4 พ.ค. วัน "Star Wars" จากวรรคทอง สู่วันฉลองหนังสุดฮิต

4 พ.ค. วัน "Star Wars"  จากวรรคทอง สู่วันฉลองหนังสุดฮิต

4 พ.ค. วัน “Star Wars” วันเฉลิมฉลองให้แก่ภาพยนตร์สงครามอวกาศสุดฮิต เจ้าของประโยคอมตะ “May the force be with you” จนกลายเป็นที่มาของวันดังกล่าว พร้อมอัปเดตหนังภาคใหม่

ขอพลังจงสถิตอยู่กับท่าน” หรือ “May the force be with you” เป็นประโยคทองจากภาพยนตร์มหากาพย์สงครามอวกาศ “Star Wars: Episode IV -- A New Hope” เป็นฉากที่ “ฮาน โซโล” (Han Solo) พูดให้กำลังใจแก่ “ลุค สกายวอล์คเกอร์” (Luke Skywalker) ซึ่งปกติแล้ว May the force be with you มีความหมายเป็นการอวยพรให้โชคดี หรือ Good Luck 

ด้วยความที่ “May” และ “Force” ใน May the force be with you นี้ พ้องเสียงกับ “May” ที่แปลว่าเดือน พ.ค. และ “Fourth” ที่แปลว่า ลำดับที่ 4 หรือ วันที่ 4 จึงทำให้เกิดการสร้างวลี "May the Fourth be with you" ขึ้นมา และแฟนคลับของภาพยนตร์ชุดนี้ กำหนดให้วันที่ 4 พ.ค. เป็นวัน Star Wars เพื่อรำลึกและเฉลิมฉลองให้แก่ภาพยนตร์ที่พวกเขารัก 

ไม่ใช่เพียงแต่แฟนคลับเท่านั้นที่ร่วมเฉลิมฉลองในวันนี้ แม้แต่เข้าลิขสิทธิ์ของแฟรนไชส์นี้ “บริษัท วอลท์ ดิสนีย์” (Walt Disney Company) และ “ลูคัส ฟิล์ม” มีการจัดงานเฉลิมฉลองให้แก่ Star Wars ในวันนี้ด้วยเช่นกัน ด้วยการจัดขบวนพาเหรดและกิจกรรมเฉลิมฉลองต่าง ๆ ใน “ดิสนีย์แลนด์” (Disneyland) และ “วอลท์ ดิสนีย์ เวิลด์” (Walt Disney World) ส่วนในเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของ Star Wars ก็ได้ระบุด้วยเช่นกันว่าวันที่ 4 พ.ค. เป็นวัน Star Wars

ซีรีส์เกือบทุกเรื่องของสตาร์ วอร์ส ที่เป็นเอ็กซ์คลูซีฟ คอนเทนต์ฉายทาง ดิสนีย์ พลัส (Disney Plus) ก็มักออกฉายครั้งแรกในวัน Star Wars ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ตอนจบของแอนิเมชัน “Star Wars: The Clone Wars” และสารคดีเบื้องหลังการถ่ายทำ “Disney Gallery: The Mandalorian” ออกฉายในวันที่ 4 พ.ค. 2563 ส่วนแอนิเมชัน “Star Wars: The Bad Batch” ก็เข้าฉาย วันที่ 4 พ.ค. 2564 เช่นกัน

  • จุดเริ่มต้น "May the Fourth be with you"

อย่างไรก็ตาม การใช้ประโยค "May the Fourth be with you" ในครั้งแรกนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นจากแฟนคลับสตาร์วอร์ส แต่เกิดจากพรรคอนุรักษนิยม (Conservatives) ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ “London Evening News” เพื่อแสดงความยินดีกับ “มาร์กาเร็ต แธตเชอร์” ตัวแทนพรรคที่ได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 2522 ด้วยข้อความว่า

 

May the Fourth Be With You, Maggie. Congratulations!”

 

หลังจากนั้นประโยค "May the Fourth be with you" ก็ถูกใช้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่แฟนคลับ จนกระทั่งในปี 2548 มีการนำประโยคนี้มาใช้ในการโปรโมตภาพยนตร์เรื่อง “Star Wars: Revenge of the Sith” เพื่อดึงดูดให้ผู้ชมมาชมภาพยนตร์ที่เข้าฉายในช่วงวันชาติของสหรัฐซึ่งตรงกับวันที่ 4 ก.ค. พร้อมกับใช้รูปของ “ศาสตราจารย์โยดา” ตัวละครที่ชื่นชอบของแฟน ๆ มาประกอบกับดอกไม้ไฟสีแดง และน้ำเงินที่เป็นสีธงชาติสหรัฐ

 

4 พ.ค. วัน "Star Wars"  จากวรรคทอง สู่วันฉลองหนังสุดฮิต

 

การเฉลิมฉลองในวัน Star Wars ของเหล่าแฟนคลับมักจะรวมตัวกันรับชมภาพยนตร์ชุด สตาร์ วอร์ส มาราธอน จัดงานปาร์ตี้และแต่งกายเป็นตัวละครในเรื่อง รวมถึงใช้ประโยค “May the Fourth Be With You” ในการทักทายกัน ซึ่งไม่เพียงแค่ใช้ทักทายกันในชีวิตประจำวันเท่านั้นแต่ ประโยคดังกล่าว ยังปรากฏข่าวโทรทัศน์ท้องถิ่นของสหรัฐ และมีการตกแต่งร้านค้าต่าง ๆ เช่น ร้านขายของชำ ร้านกาแฟ ร้านหนังสือ ด้วยธีมสตาร์ วอร์ส รวมไปถึงในการแข่งขันเกมกีฬาอีกด้วย

  • ในหนัง “Star Wars” ใช้ประโยคนี้ไปกี่เรื่อง

May the force be with you” กลายเป็นหนึ่งประโยคอมตะ ที่ไม่ว่าใครก็น่าจะจำได้ และรู้ว่ามาจากภาพยนตร์ชุด สตาร์ วอร์ส หนึ่งในภาพยนตร์ชุดที่เป็นอมตะและยังคงทรงอิทธิพลมาจนถึงปัจจุบัน 

ดังที่กล่าวไปข้างต้นว่า ประโยคนี้ถูกใช้ครั้งแรกใน Star Wars: Episode IV -- A New Hope ตั้งแต่ปี 2520 ซึ่งได้กลายมาเป็นหนึ่งในสิ่งแรก ๆ ที่คนมักจะคิดถึงเมื่อพูดถึงสตาร์ วอร์ส ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ในภาพยนตร์ชุดสตาร์ วอร์ส ทุกเรื่องจะต้องมีประโยคนี้แฝงอยู่ เป็นเหมือนกับ อีสเตอร์ เอ็ก (Easter Egg) ที่ซุกซ่อนเอาไว้ในภาพยนตร์ และเป็นการเซอร์วิสให้แฟน ๆ ประทับใจ โดยประโยคดังกล่าวถูกกล่าวในภาพยนตร์ถึง 11 เรื่อง คือ 

1. Star Wars: Episode IV -- A New Hope (2520)

2. Star Wars: Episode V -- The Empire Strikes Back (2523)

3. Star Wars: Episode VI -- Return of the Jedi (2526)  

4. Star Wars: Episode I -- The Phantom Menace (2542)  

5. Star Wars: Episode II -- Attack of the Clones (2545)

6. Star Wars: Episode III -- Revenge of the Sith (2548)  

7. Star Wars: Episode VII -- The Force Awakens (2558)  

8. Rogue One: A Star Wars Story (2559)

9. Star Wars: Episode VIII -- The Last Jedi (2560)  

10. Solo: A Star Wars Story (2561)  

11. Star Wars: Episode IX -- The Rise of Skywalker (2562)  

 

 

  • อันดับ 5 แฟรนไชส์สื่อที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก

จักรวาล “สตาร์ วอร์ส” มหาสงครามระหว่างดวงดาวที่ยิ่งใหญ่นี้มีจุดเริ่มต้นมาจากภาพยนตร์เรื่อง “Star Wars” ที่ออกฉายในปี 2520 โดย จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ซึ่งประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนมีการสร้างภาคต่อมาเรื่อย ๆ มาจนถึงปัจจุบันมีแล้วทั้งหมด 9 ภาค ซึ่ง “Star Wars: Episode VII - The Force Awakens” (2558) ทำรายได้ไปถึง 2,069 ล้านดอลลาร์ กลายเป็นอันดับ 4 ของภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาล นอกจากนี้ยังสร้างภาพยนตร์ภาคแยกในจักรวาลสตาร์ วอร์ส ที่เล่าเรื่องตัวละครอื่น ๆ อีก 2 เรื่อง คือ “Rogue One” (2559), “Solo” (2561) รายได้รวมของภาพยนตร์ทุกเรื่องกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ 

สตาร์ วอร์ส ไม่เพียงแต่เพียงแค่ภาพยนตร์เท่านั้น แต่จักรวาลของสตาร์ วอร์ส ยังมีซีรีส์ที่ฉายทางสถานีโทรทัศน์และผู้ให้สตรีมมิงต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบของแอนิเมชันและคนแสดง อีกทั้งหมด 21 เรื่อง ที่เล่าเรื่องราวในแต่ละดวงดาว ในแต่ละช่วงเวลาที่แตกต่างกันออกไป

สำหรับแพลตฟอร์มวิดีโอเกมและเกมมือถือนั้น มีการสร้างเกมแฟรนไชส์สตาร์ วอร์ส รวมกันกว่า 100 ร้อยเกม จากสตูดิโอเกมที่ชั้นนำทั่วโลก โดยมียอดจำหน่ายกว่า 5,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ยอดขายสินค้าลิขสิทธิ์ต่าง ๆ 42,000 ล้านดอลลาร์ รวมมีมูลค่าทั้งแฟรนไชส์กว่า 69,400 ล้านดอลลาร์

แฟรนไชส์สื่ออ่านอันดับ 1-4 ได้ที่นี่

 

  • อนาคตของ Star Wars

หลังจากที่ภาพยนตร์ไตรภาคชุดที่ 3 ได้จบลงไป แฟน ๆ ก็ต่างรอคอยว่าเมื่อไหร่ภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส เรื่องใหม่จะเข้าฉาย ก่อนหน้านี้ ดิสนีย์ได้กำหนดวันฉายภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส ไว้ด้วยกัน 3 เรื่อง คือ “Star Wars: Rogue Squadron” ของผู้กำกับ Wonder Woman ทั้ง 2 ภาค อย่าง “แพตตี เจนคินส์” (Patty Jenkins) มีกำหนดฉายวันที่ 22 ธ.ค. 2566 ส่วนอีก 2 เรื่อง ยังไม่มีชื่อเรื่อง แต่กำหนดวันเข้าฉายไว้ที่ 19 ธ.ค. 2568 และ 17 ธ.ค. 2570 ตามลำดับ ซึ่งคาดว่า 1 ใน 2 เรื่องนี้จะเป็นของผู้กำกับ “ไทกา ไวตีติ” (Taika Waititi) ผู้กำกับ “Thor: Love and Thunder

นอกจากนี้ ยังมีข่าวเกี่ยวกับภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ไตรภาคของ “ไรอัน จอห์นสัน” (Rian Johnson) ผู้กำกับ Star Wars: The Last Jedi ภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส ของ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ผู้กุมบังเหียนจักรวาลมาร์เวล รวมไปถึงยังมีซีรีส์ที่เตรียมฉายทางดิสนีย์ พลัส อีกอย่างน้อย 9 เรื่อง 
 

ที่มา: CBR, Games Radar