“เปเล่” ตำนานลูกหนัง ผู้จากไปพร้อมเสียงสรรเสริญ

“เปเล่” ตำนานลูกหนัง ผู้จากไปพร้อมเสียงสรรเสริญ

แม้ “เปเล่” อดีตนักเตะชาวบราซิลวัย 82 ปี จากโลกนี้ไปแล้ว แต่เกียรติประวัติของยอดตำนานลูกหนัง เจ้าของแชมป์โลก 3 สมัย ทั้งยังเป็นไอดอลของนักเตะรุ่นหลังทั่วโลกมายาวนานถึงปัจจุบัน จะยังเป็นที่จดจำในโลกฟุตบอลตลอดไป

ข่าวการเสียชีวิตของ "เปเล่" อดีตนักเตะทีมชาติบราซิลหรือ “ราชาลูกหนังโลก” ถือเป็นข่าวเศร้าส่งท้ายปี 2565 ของวงการกีฬาโลก แต่เมื่อมองย้อนกลับไป เส้นทางชีวิตของชายคนนี้ คือ หนึ่งในตำนานที่ยิ่งใหญ่ที่ยากจะหาใครเทียบได้

หากเอ่ยชื่อนักฟุตบอล “เอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู” หลายคนอาจจะไม่คุ้นหู แต่ถ้าบอกว่านั่นเป็นชื่อจริงของ “เปเล่” อดีตนักเตะทีมชาติบราซิลหรือ “ราชาลูกหนังโลก” แฟนบอลทุกคนต้องรู้จักเขาเป็นอย่างดี เพราะเขาไม่ได้เป็นเพียงนักฟุตบอลทีมชาติฝีเท้าดีเท่านั้น แต่ยังสามารถพาทีมชาติบราซิลไปคว้าแชมป์โลกได้ถึง 3 สมัย ในปี 1958, 1962 และ 1970

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องสิ้นตำนาน "เปเล่" ราชาลูกหนังโลก

การแข่งขัน “ฟุตบอลโลก” ครั้งแรกของเปเล่ เกิดขึ้นเมื่อเขามีอายุ เพียง 17 ปี โดยเปเล่เป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดในฟุตบอลโลกที่ทำประตูได้ในนัดแข่งกับทีมชาติเวลส์ และนัดชิงชนะเลิศกับทีมชาติสวีเดน ทั้งยังเป็นนักเตะทีมชาติอายุไม่เกิน 24 ปี ที่ยิงประตูได้ถึง 7 ประตู กลายเป็นสถิติโลกใหม่ในตอนนั้น

  • ราชาลูกหนังโลกเมื่อครั้งเยาว์วัย

เปเล่ ถือว่าเกิดมาเพื่อเป็นนักฟุตบอลโดยแท้ เพราะตั้งแต่เด็กเขามักจะเล่นฟุตบอลกับ เจา รามอส โด นาสซิเมนโต ที่มีฉายาในวงการลูกหนังว่า "ดอนดินโฮ" เรียกได้ว่าเป็นทั้งพ่อและโค้ชคนแรกของเขาที่มีอาชีพเป็นนักฟุตบอลอาชีพสังกัดสโมสร ฟลูมิเนนเซ (Fluminense Football Club) แม้เปเล่จะมีพ่อเป็นนักฟุตบอลสโมสรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีวัยเด็กที่ดีไปกว่านักเตะคนอื่นเท่าไรนัก 

เขาเกิดที่เมืองเตรสโกราโซยส์ รัฐมีนัสเชไรส์ แต่ก็ไปเติบโตที่เมืองยากจนอย่างเมืองเบารู รัฐเซาเปาลู ทำให้นอกจากฝึกซ้อมฟุตบอลแล้ว ในเวลาว่างเขาก็ต้องหาเงินด้วยการรับขัดรองเท้าในละแวกบ้านและสโมสรฟุตบอลประจำเมือง ไปจนถึงสถานีรถไฟโนรีเอสเต

ในส่วนของฟุตบอลเปเล่เริ่มหัดเตะฟุตบอลโดยมีพ่อของเขาคอยสอนตั้งแต่เริ่มวิ่งได้ แต่ก็ยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะลูกฟุตบอลถือเป็นสิ่งของราคาแพงเกินกว่าครอบครัวของเขาจะหาซื้อได้ ทำให้เขาต้องใช้ถุงเท้า ผ้า หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ นำมาม้วนเป็นก้อนกลมแล้วมัดด้วยเชือกผูกรองเท้าให้แน่น เพื่อให้ใกล้เคียงลูกฟุตบอลที่สุด และในที่สุดเมื่อเขาอายุได้ 6 ขวบ เขาก็ได้ลูกฟุตอลลูกแรกจากพ่อ ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังมืออาชีพ เมื่อเขาอายุ 9 ขวบ ก็ได้เข้าร่วมทีม "สโมสร 7 กันยา" ซึ่งชื่อทีมดังกล่าวสื่อถึงวันเอกราชของบราซิลอีกด้วย

เปเล่ในวัย 13 ปี ได้รับการชักชวนจาก วัลเดมาร์ เดอ บริโต ให้เข้าร่วมในทีมฟุตบอลสมัครเล่น แต่เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ประจำรัฐได้ถึง 3 ปี ติดต่อกัน เป็นการเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวเมื่อเขาอายุ 15 ได้รับคัดเลือกให้เข้าทีมเยาวชนของ ซานโตส (Santos Futebol Clube) หรือ Santos FC junior team ที่ทำให้เขาได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพและนักเตะทีมชาติที่สร้างตำนานบทใหม่ในเวลาต่อมา

  • จากเด็กชายธรรมดา กลายเป็นตัวแทนความฝันของใครหลายคน

ในที่สุดความพยายามของเปเล่และผู้เป็นพ่อก็เป็นผล เมื่อเขาได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพของสโมสร Santos Futebol Clube ในตำแหน่งกองหน้าและกองกลางตัวรุก ซึ่งในเกมแรกเขาสามารถยิงได้ถึง 4 ประตู คว้าชัยชนะไปครอง และยังเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดจนเป็นดาวยิงของลีก ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของ ราชาลูกหนังโลก เพราะเมื่อเขาอายุ 17 ปี ก็ได้เป็นตัวจริงของทีมชาติบราซิลลงสู้ศึกฟุตบอลโลกในปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน

นอกจากนี้ เขายังเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศและเป็นนักเตะทีมชาติอายุไม่เกิน 24 ปี ที่ยิงประตูได้ถึง 7 ประตู อีกด้วย หลังจากนั้นทำให้ชื่อของเปเล่โด่งดังไปทั่วโลกด้วยฝีเท้าอันเป็นที่ประจักษ์ และการคว้าชัยชนะให้ทีมชาติบราซิลถึง 3 สมัย

หากนับรวมประตูทั้งหมดที่เปเล่ยิงได้ในฐานะนักเตะสโมสรและในฐานะนักเตะทีมชาติตั้งแต่ 1957–1971 รวม 1,301 นัด จากทั้งหมด 1,390 นัด ด้วยกัน เป็นเครื่องการันตีว่าฉายา “ราชาลูกหนังโลก” ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย หลังจากนั้นในปี 1977 เขาได้เกษียณตัวเองจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หรือที่เรียกกันว่า “แขวนสตั๊ด” ก่อนจะเข้าสู่บทบาททางการเมือง ด้วยการเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาคนแรกของบราซิลในปี 1990-1998 และหันมาช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสผ่านมูลนิธิเปเล่ในปี 2018

แม้ปัจจุบันเปเล่จะไม่ได้มีบทบาทใดในด้านกีฬาแล้วก็ตาม แต่สำหรับนักฟุตบอลรุ่นหลังไม่เพียงแค่ในบราซิล แต่รวมถึงนักเตะรุ่นใหม่ทั่วโลกนั้น ยกให้เปเล่เป็นไอดอลและเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาและการเสียสละเพื่อทีมชาติ เพราะมีนักฟุตบอลหลายคนที่เคยออกมาเปิดเผยว่า มีเปเล่เป็นแรงบันดาลใจ แม้ว่าฟุตบอลโลกปีนี้เปเล่จะไม่ได้ไปเชียร์อยู่ขอบสนามเหมือนกับหลายครั้งในอดีต แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะคอยเชียร์ทีมชาติบราซิลอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อเป็นกำลังใจให้นักเตะที่ลงสนาม 

และเมื่อเกมจบลงมีนักเตะและคนในวงการลูกหนังแซมบ้าหลายคนที่โพสต์ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เปเล่ในโซเชียลมีเดีย เช่น “ติเต” โค้ชทีมชาติบราซิลคนปัจจุบัน ได้โพสต์ภาพทีมนักเตะที่ถือป้ายภาพ “เปเล่” ลงในอินสตาแกรมพร้อมข้อความว่า “ไม่ว่าจะมีการแข่งขันสักกี่ครั้ง แต่ทุกครั้งคือมาจากความยิ่งใหญ่ของคุณ เรายืนเคียงข้างคุณเสมอ”

โดยในเกมแข่งขันบอลโลกครั้งล่าสุด ที่บราซิลเจอกับเกาหลีใต้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย (5 ธ.ค.22) บราซิลเอาชนะไปได้ถึง 4-1 เมื่อการแข่งขันจบลงก็ได้มีการนำภาพของเปเล่ขนาดใหญ่ออกมาโชว์ที่กลางสนามและบนที่นั่งผู้ชมเพื่อส่งกำลังใจไปถึง “เปเล่” ผู้เป็นทั้งต้นแบบ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บราซิลสามารถเป็นแชมป์โลกได้ถึง 5 สมัย

อ้างอิงข้อมูล : PELE, Sportskeeda และ BBC