เลิกแล้วแต่ลืมไม่ได้ รู้จัก “เมาค้างทางอารมณ์” อาการคิดเรื่องเก่าไม่รู้จบ

เลิกแล้วแต่ลืมไม่ได้ รู้จัก “เมาค้างทางอารมณ์” อาการคิดเรื่องเก่าไม่รู้จบ

รู้จัก “สภาวะเมาค้างทางอารมณ์” อาการสีเทาที่ทำให้ลืมเรื่องเก่าไม่ได้จนรู้สึกเครียด หากแต่ยังเป็นสถานการณ์ยากๆที่เราสามารถแก้ไขได้


“สงสัยเมื่อคืนหนักไปหน่อย วันนี้แฮงค์มาก” พอประโยคนี้แว่วเข้ามาในหู เชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงเพื่อนที่เมาค้างจากแอลกอฮอล์ในวันหยุดสุดเหวี่ยง แต่คุณรู้ไหมว่ายังมีอาการเมาค้างอีกประเภทหนึ่ง ที่ไม่เกี่ยวกับการดื่มแอลกอฮอล์เลยสักนิด แต่เป็นเรื่องของอารมณ์ เป็นสภาวะของความรู้สึกที่เรายังผูกพันกับมันอยู่

เราเรียกอาการนี้ว่า “อาการเมาค้างทางอารมณ์ (Emotional Hangover)” ซึ่งอาการนี้จะส่งผลให้คุณจะรู้สึกเหมือนทานอาหารแล้วไม่ย่อยสักที หรือบางทีอาจเป็นเรื่องอะไรก็ได้ เช่น เวลาที่เลิกกับแฟนแล้วรู้สึกโหวงๆ หรือสัมภาษณ์งานไม่ผ่านแล้วรู้สึกไหล่ตก เป็นความเครียดและความกังวลที่ไม่สามารถสลัดหลุดออกได้ง่ายๆ


 

  • เมาค้างทางอารมณ์คืออะไร?

อาการของสภาวะนี้ คืออาการที่คุณจะรู้สึกว่าเศร้าใจ หดหู่ใจหลังจบเรื่องแย่ๆ ที่ผ่านมานานแล้ว

ไม่ว่าจะโดนเทจากการซื้อบัตรคอนเสิร์ตไม่ทัน หรือโดนโกงจากการสั่งซื้อของออนไลน์ โดยอาการนี้จะทำให้เรารู้สึกหดหู่แบบบอกไม่ถูก และถึงพอเรื่องจะจบไป แต่ความคิดเช่นนี้ยังวนเวียนอยู่ นั่นเพราะร่างกายปรับตัวแทบไม่ทัน ยังรู้สึกอินกับเรื่องนั้นอยู่ อารมณ์มันค้างคา สมองก็ยังจำได้ดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้ว สภาวะนี้มักขึ้นอยู่กับตัวแปรต่างๆ ทั้งความหนัก-เบา ของเรื่องที่พบเจอ 
 

  • สภาวะเมาค้างทางอารมณ์เกี่ยวข้องกับสมอง

มีงานวิจัยของ NYU (New York University) ได้ยืนยันแล้วว่าอาการนี้มีอยู่จริง ซึ่งอาการที่ว่านี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลภายในสมองของคนเรา ที่สร้างและเก็บความจำเรื่องต่างๆ เอาไว้

งานวิจัยยังบอกอีกว่า “ความทรงจำของคนเราไม่ได้มีเพียงเรื่องของประสบการณ์ภายนอกเท่านั้น แต่สภาวะภายในจิตใจก็สำคัญไม่แพ้กัน” พูดง่ายๆ ก็คือ เรื่องของจิตใจมีผลต่อความทรงจำ ไม่แพ้เหตุการณ์แย่ๆที่เราได้เจอ และมันมีผลต่อความรู้สึกของคนเราจริง โดยเฉพาะเรื่องของอารมณ์ และแต่ละคนก็มีวิธีรับมือกับอารมณ์ที่ต่างกัน ไม่มีใครรู้ความรู้สึกตัวเราดีเท่าตัวเราเอง แล้วทำไมคนเราถึงมีอาการที่ไม่เหมือนกัน เรื่องนี้มีคำตอบ

  • สถานการณ์ต่างกัน รับมือต่างกัน

เพื่อนของคุณอาจจะหนีความรู้สึกตัวเองถึงขั้นที่ว่าหนีไปดื่มแอลกอฮอล์ให้ช่วยดามใจ ต่างกับคุณที่เผชิญหน้ากับมันไปเลยชนิดสู้หลังชนฝา เห็นได้ชัดมากเวลาที่คุณกำลัง “เครียด” หนังสือเล่มหนึ่งให้ข้อมูลว่า “ผลกระทบระยะยาวที่เกิดจากความเครียด เกี่ยวข้องกับสภาวะหลายอย่าง เช่น การตอบสนองต่อความเครียด ธรรมชาติของความเครียด หรือความรุนแรงในการตอบสนองต่อความเครียด” นั่นเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมคุณและเพื่อนถึงจัดการกับอารมณ์ไม่เหมือนกัน เเละเชื่อไหมว่าอารมณ์สำคัญต่อคุณมากกว่าที่คิด เพียงแค่เสี้ยววินาทีสั้นๆ อาจเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ หรือราวกับยกภูเขาออกจากอกเลยก็ได้ 

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า อารมณ์มีผลต่อชีวิตของเรามาก และดูเหมือนว่าความทรงจำทางอารมณ์จะติดอยู่ในใจเราได้นานกว่าความทรงจำเรื่องอื่นๆ ถึงได้มีเพลงอกหักที่เนื้อร้องคร่ำครวญถึงแฟนเก่าเยอะแยะขนาดนี้ จะดีแค่ไหนถ้าเรารู้วิธีรับมือกับอาการที่ว่านี้ เพื่อให้จัดการกับอาการเมาค้างทางอารมณ์ได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนวิธีการก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด 

  • หาวิธีรับมือที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ

แม้ว่าการจัดการกับอารมณ์จะทำได้ยากหน่อยแต่ไม่ใช่ว่าทำไม่ได้เลย คงไม่มีใครอยากมีก้อนเมฆสีเทาอยู่บนหัวไปนานๆ หรอกใช่ไหม วิธีรับมือนั้นเราสามารถปรับเปลี่ยนให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราตามที่เห็นว่าเหมาะสมได้เลย จะมีอะไรบ้างไปดูกัน

1.ลองโฟกัสกับสิ่งตรงหน้า 
ไม่ว่าจะเวลาไหน เช่น ขณะที่อาบน้ำอยู่ ให้คิดว่า “น้ำจะสามารถลบล้างเรื่องแย่ๆ ออกไปได้” คิดบวกเข้าไว้เเล้วคุณจะรู้สึกสดชื่นขึ้นได้ทันตา

2. พกหรือสวมเครื่องประดับคริสตัล

ถ้าคุณเป็นสายมู ลองพกหรือสวมพวกคริสตัล อัญมณี หยกต่างๆ ให้ดูดซับความเมตตาหรือปกป้องตัวคุณจากเรื่องแย่ๆก็ได้นะ ถ้ายังช่วยไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ลองด้วยมนต์ดู 

3.ใช้กลิ่นช่วยบำบัด

กลิ่นก็ช่วยได้ เครื่องหอมประเภทต่างๆ มีให้เลือกใช้ตั้งหลายยี่ห้อ มันจะช่วยคุณผ่อนคลายได้ดีทีเดียว

4.เครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีประจุลบ
ของจำพวก โคมไฟ ฝักบัว สิ่งของเหล่านี้ จะผลิตประจุลบออกมาช่วยล้างฝุ่นละออง ควัน หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์ รวมถึงบรรยากาศขุ่นมัวของอารมณ์คุณได้ แต่ไม่ใช่ว่าเปิดโคมไฟทิ้งไว้ทั้งวัน อันนั้นก็จะเกินไปหน่อย เดี๋ยวจะเครียดกับค่าไฟแทนซะงั้น

5.ของใช้ที่ใกล้ตัว
ลองจุดเทียนสีขาวให้สว่างดู เทียนเล่มเล็กๆ แต่พลังมหาศาลเชียวนะ มันสามารถทำให้มีสมาธิได้ และสีขาวยังหมายถึงความสงบอีกต่างหาก มาทำอารมณ์ของคุณให้สว่างสดใสเหมือนเทียนดูไหม

6.หาซื้อสเปรย์ดับกลิ่นห้อง
หรือว่าจะเป็นของจำพวกน้ำมันหอมระเหย สามารถเลือกกลิ่นที่คุณโปรดได้เลย เช่น กลิ่นเปเปอร์มิ้นต์ ลาเวนเดอร์  จะช่วยให้ห้องน่าอยู่ขึ้น

7.ออกไปเจอธรรมชาติบ้าง
ไม่ว่าจะสูดกลิ่นดิน กลิ่นเขียวชอุ่มแสนสดชื่นของต้นไม้  หรือการแคมป์ปิ้งก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ กิจกรรมแบบนี้จะมีเรื่องราวดีๆ ในตัวมันเสมอ ความบริสุทธิ์ของธรรมชาติจะคืนความสดใสให้อารมณ์เทาๆของคุณเอง

8.นั่งสมาธิ
ควรจัดพื้นที่สำหรับนั่งสมาธิโดยเฉพาะ อาจมีรูปปั้นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุณนับถือ เพื่อสร้างพลังบวกให้คุณ 

9.หาผู้ฟังที่ดี
ทางออกที่น่าสนใจอีกอย่าง คือการไปพบนักบำบัด หรือพูดคุยกับเพื่อนๆ จะช่วยให้คุณระบายอารมณ์ด้านลบที่เหลืออยู่ออกมา หากพวกเขาแนะนำบางอย่างให้  คุณก็ลองคิดว่ามันปรับใช้กับชีวิตได้ในสไตล์ไหน

 

ไม่ว่าเมื่อไรที่คุณรู้สึกว่ากำลังเข้าข่าย อาการเมาค้างทางอารมณ์ วิธีเหล่านี้สามารถช่วยได้ไม่มากก็น้อย สุดท้ายแล้วเรื่องราวแย่ๆ ในอดีตหรืออารมณ์สีเทาๆ ที่ยังวนเวียนอยู่ในใจเรา สามารถค่อยๆ ขจัดออกไปได้ทีละนิด และนำมาเป็นบทเรียนที่ต้องฝ่าฟันกันอีกในอนาคต

แม้ว่าจะยากไปหน่อยในตอนแรก แต่เชื่อว่าทุกคนทำได้อยู่แล้ว เปลี่ยนอารมณ์สีเทาๆ ให้ค่อยๆ กลายเป็นสีสดใส เมื่อนั้นเรามองกลับมาอาจจะหัวเราะดังๆ ให้กับมันก็ได้

ที่มา : psychologytodaymichellegibbings, talkspace