"กาแฟรสพระทำ" เมื่อนักบวชเปิด "โรงคั่วกาแฟ"

อดีตกาล "กาแฟ" เคยเป็นเครื่องดื่มต้องห้ามของคริสต์ศาสนา แต่ปัจจุบันกาแฟกลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่พระหรือ "นักบวช" หลายนิกายในคริสต์ศาสนา ผลิตออกจำหน่ายจนกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ
มีเรื่องเล่าขานว่า ในศตวรรษที่ 16 เครื่องดื่ม กาแฟ ถูกประณามจากโบสถ์คริสต์ต่างๆในยุโรปว่าเป็น "เครื่องดื่มปิศาจ" หรือ "น้ำขมจากซาตาน" ถือเป็นสิ่ง "นอกกฎหมาย" จนพระสันตะปาปาเคลมองต์ที่ 8 ได้ทรงทดลองชิมกาแฟด้วยตัวเอง แล้วเอ่ยขึ้นว่า “เครื่องดื่มของซาตานถ้วยนี้...อร่อยมาก เราควรโกงปิศาจด้วยการล้างบาปให้กาแฟเสียเลย” พร้อมทำพิธีบัพติศมา (Baptize) รับกาแฟเข้าไว้ในศาสนาคริสต์นับจากบัดนั้นมา
ปัจจุบัน “กาแฟ” กลายมาเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่พระหรือนักบวชหลายนิกายในคริสต์ศาสนา ผลิตออกจำหน่ายจนกลายเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญ เพื่อดำรงชีวิต, เพื่อกิจการทางศาสนา เช่น ซื้อที่ดินสร้างโบสถ์หรือที่อยู่อาศัยของพระ และเพื่อตอบแทนสังคมในรูปแบบการกุศล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กาแฟคั่วบดที่ผลิตโดย “คณะนักบวช” ในสหรัฐอเมริกา ดูจะได้รับความนิยมจากชุมชนโดยรอบอารามอยู่ไม่น้อย มีร้านกาแฟและร้านค้าปลีกนำไปจำหน่าย รวมไปถึงลูกค้าจากต่างประเทศก็สามารถเข้ามาซื้อทางเว็บไซต์ออนไลน์ได้ด้วยเช่นกัน
เท่าที่ผู้เขียนทราบมา เครื่องดื่มจากฝีมือพระทำที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ก็เห็นจะเป็น เบียร์แทรปปิสต์ (Trappist beer) ซึ่งเป็นเบียร์ที่ผลิตขึ้นโดยคณะนักบวชนิกายแทรปปิสต์ในยุโรป โดยเฉพาะในเบลเยียม มีสมาคมทราปปิสต์ระหว่างประเทศเป็นผู้กำหนดกฎระเบียบการผลิต เน้นที่ต้องไม่เป็นกิจการที่แสวงหากำไร และต้องทำกันภายในเขตรั้วบริเวณวัดเท่านั้น
แม้เบียร์รสพระทำโด่งดังในยุโรป แต่ กาแฟรสพระทำ ในฝั่งสหรัฐอเมริกานั้นมีชื่อเสียงมากทีเดียว
เนื่องจากไม่ได้มีเงินบริจาคเข้ามามากมายอะไรนัก บราเธอร์หรือนักบวชที่คั่วกาแฟขายหาทุนใช้ในกิจการของสงฆ์ ถือเป็นเรื่องปกติในสหรัฐอเมริกา ที่ดูเหมือนจะเป็นข่าวและพูดถึงกันมากตามเว็บไซ ก็คือ โรงคั่วกาแฟ "มีสติค มังค์ ค๊อฟฟี่" (Mystic Monk Coffee) ของวัด Carmelite Monks of Wyoming ในรัฐไวโอมิ่ง เปิดดำเนินธุรกิจคั่วกาแฟจำหน่ายมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2007 หรือ 15 ปีมาแล้ว มีโลโก้แบรนด์เป็นรูปพระยืนจิบกาแฟ ท่ามกลางขุนเขาและฟ้าใสๆ สอดคล้องกับสถานที่ตั้งของวัดที่อยู่บนเทือกเขาร็อคกี้
จุดประสงค์ของการเปิดโรงคั่วกาแฟรสพระทำ "มีสติค มังค์ ค๊อฟฟี่" นั้น ก็เพื่อหาทุนรอนมาสานต่อสิ่งปลูกสร้างต่างๆภายในวัดให้เสร็จ และเพื่อใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในฐานะนักบวช อย่างไรก็ดี ต้องยึดจับกฎข้อบัญญัติไว้แน่นๆ ตรงที่ว่า การขายกาแฟเป็นเพียงกิจการรองจากกิจกรรมหลักทางศาสนา
ในระยะแรกๆ มีการซื้อสารกาแฟจากมาคั่ว ใช้ “กระทะเหล็กหล่อ” เป็นอุปกรณ์ มีโรงครัวของวัดเป็นสถานที่ดำเนินการ ต่อมา เมื่อขายกาแฟและสินค้าอื่นๆจนมีรายได้มากพอ จึงนำไปขยับขยายกิจการผ่านทางซื้อเครื่องคั่วกาแฟแบบเชิงพาณิชย์ เพื่อตอบรับต่อออร์เดอร์ของลูกค้าที่มีเข้ามาอยู่มิได้ขาด แล้วก็ใช้โรงรถนั่นแหละทำหน้าที่เป็นโรงคั่วกาแฟ
การผลิตกาแฟของ "โรงคั่วกาแฟรสพระทำ" แห่งนี้ ไม่ต่างไปจากบริษัทผลิตกาแฟ มีการออกแบบแบรนด์สินค้า, ขายผลิตภัณฑ์กาแฟเกี่ยวเนื่อง และใช้แฟลตฟอร์มออนไลน์เป็นช่องทางจำหน่าย ขาดเพียงสิ่งเดียวก็คือไม่ได้ทำการตลาดเพื่อโปรโมทสินค้าแบบรัวๆ
แล้วอยู่ดีๆ ไฉนวัดในคริสต์ศาสนาบนเทือกเขาร็อคกี้ จึงเข้าสู่ธุรกิจคั่วกาแฟขาย ... เรื่องราวต้องย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน มีบราเธอร์ท่านหนึ่งเกิดไอเดียอยากขายกาแฟเพื่อให้เป็นโปรเจ็กต์หารายได้เข้าวัด หลังจากพี่สาวของบราเธอร์ท่านนี้ได้เดินทางไปยังประเทศคอสตาริก้าแล้วซื้อไร่กาแฟเล็กๆแห่งหนึ่งเอาไว้ ในอดีตนั้น บราเธอร์เคยมีอาชีพเป็น “บาริสต้า” มาก่อน และชอบดื่มกาแฟเป็นชีวิตจิตใจ
สงสัยอีกว่าแล้วบรรดาบราเธอร์เหล่านี้เอาเวลาที่ไหนมาทำธุรกิจด้านกาแฟ เพราะเป็นกิจการที่มีขั้นตอนเยอะและใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว ไหนจะคั่ว ไหนจะชง ไหนจะชิม ไหนจะขายอีก น่าจะเป็นคำถามที่หลายๆ ท่านรวมทั้งตัวผู้เขียนเองอยากรู้เช่นกัน
ในเว็บไซต์ของ "มีสติค มังค์ ค๊อฟฟี่" บอกเอาไว้ดังนี้... หลังจากเสร็จสิ้นการฝึกจิตวินิจฉัย และสวดมนต์ตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว บรรดานักบวชจะเริ่มลงมือคั่วกาแฟตามออร์เดอร์ และขายเมล็ดกาแฟทางออนไลน์ ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าไม่ต่างไปจากวิถีของนักบวชแทรปปิสต์ที่ต้มเบียร์ขาในยุโรปที่สวดมนต์ภาวนาและศึกษาคัมภีร์ในช่วงเช้า ก่อนเข้าสู่การผลิตเบียร์ในช่วงบ่าย เรียกว่าสวดมนต์ไป ทำงานไป ภายใต้ปรัชญา "Ora et labora" ซึ่งแปลว่า “pray and work”ของคณะสงฆ์ที่ยึดกฎของนักบุญเบเนดิกต์
บราเธอร์ที่เป็นมือคั่วกาแฟเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่า กาแฟฝีมือรสพระทำนั้นรสชาติดีพอที่จะได้รับ “คะแนนรีวิว” จากนักชิมกาแฟระดับมือกาแฟหรือไม่ ดังนั้นจึงจัดส่งกาแฟคั่วที่บราเธอร์เบลนด์ขึ้นเองจากการผสมผสานของกาแฟชั้นดี 2 แหล่งปลูก ได้แก่ ละตินอเมริกากับเอธิโอเปีย ตั้งชื่อว่า Christmas Blend Coffee ไปให้ "เคนเนธ เดวิดส์" เทสเตอร์กาแฟชื่อดัง ผู้เขียนตำราว่าด้วยศาสตร์และศิลป์ของกาแฟไว้ถึง 3 เล่มด้วยกัน ลองชิมดู ปรากฎว่า ได้คะแนนสูงถึง 91 คะแนนทีเดียว ขณะที่คะแนนจากนักรีวิวอีกหลายสิบคนก็ให้สูงเกิน 90 คะแนนด้วยกันทั้งสิ้น จากวันนั้นมา กาแฟจากโรงคั่วรสพระทำก็เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นเรื่อยๆ
มาถึงวันนี้ โรงคั่วมีสติค มังค์ ค๊อฟฟี่ นำเข้าสารกาแฟอาราบิก้ามาจากหลายแหล่งปลูกด้วยกัน เช่น เอธิโอเปีย, เปรู,โคลอมเบีย, กัวเตมาลา, บราซิล, เม็กซิโก และปาปัว นิวกินี ฯลฯ แล้วกาแฟก็มีขายหลากรูปแบบมาก ตั้งแต่กาแฟคั่วบรรจุถุงทั้งแบบเบลนด์และซิงเกิลออริจิ้นในทุกระดับการคั่ว, กาแฟดีแคฟที่มีคาเฟอีนต่ำ ไปจนถึงกาแฟแคปซูล
บางตัวเป็นกาแฟที่ใช้ "สารแต่งกลิ่น" (flavored coffee) แน่นอน บราเธอร์ท่านบอกไว้ชัดเจนบนฉลากสินค้าให้ลูกค้าทราบว่า ใช้สารแต่งกลิ่นแบบไหน ธรรมชาติหรือสังเคราะห์
หลังจากคั่วกาแฟขายอยู่หลายปี ก็มีเงินทุนเพียงพอที่จะใช้ในกิจการของสงฆ์ตามเป้าหมายที่วางเอาไว้ เช่น ซื้อที่ดินเพื่อขยายอาณาเขตของวัด และสร้างสิ่งปลูกสร้างเพิ่มเติม เช่น อารามหินแบบศิลปะโกธิค, เรือนพัก 24 แห่งเพื่อให้พระภิกษุแต่ละคนได้พักอาศัยและสวดมนต์,โรงอาหารใหม่, บ้านพักรับรอง, หอประชุม และแน่นอน โรงคั่วกาแฟแท้ๆ ด้วย ไม่ต้องหยิบยืมโรงเก็บรถมาใช้อีกต่อไป
ในนิวเม็กซิโก รัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา ก็มีโรงคั่ว "กาแฟรสพระทำ" ที่น่าสนใจอยู่แห่งหนึ่ง ชื่อว่า โรงคั่ว “แอบบีย์ โรสต์ ค๊อฟฟี่” (Abbey Roast Coffee) ของคณะสงฆ์ Our Lady of Guadalupe Monastery ดำเนินกิจการคั่วและขายเมล็ดกาแฟบรรจุถุงเพื่อใช้เลี้ยงชีพและเพื่อกิจการของสงฆ์เช่นกัน มีผลิตภัณฑ์วางจำหน่ายทางเว็บไซต์และร้านค้าภายในรัฐ แต่ดูเหมือนขนาดธุรกิจกำลังเติบโต เพราะยังใช้เครื่องคั่วกาแฟขนาดเล็กแบบแบชละ 1-2 กิโลกรัมอยู่
มือคั่วกาแฟของโรงคั่วแอบบีย์ โรสต์ ค๊อฟฟี่ คือบราเธอร์ที่เคยทำงานเป็นสถาปนิกในนิวยอร์กมาก่อน และก็เป็นคนจุดประกายให้ทางวัดเริ่มเข้าสู่ธุรกิจกาแฟ หลังจากเมื่อหลายปีก่อนหน้า บราเธอร์ท่านนี้เดินทางไปยังเยือนวัดคริสต์แห่งหนึ่งใน “บราซิล” ที่มีไร่กาแฟของชาวบ้านอยู่ล้อมรอบ จึงมีโอกาสเรียนรู้เรื่องกาแฟและฝีกคั่วกาแฟไปในตัวด้วย เมื่อกลับมาจากบราซิล จึงเสนอแผนหารายได้โดยการเปิดโรงคั่วให้ทางวัดต้นสังกัดพิจารณา
แม้ว่าจะเคยฝึกคั่วกาแฟมาก่อน แต่การทำธุรกิจคั่วกาแฟขายให้ประสบความสำเร็จ มันเป็นเรื่องใหญ่ ต้องใช้ทักษะมากกว่านี้ ทางวัดจึงส่งบราเธอร์หลายคนไปเรียนวิชายังโรงคั่วกาแฟในนิวเม็กซิโก เป็นระยะเวลา 8 เดือนเต็ม
กาแฟตัวหลักของโรงคั่วแอบบีย์ โรสต์ ค๊อฟฟี่ นำเข้ามาจากบราซิล เป็นกาแฟจากไร่ขนาดเล็กที่เคย “ชนะเลิศ” การประกวดกาแฟพิเศษประจำเมืองริโอ เดอ จาเนโร เมื่อปีค.ศ. 2010
เท่าที่ติดตามดูยังมีโรงคั่วกาแฟรสพระทำในสหรัฐอีกหลายแห่งที่เสนอขายกาแฟผ่านทางเว็บออนไลน์ เช่น “โรงคั่วฮัมเบิล แฮบบิทส์ ค๊อฟฟี่” (Humble Habits Coffee) ของวัด Eastern Catholic Holy Resurrection Monastery ในรัฐวิสคอนซิน ที่คั่วกาแฟขายมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2017 นำเข้าสารกาแฟเกรดพิเศษมาจากแหล่งปลูกทั่วโลก มีกาแฟคั่วอ่อนจากเอธิโอเปียเป็นตัวชูโรง นอกจากนั้นแล้วยังลงข้อมูลรสนิยมของทีมงานโรงคั่วด้วยที่ส่วนใหญ่ชอบดื่มเอสเพรสโซกัน ยกเว้นเจ้าอาวาสที่ชมชอบกาแฟจากเกาะสุมาตรา
อีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจได้แก่ โรงคั่ว "เบิร์นนิ่ง บุช ค๊อฟฟี่ โรสเตอร์ส"(Burning Bush Coffee Roasters) ของวัด Monastery of St. Tikhon of Zadonsk ในรัฐเพนซิลวาเนีย เปิดดำเนินการมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2016 เน้นนำเข้าสารกาแฟคุณภาพสูงเกรดพิเศษจากเอธิโอเปีย, กัวเตมาลา, บราซิล และแทนซาเนีย เรียกว่าคั่ว “กาแฟพิเศษ” ขายแบบเต็มตัวเลยทีเดียว ในเว็บไซต์ของโรงคั่วรสพระทำแห่งนี้ ยังนำเสนอวิธีการบดและชงกาแฟดริปเบื้องต้นเอาไว้ด้วย
ในเอเชียเราก็มีตัวอย่างของการขายกาแฟเพื่อกิจการทางศาสนาเช่นกัน ที่เมืองมินดาเนา ทางตอนใต้ของฟิลิปปินส์ มีวัดคริสต์แห่งหนึ่งชื่อ Bukidnon Monastery เปิดโรงคั่วกาแฟขายภายใต้แบรนด์ "มังค์ เบลนด์ ค๊อฟฟี่" (Monk’s Blend Coffee) โดยสารกาแฟที่ใช้คั่วมาจากไร่กาแฟของวัดที่ปลูกเองนั่นแหละ ก็เรียกว่าทำธุรกิจกาแฟแบบครบวงจรเลียทีเดียว ปลูกเอง, คั่วเอง และขายเอง มีวางจำหน่ายตามร้านกาแฟท้องถิ่นทั่วไป และทางเว็บไซต์ค้าปลีกชื่อดังอีกต่างหาก
จากเครื่องดื่มยอดนิยมของชนชาวโลก ในอีกมุมหนึ่งกาแฟได้กลายเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญให้กับวัดคริสต์หลายแห่ง ไม่ใช่เพื่อหวังสร้างผลกำไร แต่เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตและเพื่อดำเนินกิจการทางศาสนา ในเมื่อไม่มีเงินบริจาคเข้ามามากมาย ก็ต้องหาช่องทางสร้างรายได้ตามสามารถและแรงศรัทธา
มาถึงตรงนี้ แม้การดื่มกาแฟกับเพื่อนในบรรยากาศแห่งมิตรสหายนั้นยอดเยี่ยมเสมอ แต่ในกรณีกาแฟรสพระทำนี้ สำหรับผู้เขียนอาจต้องเพิ่มเติมไปด้วยว่า หากมีโอกาสชนแก้วกาแฟชนกับบราเธอร์นักคั่วกาแฟทั้งหลายแล้วละก็ ต้องถือว่าเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ไม่แพ้กัน