM ให้พนักงานทำงานผ่านเน็ตจากที่บ้านได้ (ในยุคนั้นเทรนด์นี้จะยังไม่ขยายไปสู่อุตสาหกรรมอื่นๆ) ล่าสุด..มาถึงยุคการระบาดใหญ่ของโควิด-19 เมื่อ 4 ปีก่อน เป็นอีกยุคที่ “โลกการทำงาน” กลับสู่โหมดการทำงานที่บ้านอีกครั้ง และรอบนี้ก็กระจายไปยังเกือบทุกอุตสาหกรรมเพื่อลดการแพร่รบาดของเชื้อไวรัส

จากประวัติศาสตร์การทำงานแต่ละยุคสมัยที่ไล่เรียงมาทั้งหมด จะเห็นว่ามนุษย์เราผูกพันกับการ “ทำงานที่บ้าน” มาก่อนวัฒนธรรมทำงานนอกบ้าน โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ๆ ของโลก การทำงานที่บ้านจะถูกนำกลับมาใช้อยู่เสมอ แม้กระทั่งในยุคปัจจุบันบริษัทบางแห่งยังคงให้ความยืดหยุ่นเรื่องนี้แก่พนักงาน ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในจุดดึงดูดใจที่ทำให้แรงงานอยากร่วมงานกับบริษัทเหล่านั้น 

อย่างไรก็ตาม แม้ไม่สามารถทำนายอนาคตได้ว่าเทรนด์ “ทำงานที่บ้าน” จะยังคงอยู่ตลอดไปหรือไม่ แต่ “สเตฟาน แคสเรียล” ซีอีโอของบริษัท Upwork ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มหางานฟรีแลนซ์ออนไลน์ กล่าวว่า ปัจจุบันมีวัยทำงานหลายคนเลือกที่จะทำงานแตกต่างออกไป (ไม่ทำงานในออฟฟิศ) เพื่อกลับไปสู่รากเหง้าดั้งเดิมและใกล้ชิดกับชีวิตที่พวกเขาต้องการมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น ผู้คนต้องการความยืดหยุ่นในการกำหนดชีวิตของตนเองและตามเงื่อนไขที่พวกเขาสร้างขึ้นได้เอง