หมดไฟ-เศรษฐกิจผันผวน ทำพิษ ‘ซีอีโอ’ บริษัทใหญ่แห่ลาออก 

หมดไฟ-เศรษฐกิจผันผวน ทำพิษ ‘ซีอีโอ’ บริษัทใหญ่แห่ลาออก 

“ซีอีโอ” ตบเท้าลาออกจากบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐสูงเป็นประวัติการณ์ โดยผู้บริหารหน่วยงานรัฐและ NGO ยื่นใบลาออกมากที่สุด สาเหตุมาจากความผันผวนทางเศรษฐกิจและ “ภาวะหมดไฟ” แต่วิกฤตินี้ทำให้ผู้หญิงเป็นซีอีโอเพิ่มมากขึ้น

นอกจากบริษัทชั้นนำในสหรัฐจะต้องเป็นกังวลกับเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย และการนำเอไอ (AI) เข้ามาใช้ในธุรกิจแล้ว ยังต้องกังวลกับการลาออกของซีอีโอที่สูงเป็นประวัติการณ์อีกด้วย

ข้อมูลจากบริษัท Challenger, Grey & Christmas บริษัทจัดหางานผู้บริหารและฝึกอบรมในสหรัฐ ระบุว่า เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา มีซีอีโอในสหรัฐลาออกจากตำแหน่งถึง 224 คน เพิ่มขึ้นถึง 52% จากเดือนเม.ย. ที่มีซีอีโอลาออก 147 คน และสูงขึ้น 49% เมื่อเทียบเดือนพ.ค. ของปีที่ผ่านมา

เมื่อรวมจำนวนซีอีโอที่ลาออกในช่วง 5 เดือนแรกของปีนี้พบว่า มีซีอีโอตัดสินใจลาออกไปแล้ว 789 คน ขณะที่ 5 เดือนแรกของปี มีซีอีโอลาออกไป 668 คนเท่านั้น อย่างไรก็ตามการสำรวจนี้ไม่ได้ระบุถึงสาเหตุที่ซีอีโอตัดสินใจลาออกเพิ่มมากขึ้น โดยซีอีโอ 226 คนที่ลาออกในปีนี้ ไม่ได้ให้เหตุผลในการลาออก 

ทางด้าน Fortune รายงานว่า มีซีอีโอเกษียณอายุประมาณ 182 คน อีก 168 คนก้าวลงจากตำแหน่งหรือลาออก ส่วนคนที่ได้ตำแหน่งอื่นมี 40 คน มี 37 คนที่ดำรงตำแหน่งจนครบวาระ ขณะที่ 32 คน ย้ายไปบริษัทอื่นในตำแหน่งเดิม และ 17 คนมีเหตุผลส่วนตัวในการลาออก

เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับข้อมูลของ Russell Reynolds Associates บริษัทที่ปรึกษาด้านความเป็นผู้นำคาดคะเนว่า อัตราการลาออกของซีอีโอของสหรัฐในปีนี้จะสูงที่สุดในรอบ 5 ปี ซึ่งมาจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

หากดูในประเภทองค์กรที่มีซีอีโอลาออกมากที่สุดในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาจะพบว่า หน่วยงานรัฐและองค์กรไม่แสวงหากำไร เป็นกลุ่มองค์กรที่ซีอีโอร่อนจดหมายลาออกมากที่สุด ถึง 182 คน ตามมาด้วยบริษัทเทคโนโลยีที่มีซีอีโอลาออกไป 91 คน

  • หมดไฟ-เศรษฐกิจผันผวน ทำซีอีโอลาออก

ในรายงานของ Challenger, Grey & Christmas ระบุว่า เศรษฐกิจที่ผันผวนอาจเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ซีอีโอตัดสินใจลาออกจากงาน “บริษัทต่าง ๆ กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเสถียรภาพ จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย การเข้ามาของเทคโนโลยีใหม่ ๆ และอัตราดอกเบี้ยที่สูง” 

รูปแบบการทำงานในสหรัฐเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งทำให้ซีอีโอหลายคนรู้สึกหมดไฟในการทำงาน ตัดสินใจแสวงหาความท้าทายใหม่ ๆ โดย แอนดรูว์ ชาเลนเจอร์ รองประธานอาวุโสของ Challenger, Grey & Christmas กล่าวกับ Fortune ว่า 

“เหล่าซีอีโอพยายามปรับรูปแบบการทำงานให้เข้ากับข้อเรียกร้องของพนักงาน ทั้งการทำงานระยะไกลและการทำงานสลับระหว่างที่บ้านกับออฟฟิศ การสนับสนุนด้านสุขภาพจิตจาภาวะหมดไฟในการทำงาน รวมถึงข้อเรียกร้องให้เพิ่มพนักงานที่มีความหลากหลายยิ่งขึ้นเพื่อความเท่าเทียม แถมพวกเขายังต้องเจอกับปัญหาขาดแคลนบุคลากร และการบริหารองค์กรในช่วงที่เศรษฐกิจคาดเดาได้ยาก”

  • ซีอีโอหญิงเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์

การลาออกของเหล่าซีอีโอส่งผลกระทบต่อองค์กรหลายแห่ง แต่ในเรื่องร้าย ๆ ยังพอมีเรื่องดีอยู่บ้าง เมื่อ Challenger, Grey & Christmas รายงานว่า ผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งซีอีโอแทนคนที่ออกไปมากกว่า 30% เป็นผู้หญิง ซึ่งถือว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่มีการสำรวจมา 

สอดคล้องกับข้อมูลของ Fortune ในเดือนม.ค. ที่ผ่านมา พบว่า มีผู้หญิงเป็นซีอีโอในบริษัทกลุ่ม Fortune 500 ซึ่งเป็นการจัดอันดับ 500 บริษัทที่มีรายได้สูงสุดของโลก ถึง 53 คน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ในรอบ 68 ปีที่มีซีอีโอเป็นผู้หญิงมากกว่า 10% 

ถึงจะบอกว่ามีผู้หญิงนั่งเก้าอี้บริหารมากแล้ว แต่ถือว่ายังเป็นจำนวนที่น้อยอยู่ จากผลสำรวจของ TheLi.st บริษัทวิจัยตลาด ร่วมกับ Berlin Cameron และ Benenson Strategy Group พบว่า 35% ของผู้หญิงในองค์กรของสหรัฐกำลังเผชิญหน้ากับความเหงาในที่ทำงาน ขณะที่ 30% ของพนักงานหญิงระดับสูงที่ทำงานท่ามกลางกลุ่มผู้ชายผิวขาวไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครในยามที่พวกเธอมีปัญหาในการทำงาน

ด้วยปัจจัยด้านความเหงานี้เอง ทำให้ผู้บริหารผู้หญิงตัดสินใจลาออกถึง 22% เมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งสูงที่สุดในประวัติการณ์ ขณะที่ไตรมาสแรกของปีนี้มีซีอีโอหญิงลาออกไป 21% แต่เมื่อดูในภาพรวมแล้วยังคงมีซีอีโอผู้หญิงในจำนวนมากกว่าเดิมอยู่ดี 

“ตอนนี้มีผู้หญิงอยู่ตำแหน่งซีอีโอมากกว่าจำนวนที่ลาออกไปอยู่ ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีของแวดวงธุรกิจ ที่มุ่งมั่นจะสร้างความหลากหลาย ความเสมอภาค และความเท่าเทียมมากยิ่งขึ้น เราเริ่มเห็นว่าองค์กรต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น” Challenger, Grey & Christmas ระบุในรายงาน


ที่มา: Fast CompanyFortuneFortune 2Leaders