ส่อง ‘วันแม่’ นานาชาติทั่วโลก ตรงกับวันไหนบ้าง? พร้อมรู้ที่มา ‘วันแม่สากล’

ส่อง ‘วันแม่’ นานาชาติทั่วโลก ตรงกับวันไหนบ้าง? พร้อมรู้ที่มา ‘วันแม่สากล’

“12 สิงหาคม” ของทุกปี ถือเป็น “วันแม่แห่งชาติ” ของไทย แต่รู้หรือไม่? อีกหลายประเทศทั่วโลกก็มี “วันแม่” เช่นกัน นอกจากนี้ยังมี “วันแม่สากล” อีกด้วย

วันที่ 12 สิงหาคม ของทุกปี ในประเทศไทยถือว่าเป็น “วันแม่แห่งชาติ” ซึ่งมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีความเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงประเทศไทยเท่านั้น แต่ในอีกหลายประเทศทั่วโลกก็มี “วันแม่” เช่นเดียวกัน และมีประวัติความเป็นมา รวมถึงดอกไม้สัญลักษณ์ประจำวันแม่ที่แตกต่างกันออกไปด้วย นอกจากนี้ยังมี “วันแม่สากล” ที่กำหนดขึ้นเพื่อสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของคุณแม่ทั่วโลก

จุดเริ่มต้นของ “วันแม่แห่งชาติ” สำหรับประเทศไทยนั้น เริ่มต้นมาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งในช่วงแรกยังไม่ได้มีการกำหนดวันตายตัว ทำให้มีความเปลี่ยนแปลงมาเรื่อยๆ ซึ่งในอดีตเคยใช้วันที่ 10 มีนาคม, 15 เมษายน และ 4 ตุลาคม ก่อนจะกำหนดใช้วันที่ “12 สิงหาคม” มาจนถึงปัจจุบัน

  • ย้อนปฏิทิน “วันแม่แห่งชาติ” ก่อนจะมาเป็นวันที่ 12 สิงหาคม

งานวันแม่แห่งชาตินั้นจัดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2486 ที่สวนอัมพร โดยมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นเจ้าภาพ แต่หลังจากนั้นไทยได้รับผลกระทบจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงทำให้การจัดกิจกรรมงานวันแม่จำเป็นต้องงดไปก่อน หลังจากนั้นเมื่อสงครามสงบลง หลายหน่วยงานมีความพยายามในการรื้อฟื้นกิจกรรม “วันแม่” ขึ้นมาอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากมีการเปลี่ยนกำหนดวันแม่หลายครั้งตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น

จนในที่สุด คณะกรรมการอำนวยการสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มีการกำหนดวันแม่ขึ้นมาใหม่ เพื่อให้มีความแน่นอนในการจัดงานต่อเนื่องไปได้ทุกปี จึงได้ถือเอาวันเสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มากำหนดให้เป็น “วันแม่แห่งชาติ” ซึ่งก็คือวันที่ “12 สิงหาคม” โดยกำหนดไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2519 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

ทำให้หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน รวมถึงโรงเรียนหลายแห่ง กำหนดให้มีกิจกรรมวันแม่ขึ้นเพื่อให้ลูกได้รำลึกถึงพระคุณของแม่ผู้ให้กำเนิดและถือโอกาสตอบแทนพระคุณของคุณแม่

อ่านข่าว : 

'วันแม่แห่งชาติ' 12 สิงหาคม เปิดประวัติพร้อมส่องวันแม่ทั่วโลก

นอกจากนี้ยังมีสัญลักษณ์สำคัญที่ใช้สื่อถึง “วันแม่แห่งชาติ” นั่นก็คือ “ดอกมะลิ” โดยรัฐบาลได้กำหนดให้ดอกมะลิเป็น “ดอกไม้สัญลักษณ์ของวันแม่” ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมยาวนานและได้กลิ่นไปจนถึงระยะไกล ออกดอกได้ตลอดทั้งปี จึงนำมาตีความว่าสีขาวของดอกมะลิเปรียบเสมือนความรักบริสุทธิ์ที่แม่มีให้ลูกตลอดไป และเป็นดอกไม้ที่สื่อถึงความปราถนาดี และเป็นสื่อแทน “ความกตัญญู” อีกด้วย

จากข้อสันนิษฐานเชื่อว่า “ดอกมะลิ” นำเข้ามาจากประเทศอินเดียตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย ผ่านการเผยแผ่ศาสนาพุทธ และคนส่วนมากนิยมนำมาใช้เพื่อเป็นเครื่องสักการะบูชาพระ พร้อมทั้งมีความเชื่อว่าหากปลูกต้นมะลิไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของบ้าน จะช่วยเสริมให้คนในบ้านได้รับความปรารถนาดี เป็นที่รัก และเป็นที่คิดถึงของคนทั่วไป อีกทั้งยังทำให้คนในบ้านมีจิตใจที่บริสุทธิ์ รู้จักกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีพระคุณ

อ่านข่าว : 

'ดอกมะลิ' สื่อรัก 'วันแม่' และความหมายที่ซ่อนอยู่

  • “วันแม่สากล” ถือเป็นวันหยุดราชการเพื่อให้เกียรติแด่เหล่าคุณแม่

ไม่ใช่แค่ประเทศไทยเท่านั้นที่มีวันแม่แห่งชาติ แต่ในระดับนานาชาติก็มี “วันแม่สากล” เพื่อเป็นเกียรติแด่แม่ทุกคนเช่นเดียวกัน

ความเป็นมาของวันแม่สากลนั้นเริ่มต้นขึ้นในสหรัฐอเมริกา กำหนดให้วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมเป็นวันแม่และเป็นวันหยุด เพื่อให้ลูกๆ ที่ออกไปทำงานนอกบ้านหรือแต่งงานแยกครอบครัวออกไป ได้มีโอกาสกลับไปเยี่ยมเยียนแม่ของตน ในส่วนของจุดเริ่มต้นของวันแม่สากลนั้น มาจาก Anna Jarvis (แอนนา จาร์วิช) ได้จัดงานรำลึกถึงการจากไปของแม่ของเธอซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งกลุ่มสตรีเพื่อส่งเสริมมิตรภาพและสุขภาพ เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ.2450 และหลังจากนั้นหลายพื้นที่ของสหรัฐ ก็เริ่มมีการจัดงานเฉลิมฉลองเพื่อเป็นเกียรติสำหรับแม่ทุกๆ คน ต่อมาใน พ.ศ. 2475 Woodrow Wilson (วูดโรว์ วิลสัน) ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศให้เป็นวันหยุดประจำชาติ

ต่อมาประเพณีและกิจกรรมเนื่องในวันแม่ได้เริ่มขยายไปยังประเทศอื่นๆ เช่น เม็กซิโก และ แคนาดา หลังจากนั้นก็ได้มีการยอมรับให้วันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมเป็น “วันแม่สากล” แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นวันหยุดพิเศษในประเทศอื่นๆ ไปด้วย เพราะเป็นเพียงแค่สัญลักษณ์ที่ให้เกียรติกับคุณแม่ทั่วโลกเท่านั้น เนื่องจากในแต่ละประเทศก็มีวันแม่เป็นของตัวเอง

ในส่วนของดอกไม้ที่เป็นสัญลักษณ์ของวันแม่สากล ก็คือ “ดอกคาร์เนชัน” ในช่วงแรกจะมีการมอบดอกคาร์เนชันสีขาว เพื่อแสดงออกถึงความรักให้กับคุณแม่ แต่หลังจากนั้นประเพณีก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เช่น มีการมอบดอกคาร์เนชันสีแดงหรือชมพูให้คุณแม่กันด้วย ซึ่งสื่อความหมายถึงแม่ที่ยังมีชีวิตอยู่ ส่วนดอกคาร์เนชันสีขาวหมายถึงแม่ที่เสียชีวิตไปแล้ว

  • “วันแม่” ของแต่ละประเทศทั่วโลกคือวันอะไรบ้าง?

เนปาล

วันแม่ในเนปาลนั้นเป็นที่รู้จักกันในชื่อวัน Mata Tirtha Aus มีการเฉลิมฉลองตามปฏิทินจันทรคติ จึงไม่มีการกำหนดวันที่ตามปฏิทินสากลที่แน่นอน แต่จะจัดขึ้นราวๆ เดือนเมษายนและเดือนพฤษภาคม ประกอบกับเนปาลมีกลุ่มชาติพันธุ์ที่หลากหลาย ทำให้ประเพณีการฉลองวันแม่แตกต่างกันออกไป บางคนเริ่มแสดงความเคารพต่อแม่ในตอนเช้าเพื่อถือเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดี บางคนเริ่มฉลองในตอนเย็น หรือบางคนที่แม่เสียชีวิตไปแล้วก็จะไปทำพิธีกรรมริมแม่น้ำให้กับแม่

เอธิโอเปีย

งานวันแม่ในเอธิโอเปียจะถูกจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมเช่นเดียวกับวันแม่สากล เพราะเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงหลังจากผ่านพ้นช่วงฤดูฝนมา สำหรับพิธีการในวันแม่จะเริ่มด้วยการทำความสะอาดบ้านเป็นเวลา 3 วัน เด็กผู้หญิงและแม่จะถูกป้ายเนยบริเวณใบหน้า หลังจากนั้นจะมีการร่วมกันร้องเพลงเกี่ยวกับครอบครัวก่อนจะรับประทานอาหารร่วมกัน

ฝรั่งเศส

การเฉลิมฉลองวันแม่ของฝรั่งเศสเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2359 จากความคิดของนโปเลียนแต่ยังไม่ได้รับการยอมรับในวงกว้าง ต่อมาเมื่อช่วงศตวรรษที่ 19 ฝรั่งเศสเริ่มตระหนักถึงปัญหาเด็กเกิดน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาสงคราม ฝรั่งเศสจึงต้องการกระตุ้นให้มีประชากรเพิ่มขึ้น จึงได้จัดให้มีวันแม่ขึ้นมาครั้งแรกใน พ.ศ. 2458 และเมื่อ พ.ศ. 2493 การฉลองวันแม่ก็กลายเป็นวันสำคัญอย่างเป็นทางการ สำหรับปัจจุบัน วันแม่ของฝรั่งเศส คือวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤษภาคม และของขวัญที่นิยมมอบให้คุณแม่มากที่สุดคือ ดอกไม้ ช็อกโกแลต และการ์ดอวยพรแบบทำมือ 

อังกฤษ

ถือเป็นประเทศแรกๆ ในโลกที่มีการจัดงานวันแม่เพื่อรำลึกถึงความสำคัญของความเป็นแม่ โดยเริ่มตั้งแต่ในช่วงศตวรรษที่ 17 มีชื่อเรียกในตอนนั้นว่า Mothering Sunday โดยเด็กๆ มักจะมอบดอกไม้เพื่อเป็นของขวัญแด่คุณแม่ และเด็กผู้หญิงจะนิยมทำเค้กให้กับแม่ในภายหลัง แต่วันดังกล่าวก็ต้องยุติกิจกรรมลงไปเมื่อเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมในอังกฤษ ส่งผลให้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนแปลงไป และได้มีการกำหนดวันแม่ขึ้นมาใหม่คือวันอาทิตย์ที่ 4 ในเทศกาลมหาพรต ซึ่งไม่ได้มีวันที่แน่นอน วันแม่จึงเปลี่ยนไปในแต่ละปี

ญี่ปุ่น

ในปี พ.ศ. 2474 องค์กรสตรีสูงสุดของญี่ปุ่นกำหนดให้วันที่ 6 มีนาคม ซึ่งเป็นวันฉลองพระราชสมภพของพระราชินี คาโอรุ มาโคโตะ ถือเป็นวันแม่ และต่อมาใน พ.ศ. 2480 กำหนดให้วันที่ 5 พฤษภาคม เป็นวันแม่ และมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเมื่อ พ.ศ. 2492 ได้มีการกำหนดให้จัดงานวันแม่ในวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคม

สำหรับวันแม่ในประเทศอื่นๆ ที่ไม่ได้อิงตามวันอาทิตย์ที่สองของเดือนพฤษภาคมยังมีอีกหลายประเทศ เช่น

- กรีซ วันแม่ตรงกับวันที่ 2 กุมภาพันธ์

- จอร์เจีย วันแม่ตรงกับวันที่ 3 มีนาคม

- บัลแกเรีย,แอลเบเนีย วันแม่ตรงกับวันที่ 8 มีนาคม

- อียิปต์, จอร์แดน, ซีเรีย, เลบานอน วันแม่ตรงกับวันที่ 21 มีนาคม

- โปแลนด์ วันแม่ตรงกับวันที่ 26 พฤษภาคม

แม้ว่า “วันแม่” ของแต่ละประเทศจะมีประวัติความเป็นมา การกำหนดวัน รวมไปถึงการจัดกิจกรรมที่แตกต่างกันออกไป แต่จุดประสงค์หลักก็เพื่อให้ลูกได้รำลึกถึงพระคุณของแม่และเพื่อเป็นเกียรติแด่คุณแม่ทุกคนบนโลก

อ้างอิงข้อมูล : HELLO, National Womens History Alliance และ Britannica