'เทรนด์ทำงาน' ในตู้ Pods มาแรง! พนักงานออฟฟิศชอบพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆ

'เทรนด์ทำงาน' ในตู้ Pods มาแรง! พนักงานออฟฟิศชอบพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆ

ออฟฟิศไม่สนุกอีกต่อไป! พนักงานต่างคนต่างทำงานในพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆ เกิดเทรนด์การทำงานใน “ตู้ Pods” หรือ “Private Booths” มาแรง ดันตลาดเฟอร์นิเจอร์สำนักงานเติบโตสูงถึง 24,000 ล้านดอลลาร์

Key Points:

  • เทรนด์ทำงานในตู้ Pods หรือ Private Booths กำลังได้รับความนิยมไปในบริษัททั่วโลก บางออฟฟิศพนักงานแย่งกันใช้ Private Booths จนต้องออกกฎจำกัดเวลา
  • ตั้งแต่หลังโควิด การทำงานในออฟฟิศยากลำบากมากขึ้น พนักงานหลายคนไม่สามารถโฟกัสกับงานได้เต็มที่ ท่ามกลางเสียงรบกวนต่างๆ รอบตัว ตู้ขนาดเล็กเหล่านี้ช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น
  • แต่ขณะเดียวกัน เทรนด์นี้ก็ทำให้ความสนิทสนมของเพื่อนร่วมงาน และความสนุกสนานในออฟฟิศลดน้อยลงด้วย

The Wall Street Journal รายงานว่า ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทรนด์การทำงานในตู้ Pods หรือ Private Booths กำลังได้รับความนิยมไปในบริษัททั่วโลก ส่งผลให้สินค้าชนิดนี้ขายดีและมาแรงที่สุด จนดันให้อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์สำนักงานในอเมริกาเหนือมีมูลค่าสูงถึง 24,000 ล้านดอลลาร์ 

Pods หรือ Private Booths ดังกล่าว มีลักษณะคล้ายตู้โทรศัพท์สาธารณะแบบเก่า มีพื้นที่แคบๆ ที่สามารถบรรจุโต๊ะและเก้าอี้ขนาดกะทัดรัดไว้ภายในได้อย่างพอดีกับการใช้งาน 1 คน ส่วนใหญ่จะมีคุณสมบัติตัดเสียงรบกวนได้ด้วย โดยผู้ผลิตรายใหญ่ๆ ได้แก่ Room, Nook และ Framery ฯลฯ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้ต่างเติบโตอย่างรวดเร็ว

 

  • เทรนด์ทำงานใน Private Booths มาแรง เพราะพนักงานไม่มีสมาธิทำงานในออฟฟิศที่มีเสียงรบกวนรอบด้าน

เทรนด์การทำงานใน Private Booths ได้รับความนิยมตั้งแต่ปี 2021-2023 เป็นต้นมา โดยความนิยมพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ยกตัวอย่างกรณี “DEPT” บริษัทเอเจนซี่การตลาดดิจิทัลที่มีสำนักงาน 30 แห่งกระจายอยู่ใน 5 ทวีปทั่วโลก ก็เป็นบริษัทหนึ่งที่พบว่าพนักงานชอบทำงานในตู้ส่วนตัวขนาดเล็กเหล่านี้มาก 

เดวิด วิตติง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในบริษัท DEPT เล่าว่า เขาได้ดูแลและจัดเตรียมสำนักงานในสาขาบอสตัน เพื่อให้พร้อมสำหรับการกลับมาทำงานในออฟฟิศของพนักงานในปี 2022 โดยได้สั่งซื้อโซฟา เก้าอี้ และโต๊ะสูงทันสมัย แต่เมื่อเหล่าพนักงานกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศ พวกเขากลับมองข้ามเฟอร์นิเจอร์เหล่านั้น แล้วหันไปใช้งาน “ตู้ทำงานแบบส่วนตัว” แทน ตั้งแต่นั้นมาเขาก็โละเฟอร์นิเจอร์บางส่วนออกไป แล้วเพิ่ม Private Booths มากขึ้นเพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการ

พนักงานที่ชอบทำงานในตู้ Pods ให้เหตุผลว่า ตั้งแต่หลังโควิดเป็นต้นมา การทำงานในออฟฟิศยากลำบากมากขึ้น พวกเขาไม่สามารถโฟกัสไปที่งานท่ามกลางเสียงพูดคุยและเสียงรบกวนต่างๆ รอบตัวได้ การทำงานในตู้ขนาดเล็กเหล่านี้จึงช่วยให้มีสมาธิมากขึ้น

 

  • เทรนด์ครั้งใหญ่! ในยุคที่ผู้คนไม่ชอบถูกรบกวนในระหว่างทำงาน

แมทธิว อัลเลน กรรมการผู้จัดการของ CrowdComms ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเทคโนโลยีการจัดงานในสหราชอาณาจักร กล่าวว่า เขา เคยชินกับการทำงานในออฟฟิศที่แทบจะเงียบกริบในช่วงที่เกิดโรคระบาด แต่ตอนนี้เมื่อเพื่อนร่วมงานส่วนใหญ่กลับเข้าออฟฟิศ ทุกอย่างก็วุ่นวายและเสียงดัง โดยเฉพาะเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอยู่ตลอด ทำให้เขารำคาญมากจนต้องสั่งซื้อ Private Booths มาใช้เพื่อลดเสียงรบกวน

ด้าน เจเนต โพก แม็คลอริน ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยสถานที่ทำงานระดับโลกของ Gensler ซึ่งเป็นบริษัทสถาปัตยกรรมและการออกแบบ กล่าวว่า นี่เป็นเทรนด์ครั้งใหญ่ ความเป็นส่วนตัวในที่ทำงานไม่เคยมีความสำคัญเท่านี้มาก่อน ลูกค้าของเธอหลายราย รวมถึงบริษัทใหญ่ๆ อย่าง Amazon ได้เพิ่ม Private Booths และโซนพื้นที่ส่วนตัวต่างๆ ในออฟฟิศของพวกเขามากขึ้น (มากกว่าเดิม 2 เท่าเมื่อเทียบกับออฟฟิศช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาด)

หลายออฟฟิศเกิดปรากฏการณ์นี้เช่นกัน พนักงานนิยมทำงานในพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆ มากขึ้นเรื่อยๆ บางออฟฟิศเกิดกรณีพนักงานแย่งกันใช้งาน Private Booths จนบริษัทต้องออกกฎบังคับให้ใช้งานในตู้เหล่านี้ด้วยเวลาจำกัดต่อคน 

 

  • ในอีกมุมหนึ่ง การที่ต่างคนต่างทำงาน ทำให้บรรยากาศออฟฟิศไม่สนุกอีกต่อไป

แม้จะมีพนักงานที่ชื่นชอบ Private Booths อยู่ไม่น้อย แต่บางส่วนกลับเห็นต่างออกไป โดยมองว่าสิ่งนี้ทำให้บรรยากาศการทำงานในออฟฟิศแย่ลง การที่ต่างคนต่างทำงานในตู้ส่วนตัวเงียบๆ มันทำให้การแอบฟังและการนินทาน้อยลงก็จริง แต่ขณะเดียวกันมันก็ทำให้ความสนิทสนมของเพื่อนร่วมงาน และความสนุกสนานในออฟฟิศน้อยลงด้วย อีกทั้งบางคนก็บอกว่า Private Booths เป็นพื้นที่ที่คับแคบชวนอึดอัด แถมการระบายอากาศก็ไม่ดี 

สอดคล้องกับความเห็นของ คริสเตน ออแคลร์ นักวิจัยด้านชีวการแพทย์ในซานฟรานซิสโก ที่บอกว่า ตู้ทำงานส่วนตัวเหล่านี้ชวนให้ขนลุก มันให้ความรู้สึกว่าเหมือนเรากำลังจะตาย เธอมองว่าการทำงานท่ามกลางเพื่อนร่วมงานในออฟฟิศที่มีเสียงรบกวนบ้าง ย่อมดีต่อร่างกายและจิตใจมากกว่า

ในทิศทางเดียวกัน ผลการศึกษาชิ้นหนึ่งของ ดร.เอสเธอร์ สเติร์นเบิร์ก ผู้อำนวยการสถาบัน University of Arizona Institute on Place, Wellbeing and Performance ก็พบว่า ผู้คนเกิดความเครียดเมื่อสภาพแวดล้อมรอบตัวพวกเขาเงียบเกินไปและดังเกินไป ดังนั้น ระดับความดังที่พอเหมาะพอดีกับการทำงานจึงควรอยู่ที่ประมาณ 45 เดซิเบล (เทียบเท่ากับเสียงนกร้อง)

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหนึ่งเฟอร์นิเจอร์สำนักงานที่สามารถเชื่อมตรงกลางระหว่าง “การทำงานในพื้นที่เปิดท่ามกลางความวุ่นวาย” กับ “ทำงานในพื้นที่ส่วนตัวเงียบๆ ใน Private Booths” ได้ นั่นคือ การจัดโต๊ะทำงานแบบจัดขอบเขตพื้นที่ (โต๊ะทำงานที่มีผ้าใบรอบล้อมเพื่อกั้นอาณาเขต) มันช่วยตัดเสียงรบกวนได้บางส่วน แต่ก็ไม่เงียบสงัด พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเป็นส่วนตัวแต่ก็ไม่แยกตัวออกจากสังคมจนเกินไป ซึ่งการทำงานในพื้นที่แบบนี้น่าจะดีต่อทั้งจิตใจและประสิทธิภาพการทำงาน