ระวัง! ‘แอลกอฮอล์เป็นพิษ’ ปีใหม่นี้ ดื่มสนุกแต่พอดี ลดพิษในร่างกาย

ระวัง! ‘แอลกอฮอล์เป็นพิษ’ ปีใหม่นี้ ดื่มสนุกแต่พอดี ลดพิษในร่างกาย

ฉลองปีใหม่อย่างปลอดภัย ดื่มแอลกอฮอล์อย่างพอดี งานปาร์ตี้หรือการเฉลิมฉลองไม่ว่าจะเทศกาลไหน เครื่องดื่มคู่ใจของคนไทย

KEY

POINTS

  • การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดจนมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ
  • ผลกระทบต่อการดื่ม จะมีปัญหาหัวใจ ตับ ผิวหน้า สมอง กระเพาะอาหารอักเสบระบบสืบพันธุ์ และเพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง 
  • เคล็ดลับ! ดื่มสนุกแบบมีสติ เริ่มด้วย ควบคุมปริมาณแอลกอฮอล์ , ทานอาหารรองท้อง ,อย่าลืมดูแลเพื่อนๆ และรู้ลิมิตของตัวเอง

ฉลองปีใหม่อย่างปลอดภัย ดื่มแอลกอฮอล์อย่างพอดี งานปาร์ตี้หรือการเฉลิมฉลองไม่ว่าจะเทศกาลไหน เครื่องดื่มคู่ใจของคนไทย คงหนีไม่พ้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่เป็นตัวช่วยทำให้บรรยากาศสนุกมากขึ้น

ทว่าอันตรายที่แฝงตัวอยู่ในเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นอกจากจะทำให้เมาไม่มีสติแล้ว อาจเกิดภาวะที่เรียกว่า "แอลกอฮอล์เป็นพิษ" ซึ่งมีความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

เข้าสู่เทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ งานเครื่องดื่มก็ต้องมา เพื่อสร้างบรรยากาศในงานให้สนุกสนาน แต่ดื่มได้ ก็ต้องดูแลตัวเองให้ได้ด้วย ดื่มได้ แต่ก็ควรรู้ตัวเอง ที่สำคัญ ดื่มไม่ขับ เพื่อให้เทศกาลปีใหม่ของเรามีความสุขส่งท้ายปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

กม.ควบคุมแอลกอฮอล์ไทยไม่สุดโต่ง ชงปรับแยกร้านค้าปลีกกับร้านนั่งดื่ม

'นอนน้ำลายไหล' สัญญาณเตือน 'โรคทางระบบประสาท ติดเชื้อ'

ภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษคืออะไร?

เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากในช่วงเวลาสั้นๆ จนทำให้ตับไม่สามารถกำจัดแอลกอฮอล์ออกจากเลือดได้ทัน ส่งผลให้ร่างกายเกิดความผิดปกติ โดยหากไม่ได้รับการแก้ไขทันที ภาวะนี้อาจนำไปสู่การช็อก และเป็นอันตรายถึงชีวิต

ผศ. นพ.สหภูมิ ศรีสุมะ สาขาวิชาเภสัชวิทยาและพิษวิทยาคลินิก ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่าภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ (alcohol poisoning) คือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดในปริมาณมากและดื่มแบบรวดเร็วในช่วงเวลาสั้น ๆ ทำให้ตับไม่สามารถขับสารนี้ออกจากเลือดได้ทัน ระบบการทำงานของร่างกายรวนจนเกิดภาวะช็อกที่เป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิตได้

สาเหตุของภาวะ แอลกอฮอล์เป็นพิษ

การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดจนมีระดับแอลกอฮอล์ในเลือดมากกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์จะมีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษขึ้นอยู่กับปัจจัย ดังนี้

  • การดูดซึมสารในร่างกายของแต่ละบุคคล
  • ปริมาณความเข้มข้นของแอลกอฮอล์ในแต่ละชนิดของเครื่องดื่ม
  • เพศหญิงจะมีปฏิกิริยาต่อแอลกอฮอล์ได้ไวกว่าผู้ชาย

อาการภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ

  • ไม่สามารถทรงตัวได้
  • สับสน ไม่ตอบสนอง
  • อาเจียน
  • ตัวเย็น ผิดหนังซีด  กลายเป็นสีม่วง
  • หายใจผิดปกติ
  • หมดสติ ไม่รู้สึกตัว
  • อาการชัก
  • หัวใจวายฉับพลัน
  • พูดไม่ชัด พูดไม่รู้เรื่อง
  • น้ำตาลในเลือดต่ำ
  • ง่วงซึม นอนหลับเยอะกว่าปกติ
  • การเคลื่อนไหวของดวงตาเร็วกว่าปกติ
  • เกิดภาวะกึ่งโคม่า ร่างกายไม่สามารถตอบสนองได้
  • หยุดหายใจ

วิธีปฐมพยาบาลเบื้องต้น

  1. รีบโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพ 1669 หรือโทรแจ้งตำรวจ 191 เพื่อขอความช่วยเหลือ
  2. ปลุกผู้ป่วยให้ตื่นและพยุงให้อยู่ในท่านั่ง
  3. หากยังดื่มน้ำได้ ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเปล่า
  4. หากผู้ป่วยหมดสติ ให้จับนอนตะแคงหรืออยู่ในท่าพักฟื้น คอยดูว่าผู้ป่วยยังหายใจอยู่หรือไม่
  5. หากพบว่าหยุดหายใจให้ทำการช่วยหายใจ หรือหากพบหัวใจหยุดเต้นให้เริ่มการกู้ชีพ CPR
  6. ทำให้ร่างกายของผู้ป่วยอบอุ่น
  7. คอยสังเกตอาการจนกว่ารถพยาบาลจะมา
  8. อย่าให้ผู้ป่วยหลับ
  9. ห้ามอาบน้ำให้ผู้ป่วย

การดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากในระยะเวลาที่สั้นและเร็ว ทำให้ตับขับแอลกอฮอล์ออกจากกระแสเลือดไม่ทันจนเกิดภาวะแอลกอฮอล์เป็นพิษ

เช็กระดับแอลกอฮอล์ในเลือด

ลักษณะอาการที่อาจพบและระดับแอลกอฮอล์ในเลือด (หน่วยเป็น มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร หรือ มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์)

  • 20 – 49 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ อารมณ์ดี ผ่อนคลาย และการตัดสินใจช้าลงเล็กน้อย
  • 50 – 99 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เริ่มเสียการทรงตัว ควบคุมตัวเองได้น้อยลง และตอบสนองช้าลง
  • 100 – 199 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เดินเซ กล้ามเนื้อทำงานไม่สัมพันธ์กัน
  • 200 – 299 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ คลื่นไส้ อาเจียน การรับรู้ลดลง และจำเหตุการณ์ไม่ได้
  • 300 – 399 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หมดสติ ชีพจรลดลง และอุณหภูมิร่างกายลดลง
  • มากกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ มีโอกาสหยุดหายใจและเสียชีวิตได้

การตอบสนองต่อระดับแอลกอฮอล์อาจแตกต่างกันในแต่ละบุคคล แม้ระดับจะน้อยกว่า 400 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ก็อาจเสี่ยงจะเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ หรือการนอนหลับลึกในท่าผิดปกติที่อุดกั้นทางเดินหายใจได้ เช่น การนอนคอพาดกับระเบียงจนกดทางเดินหายใจ

ผลกระทบต่อร่างกายจากการดื่มแอลกอฮอล์

  1. หัวใจ กล้ามเนื้อหัวใจทำงานผิดปกติ ไม่แข็งแรง เกิดหัวใจวายได้ง่าย
  2. ตับ เกิดโรคตับแข็ง ตับที่ถูกทำลายจากแอลกอฮอล์จะไม่สามารถทำหน้าที่ได้ดี เช่น การย่อยสลายสารอาหารหรือการเปลี่ยนแปลงของยาที่รับประทานเข้าไป บางรายอาจมีอาการตัวเหลืองตาเหลือง หรืออาเจียนเป็นเลือด
  3. ผิวหน้า หลอดเลือดขยายตัว ผิวหน้าจะเป็นสีแดงเรื่อ ๆ ทำให้ร่างกายสูญเสียความร้อนออกจากทางผิวหน้า บางครั้งอาจเกิดอาการหนาวสั่นหรือเกิดโรคปอดบวมได้ง่ายในฤดูหนาว
  4. สมอง แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดการทำงานของสมองจะทำให้ความจำเสื่อม การตัดสินใจไม่ดี สมาธิเสีย โกรธง่าย พูดช้าลง สายตาพร่ามัว และเสียการทรงตัว
  5. กระเพาะอาหารอักเสบฉับพลันบางครั้งทำให้เกิดเลือดออกในกระเพาะอาหาร
  6. ระบบสืบพันธุ์
    - เพศชายเกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
    - ผู้หญิงตั้งครรภ์จะมีผลต่อทารกทั้งทางร่างกายและจิตใจ
  7. เพิ่มความเสี่ยงของโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งตับ มะเร็งช่องปากและลำคอ มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านม

ดื่มอย่างไรถึงจะปลอดภัย

  1. กินอาหารรองท้องก่อนดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์จะถูกดูดซึมได้เร็วเมื่อท้องว่าง
  2. ไม่ควรดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน
  3. หลีกเลี่ยงการดื่มแบบแก้วต่อแก้วหรือดื่มครั้งละมาก ๆ
  4. เมื่อเริ่มมีอาการมึนหัวให้ลดปริมาณการดื่มหรือหยุดดื่มทันที
  5. อย่าดื่มจนเมาเกินไป

เครื่องดื่มแอลกอฮอล์แม้ว่าจะเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยเพิ่มความสุข สนุกสนาน แต่ข้อเสียของมันก็ส่งผลเสียร้ายแรงต่อร่างกาย เพราะฉะนั้นควรดื่มแต่พอประมาณ พอดี ไม่หักโหมจนเกินไปเพื่อป้องกันการเกิดอันตรายร้ายแรงที่อาจถึงแก่ชีวิตได้

เคล็ดลับ! ชีวิตดีตลอดปีใหม่ !

• ควบคุมปริมาณแอลกอฮอล์

• ทานอาหารรองท้อง

• อย่าลืมดูแลเพื่อนๆ หากใครมีอาการเสี่ยง รีบส่งโรงพยาบาลทันที

• รู้ลิมิตของตัวเอง แต่ละคนมีความสามารถในการเผาผลาญแอลกอฮอล์แตกต่างกัน รู้จักขีดจำกัดของตัวเองและหยุดดื่มเมื่อถึงจุดที่เหมาะสม

แอลกอฮอล์เป็นพิษไม่ใช่เรื่องไกลตัว โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลหรือการสังสรรค์ หากคุณหรือคนรอบข้างมีอาการเสี่ยง ควรรีบดำเนินการช่วยเหลือและติดต่อแพทย์ทันที การดื่มอย่างมีสติและรับผิดชอบต่อสุขภาพของตัวเองและผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้การเฉลิมฉลองเต็มไปด้วยความสุขและปลอดภัยสำหรับทุกคน

อ้างอิง: โรงพยาบาลลานนา , RAMA CHANNEL