ถอดรหัส ‘หัวใจวายเฉียบพลัน’ ในคนอายุน้อย มักจาก 'ใหลตาย'

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเผย "หัวใจวายเฉียบพลัน" ในคนอายุน้อย มักมีสาเหตุหลักจากหัวใจเต้นผิดจังหวะจากห้องซ้ายล่าง เป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรือ ‘โรคใหลตาย’ ขณะที่มลพิษ ทำคนอายุน้อย “หัวใจขาดเลือด”แนวโน้มเพิ่ม
KEY
POINTS
- ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันในคนอายุน้อยมักมีสาเหตุหลักจากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะแต่กำเนิด หรือที่เรียกว่า "โรคใหลตาย"
- โรคนี้มีความเสี่ยงทางพันธุกรรม ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเสียชีวิตเฉียบพลันในวัยหนุ่มสาวควรตรวจคัดกรองด้วยคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
- ปัจจัยภายนอก เช่น ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ และสารกระตุ้นอย่างแอลกอฮอล์ สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการได้
- แนวโน้มโรคหัวใจขาดเลือดในคนอายุน้อยเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงจากมลพิษ PM 2.5 และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2568 นพ.เขตต์ ศรีประทักษ์ ผู้อำนวยการสถาบันโรคทรวงอก กรมการแพทย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคนอายุน้อยหัวใจวายเฉียบพลันเสียชีวิตว่า ภาวะหัวใจวายเฉียบพลันที่พบในข่าวทั่วไป โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุน้อย มักมีสาเหตุหลักมาจากการเกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ซึ่งหากเป็นจากหัวใจห้องซ้ายล่างจะเป็นสาเหตุให้เกิดหัวใจวายเฉียบพลันได้ โดยในผู้ที่อายุน้อยมักพบว่าสาเหตุนี้เป็นการเต้นผิดจังหวะที่เป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรือที่คุ้นเคยกันในชื่อโรคใหลตาย อย่างไรก็ตาม ยังมีภาวะอื่นที่สามารถเกิดขึ้นได้ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือลิ่มเลือดอุดตันในปอด
ภัยเงียบทางพันธุกรรม
การเกิดอาการหัวใจวายเฉียบพลันในคนอายุน้อยนั้น หากไม่ใช่เพราะโรคหัวใจขาดเลือดที่รุนแรง มักเป็นโรคที่เกิดจากพันธุกรรม ทำให้มีโอกาสที่อาการจะออกตั้งแต่อายุยังน้อยได้ หากบุคคลใดมีประวัติคนในครอบครัว โดยเฉพาะญาติพี่น้องสายตรง เสียชีวิตด้วยภาวะหัวใจวายเฉียบพลันในอายุยังน้อย และไม่สามารถอธิบายสาเหตุได้ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อป้องกัน
วิธีการคัดกรองที่สำคัญที่สุด คือ การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ เนื่องจากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะทางกรรมพันธุ์บางชนิด จะมีอาการแสดงออกทางคลื่นไฟฟ้าที่ช่วยให้แพทย์ทราบความเสี่ยงได้ หากตรวจพบความเสี่ยงรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาการฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ ซึ่งจะทำหน้าที่เหมือน "เซฟตี้คัต" ตัดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง ก่อนที่ผู้ป่วยจะเกิดอาการน็อกหรือเสียชีวิต การผ่าตัดนี้ถือเป็นการผ่าตัดเล็ก
ปัจจัยกระตุ้นต่อหัวใจ
“ผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะจากหัวใจห้องซ้ายล่างบางรายอาจไม่มีอาการเตือนใดๆ เลย ยกเว้นบางรายที่อาจมีอาการเตือน เช่น ใจสั่น ใจหวิว วูบ หรือเป็นลมหมดสติได้ง่ายโดยไม่มีสาเหตุที่อธิบายได้ แต่บางคนก็อาจมีอาการรุนแรงเฉียบพลัน จนเสียชีวิต ดังนั้น กลุ่มเสี่ยงจึงควรตรวจคัดกรอง”นพ.เขตต์ กล่าว
แม้ว่าภาวะนี้จะเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม แต่ก็มีปัจจัยภายนอกที่สามารถกระตุ้นให้เกิดอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะได้ง่ายกว่าปกติ ปัจจัยเหล่านี้รวมถึง ความเครียด การนอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ รวมถึงการรับสารกระตุ้นบางชนิด เช่น เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่กาแฟในบางราย ซึ่งอาจทำให้ใจสั่นได้
อายุน้อยหัวใจขาดเลือดเพิ่ม เหตุมลพิษ
นพ.เขตต์ กล่าวอีกว่า แนวโน้มการพบโรคหัวใจขาดเลือดในคนอายุน้อยมีจำนวนเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยเสี่ยงที่ควบคุมได้ เช่น เบาหวาน ไขมัน และความดัน รวมถึงปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้อย่าง มลพิษ PM 2.5 หรือฝุ่นพิษ ซึ่งมีการศึกษาทั่วโลกยืนยันว่า มลพิษเหล่านี้เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว โดยพบว่าในช่วงที่มีฝุ่นพิษสูง ความดันโลหิตของผู้คนจะสูงขึ้น ซึ่งสามารถกระตุ้นโรคหัวใจได้
ถามถึงเรื่องการนอนกรนเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ นพ.เขตต์ กล่าวว่า กรณีที่ไม่ใช่แค่การนอนกรนธรรมดา อาจทำให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ถือเป็นความเสี่ยง หากมีภาวะทางเดินหายใจอุดกั้นร่วมด้วย ซึ่งการเป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบเรื้อรังและเป็นนานๆ สามารถนำไปสู่ภาวะหัวใจโต โรคความดัน หรือหัวใจล้มเหลวตามมาได้ และหากผู้ป่วยมีความเสี่ยงอยู่เดิมหลายโรค อาจส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นหรือเต้นผิดจังหวะได้
“ผู้ที่นอนกรนมาก มีอาการง่วงกลางวัน ตื่นมาแล้วไม่สดชื่น หรืออ่อนเพลียบ่อย อาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับเข้ามาเกี่ยวข้อง และควรเข้ารับการตรวจวินิจฉัย”นพ.เขตต์ กล่าว
ประเด็นการเชื่อมโยงกับวัคซีน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีมีการพูดถึงความเชื่อมโยงกับวัคซีนโควิด-19 นพ.เขตต์ ให้ข้อมูลว่า ผลข้างเคียงของวัคซีนโควิดที่มีผลต่อหัวใจ ส่วนใหญ่มักเป็นภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ซึ่งจะเกิดอาการในระยะเวลาสั้นๆ หลังฉีด และมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก หากอาการเกิดขึ้นในระยะยาว 5-10 ปีหลังการฉีดวัคซีน อาจต้องพิจารณาว่าผู้ป่วยมีปัจจัยเสี่ยงจากโรคอื่นๆ ที่อาจไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์







