"โบกี้ ไลอ้อน" ศิลปินเสียงดี ผู้ผลิตผลงานเองทุกขั้นตอน

"โบกี้ ไลอ้อน" ศิลปินเสียงดี ผู้ผลิตผลงานเองทุกขั้นตอน

ศิลปินสาวผู้เติบโตมากับเสียงเพลงที่แม่ร้องให้ฟัง โดยไม่ได้คิดว่าจะทำเป็นอาชีพได้ รู้แค่ว่าชอบร้องเพลงและมีความสุขกับสิ่งนี้

โบกี้ ไลอ้อน (Bowkylion) ศิลปินหญิงที่มีเอกลักษณ์ มีความเป็นตัวของตัวเอง สังกัดค่ายเพลง What The Duck (วอท เดอะ ดัก) เธอมีความสามารถที่โดดเด่น ผลิตผลงานเพลงทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง 

เธอเป็นเจ้าของเพลงฮิตติดชาร์ต เช่น ลงใจ คงคา คิดถึงแต่ ยิ้มมา ซับ คนไข้ มียอดวิวทะลุหลักล้านทุกเพลง นอกจากนี้ยังเป็นศิลปินหญิงที่มียอดสตรีมมิง Spotify เป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย

เจ้าของรางวัลศิลปินหญิงยอดเยี่ยมแห่งปี คมชัดลึกอวอร์ด ครั้งที่ 17 เป็นหนึ่งในศิลปินหญิงที่ปรากฎตัวในบิลบอร์ดใจกลางนิวยอร์ก โปรเจ็กต์ Spotify EQUAL ที่รวบรวมเพลงของศิลปินหญิงจากทั่วโลก เพื่อเฉลิมฉลอง วันสตรีสากล เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 65 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้เธอยังเป็นเจ้าของวลีฮิต ดงปราคช มาจากการตอบคำถามแฟนๆ ผ่านทางสตอรี่ IG เป็นคำที่แกล้งพิมพ์ผิด โดยไม่ได้ตั้งใจ  

และนี่คือบทสนทนากับสาวน้อยโบกี้ ที่มีชื่อจริงว่า พิชญ์สินี วีระสุทธิมาศ ...

"โบกี้ ไลอ้อน" ศิลปินเสียงดี ผู้ผลิตผลงานเองทุกขั้นตอน

  • ชีวิตวัยเด็กเป็นอย่างไรบ้าง

เป็นคนกรุงเทพฯ เกิดนนทบุรี คุณแม่รับจ้างทั่วไป ชีวิตวัยเด็กฐานะไม่ค่อยดี อาศัยอยู่ในบ้านเช่า ตอนแรกเรียนโรงเรียนแถว ๆ บ้าน แล้วมาเรียนต่อที่โรงเรียน สตรีวิทย์ จริง ๆ เรียนไม่เก่งนะ ติดตัวสำรอง

  • ตอนเด็ก ๆ ฝันว่าอยากเป็นอะไร

ตอบตลกนิดหนึ่งนะ ความฝันวัยเด็ก อยากเป็น ดาวโป๊ ค่ะ เพราะว่าตอนเด็กๆ อายุ 3-4 เดินเล่นอยู่ในบ้าน แล้วมีญาติ ๆ มาถามว่า ทำไมหนูเดินโป๊อย่างนี้ เป็นผู้หญิงโป๊อย่างนี้ได้ยังไง โตขึ้นจะเป็นดาวโป๊นะ

เราก็คิดว่า ถ้าโป๊ แล้วมันมีความสบายใจ งั้นโตขึ้นไปเป็นดาวโป๊ละกัน เวลาครูอนุบาลถามอยากเป็นอะไรคะ ตอบอยากเป็นดาวโป๊ เป็นเรื่องเลย ครูถามว่าไปเอาคำนี้มาจากไหน

  • ตอนเรียนที่โรงเรียนสตรีวิทย์เป็นเด็กกิจกรรมไหม

เป็นคนเงียบ ๆ เป็นนักกีฬา ยิมนาสติกลีลา ใช้อุปกรณ์ ห่วง คฑา เราคิดมาตลอดว่านี่คือความสามารถของเรา แต่พอเรียนมา 15 ปี อยู่ดี ๆ ก็คิดว่าเราเต้นไม่ได้ เราทำท่าไม่สวย ถ้าไม่ดูกระจก เราไม่สามารถสรรสร้างสิ่งนั้นขึ้นมาได้เอง ก็เลยรู้สึกผิดหวังในตัวเองช่วงหนึ่ง แล้วก็เลิกเล่นไปเลยค่ะ

  • ไม่งั้นคงได้เป็นนักกีฬายิมนาสติกไปแล้ว ?

ตอนเรียนที่โรงเรียน สตรีวิทย์ เรียนสายวิทย์-คณิต เป็นคนชอบ วิทยาศาสตร์ แต่ไม่เก่งคณิตเลย แล้วทำได้ไม่ดี จนตัวเองแอนตี้ คณิตศาสตร์ มาก ๆ เราชอบชีววิทยา แต่เรื่องบวกลบคูณหารหาค่าพายอาร์ ไม่ได้เลย เลยตกวิชาคณิต

ตอนแรกคิดว่าเราจะเรียนต่อ สายศิลป์-ญี่ปุ่น เพราะตอนเด็ก ๆ เคยไปแลกเปลี่ยนที่ญี่ปุ่นพักหนึ่ง แฮปปี้มาก ถ้าได้เรียนที่นั่นก็น่าจะดี

"โบกี้ ไลอ้อน" ศิลปินเสียงดี ผู้ผลิตผลงานเองทุกขั้นตอน

  • อะไรเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตที่ทำให้สนใจดนตรี

ไปดูดนตรีที่ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล แค่วันเดียว มีพี่คนหนึ่งที่เราไม่รู้จักมาทักทายแม่เรา แล้วบอกว่าเขาเรียนที่นี่เอก ขับร้อง (voice) 

เราก็ดันไปพูดกับเขาว่า แล้วเจอกันนะคะ จริง ๆ ก็ไม่ได้อยากเรียนขนาดนั้น แต่แม่บอกว่ามันดีจริง ๆ เลยซื้อใบสมัคร ในรุ่นของโบมีให้สอบ 4 รอบ 

จริง ๆ จะสอบตั้งแต่รอบแรกแล้ว แต่ไม่รู้ว่าเป็นดนตรีแบบไหน คิดว่าคงไม่ต้องทำอะไร แค่ร้องเพลง แต่จริง ๆ แล้วมันมีมากกว่านั้น

เราต้องเรียน ดนตรีคลาสสิค มีการร้อง โอเปร่า ต้องฝึก ภาษาอิตาเลียน เยอรมัน ฝรั่งเศส สเปน เราร้องโอเปร่าไม่ได้ แล้วคิดว่าเราเป็นใครจะมาร้องโอเปร่า ก็เลยไม่ได้สอบรอบ1-3 คิดว่าไม่ไปแล้ว 

สุดท้ายแม่บอกว่าเสียดายค่าใบสมัคร 2500 บาท ก็เลยไปสอบ เรื่องภาษาก็หารุ่นพี่ที่เรียนอยู่ที่นั่นสอนให้ เราพออ่านได้ แล้วสอบติด ก็เลยเข้าไปเรียนค่ะ เป็นเตรียมอุดมดนตรี ม.4 College Of Music เป็น Young Artist

  • มาเรียนด้านนี้แล้ว ความฝันเปลี่ยนไปไหม 

ไม่กล้าฝันหรอกค่ะว่าจะเป็น นักร้อง เราใช้ชีวิตกับ ดนตรี มาตลอด จนไม่ได้คิดแล้วว่านี่คือสิ่งที่ทำเป็นอาชีพ มันคือ ความรัก

เราเกิดมาเราก็ ร้องเพลง แม่ก็สอนเพลงนู่นนี่นั่น เราดู ดิสนีย์ ก่อนนอนก็ร้องเพลงกล่อมกัน อยู่อย่างนี้จนเป็นชีวิต เป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเรา

ไม่ได้คิดว่าอวัยวะชิ้นนี้จะทำหน้าที่หาเงินให้เราได้แต่อย่างใด เราแค่ทำมันไปเรื่อย ๆ พอมาเรียนดนตรี ก็ไม่ได้มีความฝันอยู่ดี

แต่พอได้เรียนวิชาหนึ่งเกี่ยวกับการดูแลศิลปิน ก็รู้สึกว่าอันนี้มันใช่มากเลย มีความคิดว่าอยากเป็น ผู้จัดการศิลปิน เพราะนักดนตรีมีหลายแบบ แต่พอจบมา เราดันเป็น ศิลปิน ซะเอง ก็ดูแลตัวเองไม่ได้ค่ะ

"โบกี้ ไลอ้อน" ศิลปินเสียงดี ผู้ผลิตผลงานเองทุกขั้นตอน

  • จุดเริ่มต้นที่อยากจะทำเพลงมาจากไหน

จริง ๆ ไม่ได้คิดว่าตัวเองทำเพลงได้ คิดแค่ว่า Cover ได้เฉย ๆ แต่เป็นคนชอบเรียบเรียงคำพูดต่าง ๆ ให้เป็นภาษาที่สละสลวย ก็เลยลองแต่งดู

ตอนแรกก็แต่งส่งอาจารย์ เทอมละหนึ่งเพลง แล้วเพลงของเราก็กลายเป็นที่พูดถึง เราทำเนื้อร้อง ทำนอง ทำทุกอย่างเองหมดเลย 100 เปอร์เซนต์ เราก็รู้สึกว่าเราแต่งได้จริง ๆ เหรอ เราฟังเองยังรู้สึกเขินเลย

จนเพลงที่ส่งอาจารย์กลายมาเป็นซิงเกิลที่ปล่อยเอง ชื่อเพลงว่า "เอาเลย" เพลงนี้ทำให้ค่ายเพลงรู้จักกับโบด้วย ยอดวิวไม่เยอะ ไม่ค่อยมีคนดูนะ แต่มันเป็นโบในช่วงนั้น ที่เราทำเองทุกอย่าง

  • เรื่องที่ทำเอ็มวี (MV)เอาความรู้มาจากไหน

เรื่องเพลงเราควบคุมทุกอย่าง เนื้อร้อง ทำนอง แต่มีผู้ช่วยทางด้านจัดการ (arrange ) แฟนของโบ ยี่-ชยปัญญ์ จันทรานุสนธิ์ มือเบสวง Safeplanet มาช่วยทุกอัลบั้ม จัดการให้ทุกเพลง

โปรดิวซ์ ก็จะมีสองคนคือ เรากับเขา เราจะขึ้นเพลง ขึ้นโครงมาก่อนทั้งหมด ดนตรี ทำนอง จังหวะ ภาพลักษณ์ วางรูปตัวเองในภาพไหน เพลงนี้จะเป็นแบบไหน พอดีไซน์เสร็จ เราก็ทำให้เป็นภาพด้วยการร่างมันขึ้นมา สร้างดนตรีเอง 

เสร็จแล้วก็มาประชุมกันสองคนว่า เราจะทำดนตรีแบบนี้ ยี่ก็จะไปเวิร์คมา เราอยู่ด้วยกันทุกขั้นตอน ค่ายก็ไม่รู้ด้วย พอเขาอยากปล่อยอันนี้มาขอ เดโม่ ไม่ให้ค่ะ ไม่ให้ค่ายฟัง

เพราะอยากให้เซอร์ไพรส์ ค่ายก็จะเซอร์ไพรส์แบบจะออกวันนี้จริง ๆ เหรอ  เป็นค่ายที่ให้อิสระศิลปินมาก ๆ เลยค่ะ อะไรที่เราอยากทำ ก็ซัพพอร์ทให้ทุกอย่าง แล้วก็ไม่ตัดสินใด ๆ

"โบกี้ ไลอ้อน" ศิลปินเสียงดี ผู้ผลิตผลงานเองทุกขั้นตอน

  • ตอนที่ทำเพลงเอง ปล่อยเพลงเอง นานแค่ไหนกว่าจะเข้าสังกัดค่ายเพลง

7-8 ปีค่ะ ถ้าเรียกว่าทำ ยูทูบ ทำเองมาตั้งแต่อยู่ ม.3 ไม่ได้คิดว่าจะทำอะไรให้คนมาดู ให้เป็นสาธารณชน คนเราโตมาเป็นวัยรุ่น มันก็ต้องมี รัก โลภ โกรธ หลง อกหัก ก็อยากร้องอะไรก็ได้ที่เราอิน

ฟังคนเดียว หรือส่งต่อความรู้สึกของตัวเรา ได้ระบายอะไรบ้าง อุปกรณ์ที่มีอย่างเดียวคือ ไอโฟน เราก็อัดไป ทำไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้เปิดหน้าว่าเราเป็นใคร เราอินอยู่ท่อนเดียว ก็จะร้องแค่นั้น

สักพักหนึ่งเริ่มมีคนติดตามจากพันเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้าน ผู้ติดตามถามมาว่า ทำไมโบกี้ร้องเพลงแค่ 11 วินาที ไม่ร้องให้มันจบ เราก็คิดว่าแล้วยังไง ฉันอินแค่นี้ ฉันจะร้องแค่นี้

ก็คิดว่าคนเราจะต้องร้องในสิ่งที่เราไม่รู้สึกจริง ๆ เหรอ ฉันจะโกหกผู้บริโภคได้จริง ๆ เหรอ ซึ่งความคิดแบบนี้ เป็นความคิดที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพเอาเสียเลยค่ะ

ในความเป็นศิลปิน เป็นนักดนตรี นักร้อง ต้องร้องเพลงได้ทุกอย่าง มันต้อง Defend ตัวเองได้ว่า กำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่

โบใช้เวลาหลายปีในการตกลงกับตัวเองว่า เราจะต้องรู้สึกแค่ 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเองได้แค่ 50 อีก 50 เป็นสิ่งที่คนอื่นอยากให้เราเป็น

  • ก่อนมาอยู่ค่ายเพลง มีเพลงที่แต่งไว้เยอะไหม

มีหลายเพลงเลยค่ะ แต่ไม่กล้าปล่อย เพราะเขิน เพลงแรก ๆ ที่จะปล่อย แต่สุดท้ายไม่มั่นใจ ไม่ปล่อยดีกว่า แล้วก็หายไปค่อนข้างนานเพื่อไปหาตัวเองว่าจริง ๆ แล้ว เราเป็นคนยังไงกันแน่ เราอยากเป็นตัวเองในแบบไหน 

เพราะที่ผ่านมา เวลาเรา Cover คนอื่น เหมือนเอาเรื่องราวคนอื่นมาเล่าในแบบของเรา ซึ่งที่เขาทำมา มันก็สวยงามอยู่แล้ว แต่พอมาเป็นเพลงตัวเอง เหมือนเราต้องเล่าเรื่องนี้เรื่องใหม่

คนจะเชื่อเราไหมว่าเรารู้สึกแบบนี้ คนจะสัมผัสได้จริง ๆ หรือเปล่า มันก็คือการบ้านของคนแต่งเพลง พอเราทำมาเรื่อย ๆ เราก็รู้สึกว่าเราไม่เสียดายเลยกับสิ่งที่เราทำไป

  • เพลงที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ ต่างจากเพลงที่ทำในสังกัดค่ายเพลงอย่างไร

มีความเป็นตัวเองสามแบบค่ะ หนึ่ง.เป็น โบกี้ไลอ้อน ที่กำลังคุยอยู่ ที่ทุกคนเห็น ชอบร้องเพลง ชอบแต่งเพลง สอง.เป็น บัวคลี่ ก็คือคนที่ทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ เป็นคนที่ก้าวออกจากเซฟโซน รักสัตว์ มีความขี้สงสารมาก

สาม.เป็น บาร์กี้ ด้านมืดของตัวเอง มีความตรงไปตรงมา กล้าเผชิญกับทุกปัญหาด้วยความไม่กลัว เพราะจริง ๆ แล้ว โบกี้กับบัวคลี่ ขี้กลัว ขี้กังวลมาก

  • การเป็นศิลปินไม่สังกัดค่ายกับสังกัดค่ายเพลงต่างกันอย่างไร

ทำงานในค่ายเพลงน่าจะ 5 ปีแล้ว สิ่งที่ได้จากค่ายคือ การผลักดันศิลปิน ซึ่งเราเป็นคนไม่ค่อยผลักดันตัวเองเท่าไร ถ้าพูดกันตามความจริงแล้ว มีความรู้สึกว่า เราไม่ได้อยากดัง

คือ เราอยากเป็นศิลปิน แสดงศิลปะที่เราได้สร้าง แต่ไม่ได้อยากให้คนมารู้จักหรืออยากให้ตัวเองวางตัวเป็นแบบแผนของคนทั่วไป

"โบกี้ ไลอ้อน" ศิลปินเสียงดี ผู้ผลิตผลงานเองทุกขั้นตอน

  • ไม่ได้อยากเป็นต้นแบบของใคร ?

ต้องยอมรับว่า ส่วนใหญ่ คนสาธารณะ จำเป็นจะต้องเป็นต้นแบบให้คนอื่น เพราะเขาก็จะมองเรา มองการใช้ชีวิตของเรา เอาจริง ๆ เราก็ไม่ได้รู้สึกว่าเราทำได้ดีขนาดนั้น 

ถ้าคิดแต่เรื่อง ศิลปะ อย่างเดียว มันคงจะดี ถามว่าเป็นไปได้ไหม เป็นไปไม่ได้ เพราะเรายังต้องกินข้าวอยู่ไง นี่คือสิ่งที่รัก คือสิ่งที่ใช่ คืออาชีพ เพราะฉะนั้นเงินจึงเป็นส่วนหนึ่ง

ถ้าถามว่าเราทำเพื่อเงินร้อยเปอร์เซนต์เลยไหม ก็ไม่นะคะ เหมือนการได้ทำสิ่งที่เรารัก แล้วสิ่งนี้ก็รักเราด้วย มันคือ ความสุขของชีวิต แม้จะได้เงินมาเท่าไร มันก็เทียบไม่ได้กับความสุขที่เราได้

  • มีแผนการใช้ชีวิตอย่างไร

เป้าหมายในชีวิตคือ อยากอยู่บ้านเลี้ยงหมาค่ะ ตอนนี้เลี้ยงไว้สองตัว ชื่อ หมี กับ ปลาทู หมีเป็นพันธุ์ปอมเมอเรเนียลสีขาว ปลาทูเป็นชิบะอีนุสีดำ เราเป็นคนชอบสัตว์ ถ้าเลี้ยงสัตว์ก็ต้องมีชื่อเป็นสัตว์ด้วย

  • เล่าถึงที่มาชื่อโบกี้ ไลอ้อน สักนิด ? 

เราชอบเปรียบเทียบว่า ถ้าเราและคนอื่นเป็นสัตว์ จะเป็นสัตว์อะไรบ้าง เราชอบสัตว์มาก ไม่ได้คิดว่าสัตว์ต่างจากมนุษย์ เราก็เป็นสัตว์เหมือนกัน แล้วชอบคิดว่าคนนี้ดูลักษณะแล้ว เขาเหมือนเต่าเลย 

ถ้ามองตัวเราเองบ้าง เราจะเป็นอะไร อย่าง สิงโตตัวเมีย คือคนทำงาน เป็นนักล่า สิงโตตัวผู้จะเฝ้าอยู่ที่รังมากกว่า สิงโตตัวเมียไม่มีแผงคอ สิงโตตัวผู้จะมีแผงคอ โบกี้ไลออนคือ ผู้หญิงทำงานที่สามารถมีแผงคอ ทั้งที่ไม่ใช่ตัวผู้

  • มีคำแนะนำสำหรับคนที่อยากเป็นศิลปินทำเพลงบ้างไหม

ความฝันของคนทำเพลงก็คือแค่ทำอย่างเดียว ถ้ายังทำต่อไป สักวันมันก็ต้องเป็นวันของเรา ถึงมันจะไม่ดัง หรือคนจะไม่ฟังก็ตาม แต่อย่างน้อยเราได้ทำ 

ทำไปเรื่อย ๆ มันก็ดีเอง เรามีความรู้สึกว่าถ้าเรารักสิ่งที่เราทำมาก ๆ สิ่งนั้นจะรักเราตอบเหมือนกัน แล้วสุดท้ายเราทั้งคู่ก็จะมีความสุข นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด