ถอดแนวคิดสู่ ‘ความมั่งคั่ง’ ของเหล่ามหาเศรษฐีระดับโลก

ถอดแนวคิดสู่ ‘ความมั่งคั่ง’ ของเหล่ามหาเศรษฐีระดับโลก

เพราะ “ความมั่งคั่ง” ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ชวนถอดแนวคิดและทัศนคติของ “มหาเศรษฐี” อะไรทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จจนสู่ความมั่งคั่ง จากปากคำของ “สตีฟ ซีโบลด์” เศรษฐีและนักเขียนผู้คลุกคลีกับเหล่ามหาเศรษฐีมากกว่า 26 ปี

เคล็ดความสำเร็จของเหล่ามหาเศรษฐี ว่า ทำอย่างไรจึงสร้าง “ความมั่งคั่ง” และ “ร่ำรวย” ได้ ยังคงเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็สนใจอยากรู้ ซึ่ง “สตีฟ ซีโบลด์” (Steve Siebold) มหาเศรษฐีและนักเขียนที่สัมภาษณ์เหล่าบุคคลที่ประสบความสำเร็จและร่ำรวยทั่วโลกมากกว่า 26 ปี ได้ทำการสำรวจทัศนคติและกลยุทธ์ของบุคคลเหล่านั้น พบว่า ทัศนคติและความคิดของคนรวยนั้นแตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งส่งผลต่อความสำเร็จทางการเงินของพวกเขา 

สอดคล้องกับผลการศึกษาหลายชิ้น ยกตัวอย่าง งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยบริคัมยัง (Brigham Young University) ในสหรัฐเมื่อปี 2019 พบว่า “คนรวย” มักจะมีมุมมองเชิงบวกและมองโลกในแง่ดีมากกว่า ในขณะที่คนที่มีฐานะด้อยกว่ามักจะมีมุมมองเชิงลบและมองโลกในแง่ร้ายมากกว่า

 

  • ทัศนคติของคนรวย

นอกจากนี้ ซีโบลด์ยังเชื่อว่า วิธีการทำเงิน หรือสร้างความมั่งคั่งได้รวดเร็วที่สุด คือ การเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่ และมองว่าการเป็นเจ้าของธุรกิจทำให้ตนเองมีอำนาจและสามารถเพิ่มรายได้เท่าที่ต้องการ แต่คนทั่วไปกลับมองว่าการทำธุรกิจใหม่เป็นเรื่องที่เสี่ยงเกินไป

อีกหนึ่งความเชื่อของเหล่าเศรษฐี คือ สามารถสะสมทรัพย์สินต่าง ๆ อย่างง่ายดายด้วย “ความเข้าใจ” และเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้รวดเร็ว รวมถึงยังมีแนวคิดว่าการสร้างความมั่งคั่งที่ยั่งยืนนั้นเป็นเรื่องที่คนทั้งองค์กรจะต้องช่วยกันทำให้สำเร็จ  ต่างจากคนทั่วไปที่มองว่าความพยายามเป็นเรื่องปัจเจก และคนรอบข้างล้วนมีผลกระทบต่อรายได้สุทธิมากกว่าที่คิด

คนรวยมองว่าการหาเงินเป็นเรื่องง่าย หากมีทักษะความคิดและการแก้ปัญหา ซึ่งทักษะเหล่านี้สามารถเรียนรู้และพัฒนาได้ โดยพวกเขาเชื่อว่า “ความคิดสร้างสรรค์” เป็นทักษะที่ได้รับค่าตอบแทนสูงที่สุดในโลก

เมื่อพูดถึงการลงทุนแล้ว คนที่มีรายได้สูงมักจะสร้างพอร์ตการลงทุนที่หลากหลาย และให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอในระยะยาว คนร่ำรวยยังมองว่าเงินเป็นเครื่องมือที่มีพลังในการสร้างอิสรภาพและโอกาสให้กับตนเองและครอบครัว พวกเขาทำงานเพื่อความสำเร็จมากกว่าเพื่อเงินเพียงอย่างเดียว โดยตะหนักดีว่างานที่มีศักภาพจะช่วยสร้างความมั่งคังได้ดีที่สุด

หัวใจหลักของแนวคิดมั่งคั่งทางการเงิน (Rich Mindset) คือ การพึ่งพาตนเองและการสร้างรายได้หลายทาง และการมีรายได้ประจำเพียงอย่างเดียวเป็นเรื่องที่เสี่ยงมาก เพราะเมื่อเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝันในอุตสาหกรรม เช่น การแพร่ระบาดของโควิด-19 การปลดพนักงานออกของบริษัทใหญ่

สำหรับคนร่ำรวย “เวลา” ถือเป็นทรัพย์สินที่มีค่ามากที่สุด เพราะเป็นทรัพยากรที่มีจำกัด ไม่สามารถสร้างใหม่ได้และแต่ละคนมีระยะเวลาไม่เท่ากัน พวกเขาจึงรู้ดีว่าเขามีเวลาจำกัดสำหรับทำแต่ละเป้าหมายให้สำเร็จ และใช้ทุกช่วงเวลาอย่างคุ้มค่า ด้วยการมองหาวิธีที่จะจัดสรรเวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด และมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขา ดังนั้นประโยค “เวลาเป็นเงินเป็นทอง” จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงสำหรับเหล่ามหาเศรษฐี

คนรวยล้วนมีความปรารถนาอย่างชัดเจนและแน่วแน่ พวกเขามีความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ในการสร้างและรักษาความมั่งคั่งและสินทรัพย์ของพวกเขา พร้อมจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ตราบใดที่มันถูกต้องตามกฎหมาย มีจริยธรรม และศีลธรรม

  • การลงทุนของเหล่ามหาเศรษฐี

การลงทุนที่เหล่ามหาเศรษฐีนิยมทำกันกันก็คือ การลงทุนในตลาดหุ้น พันธบัตร อสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทำให้พวกเขามีรายได้แบบ “เสือนอนกิน” นอกจากนี้ยังมีการลงทุนใน “สตาร์ทอัป” ที่ในช่วงหลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากอีกด้วย เพราะสามารถทำกำไรให้นักลงทุนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ

โดยมีเหล่ามหาเศรษฐีหลายคนที่กล้าเสี่ยงลงทุนและมีบทบาทสำคัญในสตาร์ทอัปที่พึ่งก่อตั้ง ที่เรียกว่า “นักลงทุนนางฟ้า” หรือ (Angel Investor) จนบริษัทเหล่านั้นกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนั้น ๆ ไม่ว่าจะเป็น ปีเตอร์ ธีล ผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal เป็นนักลงทุนคนแรก ๆ ของ Facebook Airbnb และ SpaceX

ส่วน เจอร์รี่ หยาง ผู้ร่วมก่อตั้ง Yahoo! เป็นนักลงทุนราย ๆ แรกที่กล้าเสี่ยงลงทุนกับ Google Alibaba และ Skype ขณะที่นักแสดงเจ้าบทบาทอย่าง แอชตัน คุชเชอร์ ก็ยังเป็นนักลงทุนของสตาร์ทอัปหลายรายรวมถึง Skype และ Foursquare อีกด้วย

ขณะที่ บิล เกตส์ มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก หันมาให้ความสำคัญกับภาวะโลกรวน ในระยะหลังเขาจึงเข้าร่วมลงทุนในบริษัทสตาร์ทอัปด้านสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ช่วงต้นปีที่ผ่านมาเกตส์ลงทุนใน Rumin8 บริษัทสตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีสภาพภูมิอากาศของออสเตรเลีย ที่จะผลิตอาหารเสริมช่วยลดก๊าซมีเทนจากการเรอและผายลมของวัว

จะเห็นได้ว่าความคิดของคนรวยนั้นจะกล้าได้กล้าเสียและสามารถเอาเงินไปต่อเงินได้มากกว่าคนทั่วไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกเขาสามารถทำเช่นนี้ก็เพราะพวกเขา “มีเงิน”  ผิดกับคนทั่วไป ที่จะใช้จ่ายแต่ละทีต้องคิดหน้าคิดหลังให้ดี ยิ่งถ้าหากต้องลงทุนหรือลงเงินทำธุรกิจอะไรแล้ว ย่อมต้องคิดแล้วคิดอีก ทบทวนไม่รู้จักจบสิ้น เพราะเงินที่เอามาใช้นี้ อาจจะเป็นเงินเก็บทั้งชีวิตที่อาจไม่สามารถหาได้อีกแล้ว
 

ที่มา: Faster CapitalFortuneYahoo