ธุรกิจศัลยกรรม 'KPSเกษมราษฎร์' ปี69บุก 'ตลาดสุขภาพชาย' รับ Red Ocean

“ตลาดศัลยกรรมความงาม” เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาลและเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เบื้องหลังความหอมหวาน คือสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือด (Red Ocean)
KEY
POINTS
- เทรนด์ศัลยกรรมและความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ลดน้ำหนัก 2.ยกกระชับและแก้ไขหน้าอก และ3. การดึงหน้า
- วิสัยทัศน์ระยะยาว 2-3 ปีข้างหน้า KPS มีแผนจะขยายศูนย์ไปยังโรงพยาบาลแห่งใหม่ของเครือเกษมราษฎร์ ซึ่งคาดว่าให้บริการช่วงปลายปี 2569-2570
- การทำศัลยกรรมเป็นการตัดสินใจที่ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ คือสิ่งสำคัญที่สุด
“ตลาดศัลยกรรมความงาม” เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีมูลค่ามหาศาลและเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เบื้องหลังความหอมหวาน คือสมรภูมิการแข่งขันที่ดุเดือด (Red Ocean) ซึ่งเต็มไปด้วยผู้เล่นทั้งรายใหญ่และรายย่อยที่ช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดกันอย่างเข้มข้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้เปิดเผยแนวโน้มธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทย ประเมินว่าปี 2568 มูลค่าตลาดธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทย คาดอยู่ที่ 75,200 ล้านบาท โต 1.6 % เมื่อเทียบกับปีก่อน แม้จำนวนการใช้บริการ รวมถึงอัตราค่ารักษาและบริการเพิ่มขึ้น แต่ยังคงเผชิญกับกำลังซื้อ และการแข่งขันที่รุนแรง
ส่วนปี 2569 มูลค่าตลาดธุรกิจศัลยกรรมและเสริมความงามของไทยคาดโตราว 1.0 % จากจำนวนการใช้บริการที่ชะลอลง ส่วนการแข่งขันยังคงรุนแรงจากภาวะเศรษฐกิจที่กดดันต่อการทำรายได้และขยายฐานลูกค้า
ปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองในแวดวงศัลยกรรมและความงามที่มีการแข่งขันสูง เห็นได้จากคลินิกความงามจำนวนมากพยายาม
ยกระดับมาตรฐานของตนเองขึ้นมาเป็น “โรงพยาบาล” สะท้อนว่าไม่ใช่แค่การเปลี่ยนชื่อ แต่เป็นการปรับเปลี่ยนเชิงกลยุทธ์ โดยการใช้สถานะ “โรงพยาบาล” เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของคุณภาพความปลอดภัยที่เหนือกว่าและการดูแลที่ครบวงจร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
ไทย 'ฮับศัลยกรรม' ค่าใช้จ่ายถูก GenZ เข้าใช้บริการหัตถการพุ่ง
KPS มุ่งสู่ฮับศัลยกรรมความงามโลก จับมือเกาหลีตั้งเป้าปีนี้รายได้โต300%
ชูมาตรฐาน“รพ.ตติยภูมิ”ดูแลครบวงจร
“หมอโน้ต” นพ.สุเมธ บุญญเจตน์พงษ์ ผู้บริหารศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง KPS Kasemrad Plastic Surgery ในเครือโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ ให้สัมภาษณ์ “กรุงเทพธุรกิจ” ว่าภาพรวมของตลาดศัลยกรรมและความงามยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในส่วนของศูนย์ศัลยกรรมตกแต่ง KPS ในช่วงไตรมาส 1 และ 2 นั้นมีอัตราการเติบโตสูงถึง 200-300 % สะท้อนถึงกำลังซื้อและความต้องการของตลาดที่ยังคงแข็งแกร่ง แต่เมื่อเข้าสู่ไตรมาส 3 และ 4 อัตราการเติบโตทรงตัว ไม่ได้สูงขึ้นอย่างที่คาดการณ์ไว้
“ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ความไม่แน่นอนทางการเมือง ความขัดแย้งในต่างประเทศ และสถานการณ์ภัยพิบัติ น้ำท่วมที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นและกำลังซื้อของผู้บริโภค ฉะนั้นการแข่งขันในวงการศัลยกรรมและความงามจึงไม่ใช่เรื่องของราคา แต่ต้องเป็นการสร้างความไว้วางใจและมาตรฐานความปลอดภัยครบวงจรของรพ.ระดับตติยภูมิ ซึ่ง KPS ได้มีการกำหนดกลยุทธ์หลักใน 2 เรื่องสำคัญ คือ 1.มาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด โดยมีทีมแพทย์ครบทุกสาขาเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยครอบคลุมแก่ผู้บริโภค 2.ความชำนาญและประสบการณ์ของทีมศัลยกรรม เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและปลอดภัยสูงสุด”
ผู้บริโภคเน้นสร้างความมั่นใจ
“หมอโน้ต” นพ.สุเมธ กล่าวว่ากลุ่มผู้มาใช้บริการศูนย์ KPS จะเป็นคนไทย 80 % และชาวต่างชาติ 20 % โดยกลุ่มต่างชาติที่มีการเติบโตสูงขึ้น จะมาจากประเทศนิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย โดยเทรนด์ศัลยกรรมและความงามที่ได้รับความนิยมสูงสุด 3 อันดับแรก ในปีนี้และปีหน้า ได้แก่
1.การผ่าตัดกระเพาะอาหาร ลดน้ำหนัก
2.การยกกระชับและแก้ไขหน้าอก
3. การดึงหน้า
ซึ่งมีกลุ่มวัยกลางคนและผู้สูงอายุเป็นเป้าหมายหลัก ส่วน GenZ ก็มีมาใช้บริการมากขึ้นแต่จะเป็นเรื่องของการทำจมูก ทำตา ดูแลผิว ไม่ใช่การผ่าตัดใหญ่
“ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทัศนคติของผู้บริโภคต่อการทำศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม เทรนด์การทำศัลยกรรมถูกแทนที่ด้วยความต้องการที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น และการเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ควบคู่ไปกับเทรนด์การชะลอวัย (Anti-aging) ที่ได้รับความนิยมสูง ดังนั้น ในปีหน้าทาง KPS เพื่อหลีกหนี Red Ocean และสร้างการเติบโตที่ยั่งยืน นอกจากจะยกระดับการบริการแล้ว จะบุกตลาดสุขภาพเพศชาย ซึ่งในขณะนี้ผู้ชายหันมาใส่ใจสุขภาพมากขึ้น”
บุกตลาด“สุขภาพเพศชาย”
สำหรับบริการในกลุ่มสุขภาพเพศชายที่ KPS วางแผนจะพัฒนา อาทิ การปรับสมดุลฮอร์โมนเพศชาย เพื่อฟื้นฟูพละกำลังและความสดใสจากภายใน ,การฟื้นฟูความกระฉับกระเฉงและความเป็นชาย เพื่อคืนความมีชีวิตชีวาด้วยเทคโนโลยีทางการแพทย์ และหัตถการและศัลยกรรมเฉพาะทาง เสริมสร้างความมั่นใจและตอบสนองความต้องการส่วนบุคคลด้วยมาตรฐานทางการแพทย์
“หมอโน้ต” นพ.สุเมธ กล่าวต่อไปว่าเพื่อรองรับบริการกลุ่มใหม่ๆ KPS มีแผนลงทุนนำเข้าเทคโนโลยีและเครื่องมือแพทย์จากต่างประเทศ และตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนลูกค้าผู้ชาย จากปัจจุบันที่มีอยู่ราว 10-20 % ให้ขึ้นไปถึง 30 % เป็นการขยายฐานลูกค้า นอกจากนั้นจะเน้นการเพิ่มศักยภาพของศูนย์ทั้ง 4 แห่งที่มีอยู่ให้รองรับผู้ใช้บริการได้สูงสุด รวมถึงเพิ่มทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง เพื่อรองรับบริการใหม่ โดยเฉพาะด้านสุขภาพเพศชาย
แผนขยายเจาะกลุ่มตลาดต่างชาติ
“วิสัยทัศน์ระยะยาว 2-3 ปีข้างหน้า KPS มีแผนจะขยายศูนย์ไปยังโรงพยาบาลแห่งใหม่ของเครือเกษมราษฎร์ ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการช่วงปลายปี 2569-2570 และมีเป้าหมายสูงสุดคือการจัดตั้ง โรงพยาบาลศัลยกรรมความงามของเกษมราษฎร์โดยเฉพาะ”
รวมทั้ง ได้มีการวางกลยุทธ์ Medical Tourism KPS วางแนวทางที่แตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค เช่น ออสเตรเลีย/นิวซีแลนด์ จะ ใช้โมเดลความร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น (Local Partner) เพื่อประสานงานและสร้างความน่าเชื่อถือ ,เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ วางแผนขยายตลาดไปยังอินโดนีเซียและประเทศเพื่อนบ้าน ,ตะวันออกกลาง จะอาศัยช่องทางการตลาดของบริษัทแม่ (BCH) ซึ่งมีความแข็งแกร่งในภูมิภาคนี้อยู่แล้ว และประเทศจีน ที่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าเป็นตลาดที่ท้าทาย เนื่องจากอุตสาหกรรมความงามในจีนพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว
ความสวยต้องอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัย
ในปี 2569 ตลาดศัลยกรรมและความงามโดยภาพรวมอาจจะเผชิญกับภาวะทรงตัว แต่ยังมีโอกาสการเติบโตอย่างเห็นได้ชัด เพราะผู้คนต่างให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพ เทรนด์ Longevity กำลังมาแรง และความสวยความหล่อ เป็นสิ่งที่มักรอไม่ได้
“หมอโน้ต” นพ.สุเมธ กล่าวด้วยว่าKPS ยังคงให้ความสำคัญกับการให้ความรู้แก่ผู้บริโภค เพื่อการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและปลอดภัยที่สุดในการศัลยกรรมและการดูแลสุขภาพ ความงามของตนเอง เพราะตอนนี้มีสถานพยาบาลศัลยกรรมให้เลือกจำนวนมาก สิ่งที่อยากแนะนำผู้บริโภคก่อนตัดสินใจเลือกสถานพยาบาลศัลยกรรม ขอให้ดูความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาลว่าได้มาตรฐานสากล มีความพร้อมรอบด้าน มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีความชำนาญ มีประสบการณ์สูง และควรดูผลงานของแพทย์แต่ละท่าน ที่สำคัญอยากให้ความสำคัญกับความปลอดภัย มีทีมแพทย์ครบทุกสาขา เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มความปลอดภัยของผู้บริโภคที่จะได้รับ
“การทำศัลยกรรมเป็นการตัดสินใจที่ส่งผลต่อทั้งร่างกายและจิตใจ การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียดและตัดสินใจอย่างรอบคอบ คือสิ่งสำคัญที่สุด อยากให้ผู้บริโภคจำไว้เสมอว่า ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเกิดจากการผสมผสานของ สถานพยาบาลที่ปลอดภัย และศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการ รวมถึงต้องดูความปลอดภัย และคุณภาพ เพราะความสวยงามที่อยู่บนพื้นฐานของความปลอดภัย คือความสวยงามที่สมบูรณ์แบบที่สุด”







