‘น้ำ’ คือหัวใจของชีวิต | อาหารสมอง

‘น้ำ’ คือหัวใจของชีวิต | อาหารสมอง

ความรู้เกี่ยวกับสุขภาพมีมากมายในโซเชียลมีเดีย จริงบ้างเท็จบ้าง สำคัญบ้างไม่สำคัญบ้าง เรื่องที่ดูจะไม่ค่อยมีการกล่าวถึงบ่อยนักถึงแม้จะเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการมีชีวิตอยู่

และการมีสุขภาพที่ดี นั่นก็คือ “เหตุใดน้ำจึงมีความสำคัญ” และ “เวลาที่ดีที่สุดของการดื่มน้ำ”

“น้ำ” เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งของร่างกายรองจากออกซิเจน มนุษย์ส่วนใหญ่ขาดน้ำ 3-5 วัน ก็ตาย ส่วนออกซิเจนขาดเพียง 10-15 นาที ก็กลับบ้านเก่าแล้ว ทุกระบบในร่างกายมนุษย์ ทุกเนื้อเยื่อ ทุกเซลล์ ต้องการน้ำในการทำงาน เหตุผลใหญ่ ๆ มีดังต่อไปนี้ 

(1) น้ำควบคุมอุณหภูมิของร่างกาย เมื่อความร้อนขึ้นสูง เหงื่อจะออกและเมื่อระเหย ร่างกายก็จะเย็นลงถ้าไม่มีน้ำเพียงพอ ระบบความเย็นนี้ก็จะล้มเหลว ความร้อนที่มากเกินไปทำให้เกิดโรคลมแดด (Heat Stroke)

(2) น้ำทำให้เลือดไหลเวียนอย่างเป็นปกติ เลือดมีส่วนประกอบของน้ำอยู่ 95% น้ำช่วยทำให้ออกซิเจนไหลเวียน น้ำขนส่งอาหารไปยังเซลล์ต่างๆ และน้ำช่วยขจัดของเสียออกจากร่างกาย ถ้าร่างกายมีน้ำน้อยลง เลือดก็จะข้นมากขึ้น หัวใจก็ต้องทำงานหนักขึ้น

(3) น้ำจำเป็นสำหรับการย่อยอาหารและดูดซับแร่ธาตุสำคัญ น้ำช่วยผลิตน้ำลาย น้ำย่อยในกระเพาะอาหาร น้ำช่วยละลายธาตุอาหารเพื่อให้ผนังลำไส้ดูดซับได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้ระบบการขับถ่ายไหลลื่น โดยสรุปการขาดน้ำทำให้การย่อยอาหาร ภาวะท้องผูก และการดูดซับธาตุอาหารเลวลง 

(4) น้ำสนับสนุนการทำงานของสมอง สมองประกอบด้วยน้ำถึง 75% หากขาดน้ำต่ำกว่าระดับที่ควรเพียง 1-2% สามารถทำให้ปวดหัว ขาดสมาธิ เหนื่อยล้า อารมณ์แปรปรวน ปฏิกิริยาโต้ตอบช้าลง

(5) น้ำช่วยขจัดสารพิษ ไตซึ่งรับผิดชอบการขจัดสารพิษต้องการน้ำเพื่อกรองเลือดอันนำไปสู่ปัสสาวะ หากขาดน้ำปัสสาวะจะขุ่นข้น สารพิษสะสมในร่างกายมากขึ้นและมีความเสี่ยงที่จะเป็นนิ่วสูงขึ้น 

(6) น้ำช่วยหล่อเลี้ยงข้อต่อของกระดูกและเนื้อเยื่อ น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของน้ำไขข้อ กระดูกอ่อน หมอนรองกระดูกสันหลัง และการสร้างความชื้นในดวงตา น้ำช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้อย่างราบรื่น ลดการเสียดทานและความเจ็บปวด (7) น้ำเป็นตัวขับเคลื่อนการทำงานของกระบวนการทางเคมี เพื่อเปลี่ยนอาหารและของเหลวให้เป็นพลังงาน (Metabolism) 

น้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญของปฏิกิริยาเคมีนับพันอย่างที่เกิดขึ้นในร่างกาย เช่น ย่อยสลายอาหาร แปรเปลี่ยนพลังงาน ส่งผ่านพลังงานไปทั่วองคาพยพ ฯลฯ  (8) น้ำปกป้องอวัยวะโดยช่วยสนับสนุนความยืดหยุ่นมิให้เนื้อเยื่อเสียหาย เช่น สมอง กระดูกสันหลัง น้ำคร่ำในครรภ์ปกป้องทารก

(9) น้ำช่วยรักษาระบบความสมดุลของแร่ธาตุอิเล็กโทรไลต์ (Electrolyte) ในร่างกายอันได้แก่ โซเดียม โปแตสเซียม คลอไรด์ แคลเซียม ฯลฯ ซึ่งทำให้ร่างกายทำงานเป็นปกติ 

แร่ธาตุสำคัญคือ โซเดียมและโปแตสเซียม ถูกขับออกมาจากร่างกายผ่านเหงื่อ ปัสสาวะและอุจจาระ ร่างกายก็จะปรับความสมดุลผ่านการใช้น้ำซึ่งจะช่วยควบคุมการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ และจังหวะการเต้นของหัวใจ ด้วยเหตุผลดังกล่าวมานี้ น้ำจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ (ลอยกระทงครั้งหน้าพึงระลึกถึงพระคุณของพระแม่คงคาในเรื่องนี้ด้วย) 

อย่างไรก็ดีการดื่มน้ำแต่ละขณะก็มีผลต่อร่างกายแตกต่างกัน ลองมาดู “เวลาที่ดีที่สุดของการดื่มน้ำ” โดยนำมาจาก WebMD ซึ่งเป็นเว็บมีชื่อทางการแพทย์ของสหรัฐอเมริกา เมื่อปลายเดือนกันยายน 2568 เขียนโดย Janie McQueen ข้อแนะนำมีดังนี้

(1) ความรู้สึกว่าหิวข้าวนั้นจริง ๆ แล้วอาจเป็นการหิวน้ำ เพราะสมองสั่งงานในเรื่องหิวเหมือนกันโดยแยกไม่ออก ดังนั้น ควรดื่มน้ำเล็กน้อยและรอดู 2-3 นาทีจะได้รู้ว่าจริง ๆ แล้วหิวอะไร

(2) เมื่อตื่นนอนขึ้นมาสิ่งแรกที่ควรทำคือดื่มน้ำ เมื่อผ่านการอดอาหารมานาน มันจึงเป็นเวลาดีที่สุดที่ทำให้ร่างกายสดชื่น ถ้าจะให้ดีก็ควรบีบน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย (3) ดื่มน้ำทุกครั้งที่เสียเหงื่อไม่ว่าจากการเคลื่อนไหวปกติหรือออกกำลังกายเพื่อช่วยให้ร่างกายเย็นลง (4) ก่อน-ระหว่าง-หลัง การออกกำลังกาย ควรดื่มน้ำเพื่อชดเชยเหงื่อที่เสียไปราว 2-4 แก้วน้ำเสมอ

(5) เวลาป่วยไม่ว่าท้องเสีย อาเจียน หรือมีไข้ซึ่งอาจทำให้เสียน้ำ ควรดื่มน้ำมากกว่าปกติทันทีที่มีอาการ หลีกหนีแอลกอฮอร์หรือคาเฟอีนเพราะจะทำให้ร่างกายเสียน้ำมากขึ้น (6) ควรดื่มน้ำเมื่ออยู่บนเครื่องบินเสมอเพราะยิ่งบินสูง อากาศก็จะยิ่งแห้ง (7) ก่อนและหลังการนวด ควรดื่มน้ำเพื่อทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายก่อนการนวด และขับสารพิษออกมาหลังการนวด

(8) ตอนกลางของตอนบ่ายที่ร่างกายชักอ่อนล้า ดื่มน้ำเพื่อช่วยปรับอารมณ์ ความจำ และการรับรู้ทางการเห็น  (9) เมื่อปวดหัวตัวการที่มักทำให้เกิดไมเกรนคือ การขาดน้ำ การดื่มน้ำสักแก้วจะช่วยได้มาก

(10) ดื่มน้ำก่อนอาหารอาจช่วยลดน้ำหนัก มีงานศึกษาว่าการดื่มน้ำครึ่งลิตร (500 มิลลิลิตร หรือ 2 แก้ว) ก่อนอาหาร 30 นาที และดื่มบ่อย ๆ ทั้งวัน สามารถลดน้ำหนักได้ถึงกว่าครึ่งกิโลกรัมหลังจากผ่านไป 12 สัปดาห์ (11) ดื่มน้ำบ่อย ๆ เมื่อรู้สึกกระหาย โดยกระทำให้เป็นนิสัย เพราะร่างกายใช้น้ำตลอดเวลา

คำแนะนำของการดื่มน้ำที่เหมาะสมในยามปกติก็คือ น้ำสะอาดธรรมดาที่ไม่ต้องเจือปนด้วยน้ำตาลหรือเกลือแร่ ปริมาณคร่าว ๆ ของผู้ชายก็คือดื่มวันละ 3.7 ลิตรต่อวัน หรือ 5 ขวดเบียร์ (พูดถึงความจุของขวดนะครับมิใช่สิ่งที่อยู่ข้างใน) หญิง 2.7 ลิตรต่อวันหรือ 3.6 ขวดเบียร์ ปริมาณของน้ำนี้รวมของเหลวทั้งหมดอันได้แก่ น้ำดื่มอย่างปกติ น้ำซุป น้ำผลไม้ ชากาแฟ ฯลฯ

หากเป็นการดื่มน้ำตามปกติก็ประมาณ 6-8 แก้วน้ำต่อวันสำหรับคนทั่วไป หากร่างกายใหญ่โตและเคลื่อนไหวร่างกายมากก็เพิ่มมากขึ้นตัวเลขที่ระบุนี้คือ ปริมาณต่ำสุดในแต่ละวันเพื่อจำได้ง่าย ๆ

อย่าประมาทเรื่องการดื่มน้ำ เราได้ยินเรื่องราวการขาดน้ำของคนเป็นสโตรก มีอาการสมองมึนงง ร่างกายอ่อนเพลียผิดปกติ รู้สึกไม่สดชื่นแจ่มใส ฯลฯ บ่อยครั้งการไม่ดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นสาเหตุครับ