ประท้วง! ค่าตั๋วแหล่งเที่ยวมรดกโลกชม"กิ้งก่ายักษ์"อินโดนีเซีย แพงเว่อร์

ประท้วง! ค่าตั๋วแหล่งเที่ยวมรดกโลกชม"กิ้งก่ายักษ์"อินโดนีเซีย แพงเว่อร์

ถ้าอยากชม"กิ้งก่ายักษ์" หรือมังกรโคโมโด ในแหล่งท่องเที่ยวมรดกโลกของอินโดนีเซีย ต้องคิดใหม่แล้ว เพราะค่าตั๋วเข้าชมสูงลิบลิ่ว ทำให้ประชาชนออกมาประท้วง

นับตั้งแต่ต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เรื่องราวของมังกรโคโมโด สัตว์ตระกูลกิ้งก่าสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีฟันและเขี้ยวอันแหลมคมและมีพิษร้ายในอุทยานในอินโดนีเซีย กลับมาเป็นข่าวอีกครั้ง

หลังจากห่างหายไปจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ทำให้อุทยานแห่งชาติโคโมโดซึ่งตั้งอยู่ในเขตที่ถือได้ว่ายากจนที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศต้องปิดไปโดยปริยาย

มังกรโคโมโดที่อินโดนีเซีย

ก่อนหน้านี้ ผู้คนในเขตนี้และใกล้เคียง อยู่ได้ด้วยรายได้จากนักท่องเที่ยวที่พากันหลั่งไหลเข้าไปยลโฉมเจ้ามังกรตัวเบิ้มลิ้นยาวนี้ เมืองลาบวน บาโจ ซึ่งเป็นประตูสู่อุทยานแห่งชาติโคโมโดมีนักลงทุนและนักธุรกิจเข้าไปลงทุนในธุรกิจที่พักและโรงแรมระดับดาวจำนวนมาก

คาดกันว่ามีโคโมโดอาศัยอยู่ในอินโดนีเซียประมาณ 3,300 ตัว และพวกมันสามารถมีลำตัวยาวได้ถึง 3 เมตรเลยทีเดียว และสามารถฆ่าเหยื่อได้โดยการกัดเพียงครั้งเดียว พวกมันกระจายตัวอยู่บนเกาะ 3 เกาะของอุทยานแห่งชาติโคโมโด

การประท้วงเกิดขึ้นหลังจากทางการอินโดนีเซียประกาศเปิดเปิดอุทยานอีกครั้งหนึ่ง แต่ที่เปลี่ยนไปคือ

การขึ้นราคาตั๋วเข้าชมอุทยานสูงจากเดิมถึง 18 เท่า เป็น 3.75 ล้านรูเปียห์หรือประมาณ 9,600 บาทต่อคน

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นักท่องเที่ยวจ่ายเพียง 200,000 รูปีหรือ 480 บาทเท่านั้น ราคาใหม่นี้เริ่มใช้แล้วตั้งแต่ 1 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยรัฐบาลอ้างว่า จะนำเงินที่ได้มาใช้ในการอนุรักษ์อุทยานที่เป็นที่อาศัยมังกรโคโมโดและจะเป็นการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้มากไปด้วย

ประท้วง! ค่าตั๋วแหล่งเที่ยวมรดกโลกชม\"กิ้งก่ายักษ์\"อินโดนีเซีย แพงเว่อร์ (โคโมโดไม่ชอบให้เข้าไปใกล้ตอนกำลังกินอาหาร)

 

ประท้วง! ค่าตั๋วแหล่งเที่ยวมรดกโลกชม\"กิ้งก่ายักษ์\"อินโดนีเซีย แพงเว่อร์ (มังกรโคโมโด สัตว์ตระกูลกิ้งก่าสายพันธุ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีฟันและเขี้ยวอันแหลมคมและมีพิษร้ายในอุทยานในอินโดนีเซีย)

ประท้วงขึ้นค่าตั๋วชมโคโมโด

เรื่องนี้ทำให้ผู้ที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวในพื้นที่ตัดสินใจรวมตัวกันมาประท้วง พวกเขาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการขึ้นค่าเข้าชม เพราะราคาตั๋วที่แพงขนาดนั้นจะทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้พวกเขาขาดรายได้ พวกเขาประกาศว่า จะประท้วงกันทั้งเดือนสิงหาคมจนกว่าจะได้รับคำตอบที่พอใจ

ลีโอ เอ็มโบ ไกด์บริษัททัวร์ ซึ่งเป็นสมาชิกหนึ่งใน 24 สมาคมของพนักงานท้องถิ่นโอดครวญว่า นี่จะทำให้เกิดความไม่แน่นอน พวกเขาตัดสินมาออกมาประท้วง ถึงแม้จะทำให้ขาดรายได้ เขาว่า นี่อาจจะเป็นการฆ่าตัวตายก็ได้

วิคตอร์ ไลโคดัด ผู้ว่าราชการท้องถิ่นเห็นด้วยว่า ก่อนประกาศการขึ้นค่าเข้าชม ควรมีการพูดคุยและปรึกษากันมากกว่านี้ แต่เขายืนยันว่า การขึ้นราคานี้จะดำเนินต่อไป และไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ

เซอเวียนัส เซเทียวัน ไกด์อีกคนให้สัมภาษณ์ว่า พวกเราสนับสนุนการอนุรักษ์โคโมโด แต่อยากขอร้องทางการว่า ค่าตั๋วเข้าชมไม่ควรแพงเกินไป ควรเป็นตัวเลขที่สามารถอนุรักษ์โคโมโดและช่วยเหลือปกป้องผู้คนที่ทำมาหากินกับการท่องเที่ยวให้อยู่ได้ด้วย

สถานีโทรทัศน์ คอมปาสรายงานข่าวการเผชิญหน้ากันระหว่างตำรวจและผู้ประท้วง สื่อท้องถิ่นก็รายงานว่า มีผู้ประท้วงหลายสิบคนโดนจับ ส่วนรัฐมนตรีท่องเที่ยว ซานเดียกา อูโนก็ออกมาขอให้ผู้ประท้วงเจรจากับรัฐบาล

ประท้วง! ค่าตั๋วแหล่งเที่ยวมรดกโลกชม\"กิ้งก่ายักษ์\"อินโดนีเซีย แพงเว่อร์ (ประชาชนอินโดนีเซีย ประท้วงค่าตั๋วชมกิ้งก่ายักษ์แพงเกินเหตุ ทำให้นักท่องเที่ยวหายไป)

กิ้งก่ายักษ์ในพื้นที่มรดกโลก อุทยานโคโมโด

ก่อนหน้านี้ ทางการอินโดนีเซียมีแผนที่จะปิดอุทยานโคโมโดโดยสิ้นเชิง หรือแม้แต่จะจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวด้วยแคมเปญให้จ่ายค่าสมาชิกราคาแพง ประมาณ 35,000 บาทเลยทีเดียว

เกาะโคโมโดและเกาะใกล้เคียงอันสวยงามตั้งอยู่ในจังหวัดนูซา เต็งการาตะวันออกและได้รับการจัดให้เป็นพื้นที่มรดกโลกของยูเนสโกและมีนักท่องเที่ยวกว่า 222,000 คนมาเที่ยวที่นี่เมื่อปี 2019 ก่อนการแพร่ระบาดของโควิด 19

ความพยายามของรัฐบาลอินโดนีเซียที่จะพัฒนาพื้นที่อุทยานโคโมโด เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวประสบปัญหาและการคัดค้านมาโดยตลอด

ในปี 2020 เมื่อมีการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ก็ปรากฎภาพมังกรโคโมโดตัวหนึ่งเผชิญหน้ากับรถบรรทุกที่เข้าไปก่อสร้างในพื้นที่นั้น

เมื่อมีการแพร่ภาพนี้ออกไปอย่างกว้างขวางในสื่อออนไลน์และโซเชียลมีเดีย ทำให้หลายๆ ฝ่ายไม่พอใจที่ทางการอินโดนีเซียเข้าไปรบกวนที่อยู่อาศัยของกิ้งก่ายักษ์นี้

ประท้วง! ค่าตั๋วแหล่งเที่ยวมรดกโลกชม\"กิ้งก่ายักษ์\"อินโดนีเซีย แพงเว่อร์

(รัฐบาลอินโดนีเซีย พยายามจะพัฒนาพื้นที่อุทยานโคโมโดให้เป็นจูราสสิคพาร์ค ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบ แต่ประชาชนไม่เห็นด้วย)

ดินแดนจูราสสิคพาร์ค

การก่อสร้างนี้ทำภายใต้แผน เพื่อพัฒนาเกาะโคโมโดให้เป็น “จูราสสิคพาร์ค” ของโลกปัจจุบัน ทางการตั้งใจทำให้ที่นี่เป็นที่ท่องเที่ยวเทียบเท่ากับสถานที่ท่องเที่ยวอันโด่งดังอื่นๆ ของประเทศเช่น บาหลี ทะเลสาปโทบาในสุมาตราเหนือ ลอมบอกในนูซา เต็งการาตะวันตกและซุมบาในเอ็นทีที

จูราสสิคพาร์คนี้จะประกอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทุกรูปแบบซึ่งรวมทั้งโรงแรมและสวนสนุก ทางการอินโดนีเซียเดินหน้าทำตามแผน ถึงแม้ว่าจะถูกคัดค้านจากหลายฝ่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักสิ่งแวดล้อมที่คัดค้านแผนนี้ว่า จะทำให้ระบบนิเวศน์ของเกาะและที่อยู่อาศัยของกิ้งก่ายักษ์ถูกทำลาย

ในปี 2017 ลอน ลี อัลเล่ย์ นักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์วัย 50 ปีโดนโคโมโดนี้กัดขาซ้ายทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่อุทยานกล่าวว่า นี่เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยนัก เข้าใจว่า เขาคงพยายามเข้าไปถ่ายรูปมันและเข้าไปใกล้เกินไป ทั้งที่เจ้าหน้าที่เตือนแล้ว

ซูดิ โยโน หัวหน้าอุทยานให้สัมภาษณ์ว่า โคโมโดไม่ชอบให้เข้าไปใกล้ตอนกำลังกินอาหาร นักท่องเที่ยวน่าจะเข้าไปใกล้มันเกินไปและเหตุการณ์นี้เกิดในพื้นที่ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในเขตปลอดภัยที่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปได้

การประท้วงยังดำเนินต่อไปตลอดเดือนสิงหาคม หรือจนกว่าจะมีการตกลงกันได้ในเรื่องค่าตั๋วเข้าชมอุทยาน

ซึ่งแน่นอนว่า นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ คงต้องช่วยกันเชียร์ฝ่ายประท้วงเพื่อที่ว่า จะได้ไม่ต้องจ่ายค่าตั๋วเข้าชมขนาดนั้น

...........................

รูปและเรื่อง : ซีเอ็นเอ็น เดอะจาการ์ต้าโพสต์ คอมปาส บีบีซี