แรงงานหมดอำนาจต่อรอง! ขาลง ‘Job Hopper’ เปลี่ยนงานบ่อย อาจไม่ได้เงินเพิ่ม

แรงงานหมดอำนาจต่อรอง! ขาลง ‘Job Hopper’ เปลี่ยนงานบ่อย อาจไม่ได้เงินเพิ่ม

ผลสำรวจมะกันเผย “Job Hopper” รายได้ลดฮวบจากยุคโควิด จนแทบไม่ต่างจากคนที่ไม่ย้ายงาน ทำให้คนเริ่มไม่อยากย้ายงาน สะท้อนตลาดแรงงานเริ่มผ่อนคลายลง แรงงานเริ่มมีอำนาจต่อรองน้อยลง”

Job Hopper” เทรนด์ย้ายงานบ่อย เพื่อหวังเพิ่มเงินเดือน เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่แรงงานช่วงยุคโควิด-19 ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันเกิดการลาออกครั้งใหญ่ ทำให้บริษัทต่าง ๆ ขาดแรงงาน และยอมเสนอเงินเดือนสูง ๆ พร้อมสวัสดิการดี ๆ เพื่อหวังซื้อใจเหล่า Job Hopper (ที่เป็นแรงงานศักยภาพสูง) ให้มาทำงานด้วย แต่ดูเหมือนว่ากลยุทธ์การอัปเงินเดือนเริ่มใช้ไม่ได้ผลกับสถานการณ์ปัจจุบัน

 

  • ย้ายงานบ่อยเพิ่มเงินเดือนได้น้อยกว่าเดิม

จากข้อมูลของสถาบันวิจัย ADP เมื่อเดือนเมษายน 2022 พบว่า Job Hopper ในสหรัฐได้เงินเดือนเพิ่มขึ้นจากการย้ายงานถึง 16.3% ขณะที่คนที่ไม่ได้ย้ายงานไปไหนมีเงินเดือนเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ย 7.5% ซึ่งอาจเป็นผลพวงมาจากเงินเฟ้อที่พุ่งกระฉูด โดยอัตราเงินเฟ้อตั้งแต่เดือนเมษายน 2021 ถึงเดือนเมษายน 2022 อยู่ที่ 8.25% 

ขณะที่ข้อมูลในเดือนกันยายน 2023 รายได้ของคนที่ย้ายงานบ่อย ๆ เพิ่มขึ้นเพียง 9% ส่วนพนักงานที่ไม่เปลี่ยนงานได้เงินเพิ่มขึ้น 5.9% ต่างกันเพียง 3.1% เท่านั้น อาจทำให้คนเริ่มไม่อยากย้ายงานมากเท่ายุคโควิด-19 

สอดคล้องกับการวิเคราะห์โดย ธนาคารแห่งอเมริกา (Bank of America) ระบุว่าบริษัทเริ่มให้เงินเดือนและสวัสดิการต่าง ๆ กับพนักงานกลุ่ม Job Hopper น้อยลงเรื่อย ๆ ยิ่งกว่านั้นบริษัทหลายแห่งปฏิเสธจะให้เงินเดือนตามที่ Job Hopper ร้องขอ ขณะเดียวกันพนักงานก็เริ่มอยู่กับบริษัทเดิมนานขึ้นกว่าเดิม

แม้ว่ารายได้ของคนที่ย้ายงานบ่อย ๆ จะลดลงเพราะอัตราเงินเฟ้อเริ่มคงตัว แต่ก็สะท้อนให้เห็นว่าตลาดแรงงานเริ่มผ่อนคลายลง ทำให้แรงงานเริ่มมีอำนาจต่อรองน้อยลง ส่วนธนาคารกลางสหรัฐแห่งแอตแลนตาคาดว่า ค่าจ้างของ Job Hopper ได้ผ่านจุดสูงสุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อีกทั้งข้อมูลของสำนักงานสถิติแรงงานระบุว่าอัตราการว่างงานในสหรัฐในเดือนกันยายน 2023 อยู่ที่ 3.8% ซึ่งหากลาออกจากงานตอนนี้ โดยที่ไม่มีงานรองรับ อาจจะหางานได้ยากขึ้น ทำให้คนที่คิดจะลาออกจากงานต้องทบทวนใหม่อีกครั้ง 

นอกจากนี้ อัตราคนลาออกจากงานในสหรัฐเมื่อเดือนตุลาคมลดลงสู่ระดับต่ำเท่ากับก่อนเกิดโควิด-19 ที่ 2.3% เท่านั้น จูเลีย พอลแลค หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ ZipRecruiter บริษัทจัดหางานกล่าวว่า “ดัชนีการลาออกจากงานที่ลดลงแสดงให้เห็นว่า ตลาดแรงงานกำลังซบเซา แม้หลายบริษัทจะเปิดรับสมัครงานเพิ่มมากขึ้น แต่บริษัทและตำแหน่งที่ตรงใจพักงานยังมีน้อยอยู่”

  • พนักงานเงินเดือนสูงได้เงินเพิ่มไม่มาก

ข้อมูลจากธนาคารแห่งอเมริกา พบว่า เมื่อแรงงานที่มีรายได้ต่ำกว่า 25,000 ดอลลาร์ เปลี่ยนงาน พวกเขาจะได้เงินเพิ่มขึ้น 35% ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงกว่ายุคก่อนโควิดและเกือบเท่าช่วงพีคของเทรนด์ Hop Jobber ในปี 2021-2022 ตรงข้ามกับพนักงานที่มีรายได้สูง โดยพนักงานที่มีรายได้มากกว่า 100,000 ดอลลาร์ จะได้เงินเพิ่มขึ้นเพียง 6-7% เมื่อพวกเขาเปลี่ยนงานเท่านั้น ลดลงจากประมาณ 12% ในปีที่แล้ว ส่วนคนที่มีรายได้ระหว่าง 50,000-100,000 ดอลลาร์ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 10% จากการย้ายงานใหม่ ซึ่งลดลงจากระดับ 15% ในปีที่แล้ว

กลุ่มพนักงานรายได้สูงเป็นกลุ่มงานที่ถูกเลิกจ้างในอุตสาหกรรมภาคเทคโนโลยี การโฆษณา การบริการทางธุรกิจ และการเงินมากที่สุด ซึ่งทำให้คนกลุ่มนี้จำเป็นต้องรักษาตำแหน่งของตนเองเอาไว้ให้ได้นานที่สุด

เคท ดูเชเน ซีอีโอของ RGP บริษัทที่ปรึกษา ระบุว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทเทคโนโลยีและบริษัทการเงินเลิกจ้างพนักงานรายได้สูงเป็นจำนวนมาก ซึ่งเหตุการณ์นี้อาจทำให้พนักงานระดับสูงหวาดหวั่นกลัวถูกเลิกจ้าง

“บางทีข่าวการเลิกจ้างพนักงานของบริษัทใหญ่ ๆ อาจทำให้คนที่มีงานทำอยู่แล้ว ได้หวนกลับมาคิดถึงงานของตนเอง และรู้สึกว่ายังโชคดีที่มีงานทำ” ดูเชเนกล่าว โดยอ้างถึงผลสำรวจของ Conference Board องค์กรให้บริการด้านข้อมูลเชิงลึกและการงานวิจัยทางธุรกิจ ที่พบว่าปี 2023 พนักงานในสหรัฐแสดงความพึงพอใจในงานสูงสุดในรอบ 35 ปี นับตั้งแต่มีการสำรวจมา ทั้งในด้านความเท่าเทียมทางรายได้ รูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน ตลอดจนประสบการณ์ทำงานและวัฒนธรรมองค์กร

 

  • จะอยู่ที่เดิมหรือออกไปเพิ่มเงินเดือน ?

คาเรน ดอยล์ จาก GOBankingRates เว็บไซต์การเงินส่วนบุคคล กล่าวว่า เงินเดือนเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่จำเป็นต้องคำนึงถึงหากต้องการจะเปลี่ยนงาน เพราะในปัจจุบันจะต้องดูด้วยว่า งานใหม่จะทำให้สมดุลระหว่างการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปหรือไม่ รูปแบบการทำงานของบริษัทใหม่เป็นอย่างไร ทำงานจากที่บ้านสลับกับเข้าออฟฟิศได้หรือไม่ ตำแหน่งงานใหม่จะช่วยให้เข้าถึงเป้าหมายการทำงานได้อย่างไร

สิ่งสำคัญอีกอย่างที่ต้องคำนึงถึง คือ ผลกระทบของอัตราเงินเฟ้อ และการจ้างคุณจะช่วยให้นายจ้างได้ประโยชน์อย่างไร ถ้าคุณเข้าใจปัจจัยเหล่านี้ จะช่วยให้คุณสามารถเจรจาขึ้นเงินเดือนได้มากขึ้น

ตำแหน่งงานใหม่จะทำให้คุณต้องมีความรับผิดชอบเพิ่มมากขึ้น การให้ค่าตอบแทนที่เพิ่มสูงขึ้นย่อมมาพร้อมกับความคาดหวังของนายจ้างที่มากขึ้นเช่นกัน กลายเป็นว่าเงินเดือนสูงกว่าความสามารถ และคุณไม่สามารถแบกรับหน้าที่นั้นได้ จนไม่ผ่านโปร ก็อาจจะทำให้ชื่อเสียงของคุณแย่ตามไปด้วยเช่นกัน และสุดท้ายเมื่อคุณไปสมัครงานที่อื่นต่อ อาจไม่สามารถต่อรองเงินเดือนได้อีกต่อไป ต้องจำใจรับเงินเดือนที่น้อยกว่าเดิม เพื่อให้ได้งานทำและไม่มีทางเลือกมากนัก

 

ที่มา: CBS NewsGOBankingRatesYahoo