‘น้ำเมา’ คนในชาติยิ่งดื่มสูงขึ้น อัตราฆ่าตัวตายของประเทศสูงขึ้น

‘น้ำเมา’ คนในชาติยิ่งดื่มสูงขึ้น อัตราฆ่าตัวตายของประเทศสูงขึ้น

“น้ำเมา”ทำไทยสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 1.6 แสนล้าน  ก่อโรคมะเร็งหลายชนิดไม่ใช่แค่มะเร็งตับ เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจเต้นระริก คนในชาติดื่มสูงขึ้นสัมพันธ์อัตราฆ่าตัวตายของประเทศสูงขึ้น  หนุนติดฉลากคำเตือนที่บรรจุภัณฑ์

KEY

POINTS

  • “น้ำเมา”ทำไทยสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 1.6 แสนล้าน  “ผู้หญิงและเยาวชน”กลายเป็นกลุ่มเป้าหมายการตลาดของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์  ทุก 10 วินาที มีคนตายจากแอลกอฮอล์ 1 คน
  • คนไทย 90 % ไม่รู้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อ “โรคมะเร็ง” ย้ำก่อโรคมะเร็งไม่ใช่แค่มะเร็งตับ  การศึกษาในไทยพบ “น้ำเมา”ทำคนอายุสั้นลง เพิ่มเสี่ยงโรคหัวใจเต้นระริก
  • น่ากังวลมาก ข้อมูลการสำรวจใน 183 ประเทศ  พบว่า ปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ระดับชาติที่สูงขึ้น สัมพันธ์กับอัตราการฆ่าตัวตายของประเทศที่สูงขึ้น ส่วนคนติดแอลกอฮอล์ เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสำเร็จ สูงกว่าคนทั่วไป 2.5 เท่า
  • หนุนติดฉลากคำเตือนที่บรรจุภัณฑ์ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ระบุว่าเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง และอื่นๆ เหมือนกับที่ติดที่ซองบุหรี่ ช่วยคนตระหนักอันตรายมากขึ้น

ในเวทีสาธารณะ “แอลกอฮอล์: ตัวเร่งโรค NCDs และทางออกเพื่อปกป้องสุขภาพคนไทย” จัดโดยศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) ร่วมกับสมาคมเครือข่ายโรคไม่ติดต่อแห่งประเทศไทย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส.  กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังก้าวสู่ภาวะวิกฤติNCDs จากโรคอ้วน ความดันโลหิตสูง เบาหวาน และพฤติกรรมเสี่ยง โดยเฉพาะการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งสร้างภาระด้านสุขภาพและเศรษฐกิจอย่างกว้างขวาง เฉพาะปี 2564 ไทยสูญเสียทางเศรษฐกิจกว่า 165,450 ล้านบาท และเกือบ 80% ของคนไทย เคยได้รับผลกระทบจากการดื่มของผู้อื่น ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และครอบครัว

แอลกอฮอล์ได้ถูกจัดให้เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่ 1 เชื่อมโยงกับมะเร็งอย่างน้อย 8 ชนิด ได้แก่ มะเร็งช่องปาก กล่องเสียง คอหอย เต้านม (ในผู้หญิง) หลอดอาหาร ลำไส้ใหญ่/ทวารหนัก ตับ และตับอ่อน  แต่ที่น่ากังวลจากงานวิจัยของศวส. สำรวจประชาชนไทย 3,924 คน จาก 12 จังหวัดทั่วประเทศ ในปี 2568 พบคนไทยกว่า 90% ไม่รู้ว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อมะเร็งได้ ซึ่งทุกคนควรช่วยกันสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย ภาระโรคจะลดลง และคุณภาพชีวิตของคนไทยจะดีขึ้นอย่างยั่งยืน

"ผู้หญิงและเยาวชน”กลายเป็นกลุ่มเปราะบาง และเป้าหมายทางการตลาดของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ทุก 10 วินาที มีคนตายจากแอลกอฮอล์ 1 คน

รศ.ดร.นพ.พลเทพ วิจิตรคุณากร ผู้อำนวยการ ศวส. มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวว่า คนไทยดื่มแอลกอฮอล์สูงเป็นอันดับ 3 ของอาเซียน และเป็นอันดับ 1 ของประเทศรายได้ปานกลางระดับบน โดย“ผู้หญิงและเยาวชน”กลายเป็นกลุ่มเปราะบาง และเป้าหมายทางการตลาดของอุตสาหกรรมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เป็นพื้นที่ที่มีอัตราการดื่มสูงที่สุด

ขณะที่ จ.ขอนแก่น มีอัตราการดื่มสูงที่สุดคือ 64% ความแตกต่างนี้ชี้ให้เห็นว่ามาตรการควบคุมต้องตอบโจทย์บริบทแต่ละพื้นที่ควบคู่ไปกับนโยบายระดับชาติ  ไทยจำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมแอลกอฮอล์ที่เข้มแข็งขึ้น พร้อมบูรณาการการทำงานทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ นักวิชาการ แพทย์ ภาคประชาชน และชุมชน เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนในระยะยาว และลดภาระ NCDs ที่กำลังทวีความรุนแรง

“ทุก 10 วินาที มีคนตายจากแอลกอฮอล์ 1 คน หากยังปล่อยให้การดื่มเป็นเรื่องปกติ ความสูญเสียจะทวีขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ภาระโรคที่เกี่ยวข้องกับแอลกอฮอล์ในไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ มากกว่า 1 ใน 10 ของการตาย หรือปีสุขภาวะที่สูญเสีย (DALYs) เกิดจากแอลกอฮอล์ ทั้งก่อให้เกิดการบาดเจ็บ และป่วยจากโรค NCDs เช่น โรคหัวใจ-หลอดเลือด โรคตับ และมะเร็งหลายชนิด"รศ.ดร.นพ.พลเทพกล่าว 

คนดื่มน้ำเมา  อายุสั้นลง

อ.นพ.ปริญญ์ วาทีสาธกกิจ  ภาควิชาอายุรศาสตร์โรคหัวใจ คณธแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวว่า  ในปี 2567 ประเทศไทยมีการศึกษาการตรวจโรคหัวใจเต้นระริก หรือหัวใจเต้นพลิ้ว พบว่า คนที่อายุเกิน 65 ปีขึ้นไปที่ยังดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจเต้นระริกมากกว่ากลุ่มที่ไม่ดื่ม 2-3 เท่า ซึ่งโรคนี้จะต้องรับประทานยาละลายลิ่มเลือดตลอดชีวิต

นอกจากนี้  ข้อมูลการศึกษาเมื่อ  5 ปีที่แล้ว เรื่องการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับการติดตามผลเรื่องสุขภาพเมื่อผ่านไป 30 ปีของคนที่ดื่มเทียบกับคนไม่ดื่ม พบว่า เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่ทำให้คนไทยอายุสั้นลง ซึ่งการเสียชีวิตโดยรวมสูงขึ้น การเกิดมะเร็งสูงขึ้น  ทั้งที่ปัจจุบันเป็นยุคของการแสวงหาอายุยืนหรือ Longevity และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นปัจจัยที่ลดอายุขัยของคนดื่มลง แต่งบางคนอาจจะไม่รู้ตัว

เกิดมะเร็งหลายชนิด ไม่เฉพาะมะเร็งตับ

รศ.ดร.พญ.ภัทรพิมพ์ สรรพวีรวงศ์ อายุรแพทย์โรคมะเร็ง หน่วยมะเร็งวิทยา สาขาวิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์  และตัวแทนมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า โรคมะเร็งที่มีหลักฐานชัดเจนว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เป็นสาเหตุความเสี่ยงที่ทำให้เกิด ตั้งแต่มะเร็งช่องปาก มะเร็งลำคอ มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งตับมะเร็งเต้านม และมะเร็งลำไส้ใหญ่

นอกจากนี้ ผลจากการศึกษาวิจัย พบว่า มะเร็งที่มีความสัมพันธ์กับแอลกอฮอล์ได้เช่นกัน คือ มะเร็งตับอ่อน มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งปอด  ซึ่งคนไทยที่ป่วยมะเร็งเหล่านี้มีจำนวนจัดอยู่ท็อป 10 ทั้งสิ้น จากที่หน่วยมะเร็งวิทยา คณะแพทยศาสตร์ ม.สงขลานครินทร์ มีการรรวบรวมสถิติ พบว่า ผู้ป่วยที่รับปรึกษาในแต่ละเดือน แต่ละปี ก็เป็นมะเร็งที่เป็นปัญหาเช่นเดียวกัน

เป็นการยืนยันถึงความสำคัญของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ทำให้เกิดปัญหาโรคมะเร็ง เพราะในเครื่องดื่มนี้จะมีเอทานอลที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง จะมีผลในเรื่องทำให้สารพันธุกรม DNA มีความบกพร่องไป รวมถึงยับยั้งการซ่อมแซมด้วย เกิดมะเร็งได้ง่ายขึ้น จึงไม่มีปริมาณการดื่มที่ปลอดภัย เพราะไม่สามารถบอกได้ว่าคนที่ดื่มปริมาณเท่านั้นเท่านี้ จะมีปัจจัยภายในร่างกายอะไรที่กระตุ้นให้เกิดมะเร็งได้ง่ายกว่าคนอื่นหรือไม่ และยังเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่สัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งเต้านม ทำให้มีการเติบโตของเซลล์อย่างผิดปกติไปได้

“ต้องทำให้คนตระหนักเพิ่มขึ้นว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เกิดมะเร็งอีกหลายชนิด ไม่เฉพาะมะเร็งตับเท่านั้น ซึ่งการติดฉลากคำเตือนที่บรรจุภัณฑ์ว่าเครื่องดื่มนี้เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง ก็น่าจะช่วยในเรื่องของคนตระหนักเกี่ยวกับอันตรายของแอลกอฮอล์ อย่างซองบุหรี่ก็ยังมีฉลากแจ้งเตือนแบบรูปภาพ ก็เป็นการเพิ่มช่องทางในการสื่อสารให้คนรับทราบ”รศ.ดร.พญ.ภัทรพิมพ์ กล่าว

ดื่มหนักเป็นประจำสัมพันธ์เกิดอาการซึมเศร้า

พญ.ปองขวัญ ยิ้มสอาด ฝ่ายจิตเวชศาสตร์ รพ.จุฬาลงกรณ์ ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า ผู้ที่มีปัญหาการดื่มสุรา จะมีความเสี่ยงที่จะเจอโรคทางจิตเวชอื่นๆได้แทบทุกกลุ่มโรค ทั้งโรคซึมเศร้า โรคไบโพลาร์ และโรควิตกกังวัล เป็นต้น
‘น้ำเมา’ คนในชาติยิ่งดื่มสูงขึ้น อัตราฆ่าตัวตายของประเทศสูงขึ้น

ทั้งนี้ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์กับความซึมเศร้า จะเริ่มต้นด้วยการมีภาวะเศร้า ไม่สบายใจ เครียด วิตกกังวล จึงไปลองดื่มซึ่งอาจจะดีขึ้นด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ในระยะสั้น แต่ระยะยาวนั้น แอลกอฮอล์มีฤทธิ์กดประสาทและรบกวนสารสื่อประสาทบางชนิดในสมอง จะทำให้อาการเศร้าแย่ลง และจะต้องดื่มเท่านั้นเพื่อที่ทำให้อาการบรรเทา กลายเป็นวงจรทำให้อาการเศร้าแย่ลงเรื่อยและจมอยู่ในวงจรนี้นำออกมาค่อนข้างยาก

“มีข้อมูลจากการศึกษาในหลายๆประเทศ พบว่า การดื่มหนักเป็นประจำสัมพันธ์กับการเกิดอาการซึมเศร้า ส่วนคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอยู่แล้ว การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้อาการซึมเศร้าแย่ลง รักษายากขึ้น ใช้ระยะเวลานานขึ้น ใช้ยามากขึ้น และแอลกอฮอล์อาจจะรบกวนการออกฤทธิ์ของยาต้านเศร้าและเพิ่มผลข้างเคียง”พญ.ปองขวัญ กล่าว

คนในชาติดื่มน้ำเมาสูงขึ้น อัตราฆ่าตัวตายสูงขึ้น

พญ.ปองขวัญ  กล่าวอีกว่า ปัญหาที่กังวลกันมากที่สุด คือ การทำร้ายตัวเอง มีข้อมูลการสำรวจใน 183 ประเทศ  พบว่า ปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ระดับชาติที่สูงขึ้น สัมพันธ์กับอัตราการฆ่าตัวตายของประเทศที่สูงขึ้น

ส่วนระดับบุคล มีข้อมูลว่า ผู้ที่มีภาวะติดแอลกอฮอล์ (Alcohol Use Disorder) มีความเสี่ยงต่อการทำร้ายตัวเอง สูงกว่าคนทั่วไป 3 เท่าและเสี่ยงต่อการฆ่าตัวตายสำเร็จ สูงกว่าคนทั่วไป 2.5 เท่า และการศึกษาในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ประมาณ 1 ใน 3 ของผู้เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตาย มีผลตรวจแอลกอฮอล์ในเลือดเป็นบวก

พญ.ปองขวัญ  กล่าวด้วยว่า กลไกที่ทำให้การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นำไปสู่การฆ่าตัวตายได้เยอะขึ้น เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะลดการยับยั้งชั่งใจร่วมกับทำให้อารมณ์ทางลบเพิ่มขึ้น ส่วนในรายที่มีปัญหาสุขภาพจิตอยู่แล้ว การดื่มจะทำให้อาการแย่ลง

"ทั้งหมดทั้งมวลผสมร่วมกันทำให้เพิ่มโอกาสเสี่ยงที่จะความคิดที่จะทำร้ายตัวเองมากขึ้น แสดงให้เห็นว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ได้ส่งผลแค่โรคทางกายแต่ยังเชื่อมโยงมาถึงเรื่องภาวะซึมเศร้า และผลที่น่ากลัวที่สุดคือการทำร้ายตัวเอง หรือฆ่าตัวตาย"