"ซักผ้าหน้าฝน" ต้องรู้ไว้ "ผ้าเหม็นอับทำอย่างไร" แก้ไขจากตรงไหนได้บ้าง?

"ซักผ้าหน้าฝน" ต้องรู้ไว้ "ผ้าเหม็นอับทำอย่างไร" แก้ไขจากตรงไหนได้บ้าง?

"ผ้าเหม็นอับ" เรื่องเล็กๆ แต่เป็นปัญหาที่ใหญ่ กำจัดกลิ่นอับในเสื้อผ้า ที่มาจากการ "ซักผ้าหน้าฝน" ทำได้อย่างไร และผลิตภัณฑ์ซักผ้าที่โฆษณาว่าช่วยลดกลิ่นได้ ทำงานแบบไหนกับสาเหตุการเกิดกลิ่น

ปัญหาในช่วงหน้าฝน ไม่ใช่แค่ฝนตกหนักและน้ำท่วม แต่เมื่อท้องฟ้าครึ้ม อากาศชื้น ไร้แสงแดด เวลาเดียวกันนี้  “กลิ่นเหม็นอับในเสื้อผ้า” คือเรื่องหนึ่งที่กวนใจใครหลายคนอยู่เสมอ

ความเห็นหนึ่งในเว็บกระทู้ดัง บอกว่า ได้กลิ่น ผ้าเหม็นอับ แล้วคิดถึงตอนเด็กสมัยเป็นนักเรียน ภาพที่ต้องนั่งใกล้เพื่อน ยืนบนรถเมล์ยังจำได้ติดตาตรึงใจ ขณะที่อีกคนแย้งว่า ใครจะคิดถึงก็เชิญตามสบาย หากแต่ขอให้รู้ไว้ว่า กลิ่นผ้าเหม็นอับ - เหม็นเปรี้ยว ที่เจ้าของกลิ่นรับรู้ได้เพียงบางๆ นั้น สร้างความทุกข์ใจให้ผู้ใกล้ชิดได้มหาศาล

“คนที่ใส่เสื้อผ้าเหม็นอับมาทำงานทุกวัน เขารู้ตัวมั้ย?” สมาชิกหมายเลข 3152787 ตั้งคำถามที่เหมือนจะเป็นการระบายมากกว่าต้องการคำตอบ

เสื้อผ้ามีกลิ่นอับได้อย่างไร?

อธิบายง่ายๆได้ว่า  กลิ่นไม่พึงประสงค์ของเสื้อผ้า จนทำให้ "ผ้าเหม็นอับ" เกิดจากการเจริญของเชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังและที่อยู่ตามสภาวะสิ่งแวดล้อมทั่วไป โดยแบคทีเรียสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของโปรตีน ไขมันและเหงื่อที่หลั่งออกมาจากผิวหนัง ร่วมกับความชื้น จึงส่งผลให้เกิดสภาวะที่เหมาะสมต่อการเจริญของแบคทีเรีย

จากนั้นแบคทีเรียจะเปลี่ยนแปลงโมเลกุลของสารอาหารดังกล่าวเป็นสารโมเลกุลขนาดเล็กที่ระเหยได้ดีและมีกลิ่นอับ บูดเน่าเฉพาะตัวที่ติดตามเสื้อผ้าของผู้สวมใส่

ซึ่งแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปบริเวณผิวหนัง เช่น Staphylococcus epidermidis, Micrococcusluteus, Enhydrobacter aerosaccus, Corynebacterium jeikeium และPropionibacterium acne

\"ซักผ้าหน้าฝน\" ต้องรู้ไว้ \"ผ้าเหม็นอับทำอย่างไร\" แก้ไขจากตรงไหนได้บ้าง?

หลักการยับยั้งกลิ่นไม่พึงประสงค์ของผลิตภัณฑ์สำหรับผ้า

โดยทั่วไปคือการกลบกลิ่นด้วยสารเคมี (malodor–masking deodorant) นั่นคือการใช้สารเคมีที่มีกลิ่นหอมหรือน้ำหอมเพื่อใช้ในการกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ โดยหวังผลให้ผู้บริโภคไม่ได้กลิ่นเหม็นหรือได้กลิ่นเหม็นน้อยลงนั่นเอง

\"ซักผ้าหน้าฝน\" ต้องรู้ไว้ \"ผ้าเหม็นอับทำอย่างไร\" แก้ไขจากตรงไหนได้บ้าง?

ตามปกติ การซักผ้าคือการกำจัดสิ่งสกปรกออก ยิ่งได้ตากแดดก็จะยิ่งช่วยได้มาก เพราะความร้อนและรังสีจากแสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรีย การนำผ้าไปตากแดดแรงๆ จึงช่วยลดกลิ่นอับได้ดีนัก และสำหรับคนไทยการตากผ้าด้วยแดดก็ยังทำให้เราห้วนคิดถึงวันเวลาที่อากาศแจ่มใส อีกทั้งกลิ่นแดดที่ติดมากับเสื้อผ้าที่ซักยังสร้างความสุขผสมความทรงจำแบบที่เรานิยามว่า “กลิ่นหอมแดด

แต่เมื่อไม่มีแดด นั่นหมายความว่าตัวช่วยในการกำจัดแบคทีเรียลดพลังลง และเมื่อปล่อยไว้นานแบคทีเรียก็ยิ่งสะสม และเติบโต อีกทั้งเสื้อผ้าถือเป็นสสารที่กักเก็บความชื้นที่เอื้อต่อการเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรียได้ดีมันจึงเป็นที่มาของกลิ่นไม่พึงประสงค์

เมื่อเรานำเสื้อผ้าที่กำจัดแบคทีเรียไม่หมดมาสวมใส่ นั่นก็เหมือนกับการเราพกเชื้อราแบคทีเรียไปกับเราด้วย โดยเฉพาะในบางครั้งซึ่งเราคิดว่าเสื้อผ้าเราแห้งดีแล้ว สะอาดแล้ว แต่เมื่อมีละอองความชื้นอยู่ แบคทีเรียก็จะเติบโตระหว่างวัน ยิ่งไปเจอกับบริเวณจุดอับหรือส่วนที่เหงื่อออกเยอะๆ เช่น รักแร้ กลิ่นเหม็นอับนั้นก็คละคลุ้งไปทั่วนั่นเอง

พอเราไม่รู้ ก็ไม่ได้สะกิดใจ แต่พอมีคนทัก เราก็ยิ่งเสียความมั่นใจ เหตุนี้การที่เราสวมใส่เสื้อผ้าที่ส่งกลิ่นอับชื้นจึงส่งผลต่อบุคลิกโดยตรง ขณะที่เชื้อโรคเหล่านี้ยังสามารถปะปนกับอากาศที่เราใช้หายใจได้อีกด้วย

 

  • ซักผ้าหน้าฝน

เช่นนี้แล้วการซักผ้าในช่วงไม่มีแดดต้องทำอย่างไร? คำตอบนี้ในยุคปัจจุบันมีตัวช่วยเยอะมาก ตั้งแต่การลงทุนซื้อ “เครื่องอบผ้า” ที่ทำให้เสื้อผ้าแห้งเร็ว ทำให้แบคทีเรียไม่มีเวลามากพอที่จะเจริญเติบโตเพื่อสร้างกลิ่นอับบนเสื้อผ้าของเรา การใช้นวัตกรรมสเปรย์ฉีดดับกลิ่นเสื้อผ้า หรือเพื่อป้องกันการสะสมของแบคทีเรียเป็นลำดับถัดไป

- การซักเสื้อผ้าในช่วงหน้าฝนมีคีย์หลักที่จะช่วยลดกลิ่นอับ ได้แก่

1.การเลือกผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดกลิ่นอับ หรือสูตรซักผ้าตอนกลางคืนที่สดชื่นได้ไม่ง้อแดด ผลิตภัณฑ์ซักผ้ากลุ่มนี้จะมีเทคโนโลยีแอนตี้แบคทีเรีย หรือเลือกสูตรที่ทำความสะอาดอย่างล้ำลึกถึงระดับเส้นใย ก็สามารถลดปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ได้

\"ซักผ้าหน้าฝน\" ต้องรู้ไว้ \"ผ้าเหม็นอับทำอย่างไร\" แก้ไขจากตรงไหนได้บ้าง?

2. การล้างเครื่องซักผ้า วิธีการนี้จะช่วยกำจัดเชื้อโรค และยังช่วยดูว่ามีผงซักฟอกที่อาจตกค้างหรือไม่ เพราะแม้ผงซักฟอกจะช่วยทำความสะอาดเสื้อผ้าให้เรา แต่หากล้างผงซักฟอกไม่หมด ก็ส่งผลให้ตกค้างอยู่ในเนื้อผ้าได้

3.ควรใช้น้ำยาปรับผ้านุ่ม หรือถ้าไม่ชอบความนุ่มของผ้าก็สามารถใช้น้ำยาฆ่าเชื้อโรคที่ไม่เป็นอันตรายต่อผิวใส่ในน้ำ

4. ถ้าพลาดที่เสื้อมีกลิ่นอับไปแล้ว ควรที่จะซักผ้าด้วยสารที่มีฤทธิ์เป็นด่างอย่างโซดาแอช (Soda ash) หรือใช้เบคกิ้งโซดาใส่ลงไปตอนซักเพิ่มขึ้นด้วย

ลองเลือกดูวิธีที่เราสะดวก หรือจะทำทุกข้อก็ไม่มีใครว่า เพราะต้องอย่าลืมว่า “กลิ่นอับติดเสื้อผ้า” เป็นปัญหาที่เหมือนจะเล็กแต่สร้างความทุกข์ที่ยิ่งใหญ่ในช่วงหน้าฝนเลยทีเดียว

อ้างอิง : บทความวิจัย “ฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียและขจัดกลิ่นของสเปรย์ขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์สำหรับผ้าฝ้ายและผ้าไหม”  วารสารเกษตรพระวรุณ (PRAWARUN AGRICULTURAL JOURNAL 2021) , เฟสบุ๊ค เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว