‘โพรไบโอติก พื้นเมืองไทย’ ทนทานส้มตำ เหมาะกับท้องไส้คนไทย

โพรไบโอติก ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องลำไส้ สายพันธุ์-ถิ่นกำเนิดส่งผลต่อประโยชน์ โพรไบโอติก พื้นเมืองไทย ทนอาหารอย่างส้มตำ-สิ่งแวดล้อม เหมาะกับคนไทยกว่าสายพันธุ์นำเข้า
KEY
POINTS
- โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยถูกคัดเลือกจากแหล่งอาหารและสิ่งแวดล้อมในประเทศ เช่น ผลิตภัณฑ์หมักพื้นเมือง จึงเหมาะสมกับระบบทางเดินอาหารของคนไทยมากกว่าสายพันธุ์นำเข้า
- มีคุณสมบัติเด่นคือทนทานต่อสภาพอาหารไทยที่มีรสจัดอย่างส้มตำ และทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ดี ทำให้มีชีวิตรอดในลำไส้ได้ดีกว่า
- นอกจากจะช่วยเรื่องสุขภาพลำไส้แล้ว โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยยังมีประโยชน์ด้านอื่น เช่น กระตุ้นภูมิคุ้มกัน และมีการพัฒนาเพื่อใช้ลดไขมันพอกตับในเชิงพาณิชย์
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา "โพรไบโอติก" ได้รับความสนใจอย่างมากในฐานะผู้ช่วยคนสำคัญด้านสุขภาพ ซึ่งจะส่งผลอย่างไรต่อร่างกายนั้น ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ แต่สิ่งที่คนทั่วไปยังไม่คุ้นเคย คือ โพรไบโอติกยังสามารถแบ่งตาม “ถิ่นกำเนิด”ได้ด้วย ซึ่งเป็นการคัดเลือกออกมาจากสิ่งแวดล้อมของพื้นที่นั้น อย่างโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย ก็เหมาะสมสภาพท้องไส้ของคนไทยที่รับประทานอาหารไทยๆมากกว่าสายพันธุ์นำเข้า
23 โพรไบโอติกที่อย.อนุญาต
“โพรไบโอติก (Probiotic)” หมายถึงจุลินทรีย์ที่มีชีวิต ซึ่งใช้ในอาหารและจะเกิดผลต่อสุขภาพก็ต่อเมื่อได้รับในปริมาณที่เพียงพอ
การใช้โพรไบโอติกในอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนั้น จะต้องเป็นไปตาม เงื่อนไขที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กำหนด คือ ได้รับอนุญาตจากอย. ว่ามีปริมาณโพรไบโอติกที่ยังมีชีวิตอยู่คงเหลืออยู่ไม่น้อยกว่า 106 CFU ต่ออาหาร 1 กรัม ตลอดอายุการเก็บรักษาของอาหารนั้น กรณีที่มีการใช้โพรไบโอติกมากกว่าหนึ่งชนิด ต้องมีปริมาณคงเหลืออยู่ไม่น้อยกว่า 106 CFU ต่ออาหาร 1 กรัม ตลอดอายุการเก็บรักษาของอาหารนั้นด้วย และต้องใช้สายพันธุ์ของโพรไบโอติกตามรายชื่อในบัญชีประกาศของ อย.
23 สายพันธุ์ของโพรไบโอติกที่มีรายชื่อในบัญชีประกาศของ อย.
- บาซิลลัส โคแอกกูแลน (Bacillus coagulans)
- บิฟิ โดแบคทีเรียม อะโดเลสเซนทิส (Bifidibacterium adolescentis)
- บิฟิ โดแบคทีเรียม อะนิมอลิส (Bifidobacterium animalis)
- บิฟิ โดแบคทีเรียม บิฟิ ดัม (Bifidobacterium bifidum)
- บิฟิ โดแบคทีเรียม เบรเว (Bifidobacterium breve)
- บิฟิ โดแบคทีเรียม อินฟานทิส (Bifidobacterium infantis)
- บิฟิ โดแบคทีเรียม แล็กทิส (Bifidobacterium lactis)
- บิฟิ โดแบคทีเรียม ลองกัม (Bifidobacterium longum)
- บิฟิ โดแบคทีเรียม ซูโดลองกัม (Bifidobacterium pseudolongum)
- เอ็นเทอโรค็อกคัส ดูแรน (Enterococcus durans)
11.เอ็นเทอโรค็อกคัส เฟเซียม (Enterococcus faecium)
12.แล็กโทบาซิลลัส แอซิโดฟิ ลัส (Lactobacillus acidophilus)
13.แล็กโทบาซิลลัส คริสปาทัส (Lactobacillus crispatus)
14.แล็กโทบาซิลลัส แก็สเซอรี (Lactobacillus gasseri)
15.แล็กโทบาซิลลัส จอห์นโซนอิ (Lactobacillus johnsonii)
16.แล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ (Lactobacillus paracasei)
17.แล็กโทบาซิลลัส รียูเทอรี (Lactobacillus reuteri)
18.แล็กโทบาซิลลัส รามโนซัส (Lactobacillus rhamnosus)
19.แล็กโทบาซิลลัส ซาลิวาเรียส (Lactobacillus salivarius)
20.แล็กโทบาซิลลัส ซีอี (Lactobacillus zeae)
21.โพรพิโอนิแบคทีเรียม อะราไบโนซัม (Propionibacterium arabinosum)
22.สแตปฟิ โลคอคคัส ไซน์ยูรี (Staphylococcus sciuri)
23.แซ็กคาโรไมซีส เซรีวิซิอีสับสปี ชีย์ บัวลาดิอิ (Saccharomyces cerevisiae subsp. Boulardii)
ตลาดโพรไบโอติก อัตราเติบโตเฉลี่ยปีละ 8%
ภญ.สุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เปิดเผยว่า กระแสรักสุขภาพเชิงป้องกันส่งผลให้ตลาดโพรไบโอติกในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2568 มีมูลค่าประมาณ 8,600 ล้านบาท และคาดว่าจะขยายตัวไปถึง 12,700 ล้านบาท ภายในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละประมาณ 8% จึงตลาดที่น่าจับตามองของผู้ประกอบการทั้งในและต่างประเทศ
ทว่า ปัจจุบันจุลินทรีย์โพรไบโอติกที่ใช้ในอาหารส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์นำเข้าจากต่างประเทศ ดังนั้น เพื่อสนับสนุนการพัฒนาจุลินทรีย์โพรไบโอติก สายพันธุ์ไทยให้มีการนำไปใช้ในอาหารอย่างแพร่หลายมากขึ้น
อย. ได้ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) ภายใต้โครงการ การประเมินความปลอดภัยและคุณสมบัติของจุลินทรีย์สายพันธุ์ไทย เพื่อผลักดันให้ “โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย" เป็นสินค้าดาวรุ่งที่มีศักยภาพแข่งขันในตลาดโลก โดยมีเป้าหมาย คือ
- ลดเวลา: เพิ่มรายการโพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยที่ผ่านการรับรองแล้ว เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถนำไปผลิตอาหารได้อย่างรวดเร็ว
- เพิ่มความมั่นใจ: ทวนสอบสายพันธุ์จุลินทรีย์ในตลาดและขอข้อมูลทางเทคนิคจากผู้ประกอบการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการลดขั้นตอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ที่มีโพรไบโอติกเป็นส่วนประกอบในอนาคต
โพรไบโอติก ไม่ได้ช่วยแค่เรื่องลำไส้
ล่าสุด บริษัท อินโนบิก (เอเชีย) จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทมุ่งขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ Life Science ของ กลุ่ม ปตท. ร่วมมือกับ บริษัท ที.แมน ฟาร์มาซูติคอล จำกัด(มหาชน) นำโพรไบโอติกพันธุ์ไทย 2 สายพันธุ์ จากงานวิจัยเข้าสู่เชิงพาณิชย์ มุ่งเน้นฟังก์ชันเฉพาะในการลดไขมันพอกตับ
ดร.ณัฐ อธิวิทวัส กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อินโนบิก (เอเซีย) จำกัด กล่าวว่า ตลาดโพรไบโอติกทั่วโลกและในประเทศไทยกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ตลาดโอกาสในการเติบโตยังอยู่ในระดับสูง เนื่องจากโพรไบโอติกไม่ได้มีประโยชน์แค่เรื่องของลำไส้เท่านั้น แต่ยังมีฟังก์ชันอื่น ๆ ที่กำลังเป็นที่สนใจและวิจัยเพิ่มเติม เช่น การลดน้ำตาล, คุณประโยชน์ต่อสมอง, ผิว, ภูมิคุ้มกัน, สุขภาพผู้หญิง, สิว, และเส้นผม
“เมื่อโพรไบโอติกถูกรับประทานเข้าไป จะออกฤทธิ์ที่ลำไส้เล็ก ซึ่งเป็นจุดที่มีการแลกเปลี่ยนสารอาหารกับเลือด หากเลือดมีคุณภาพที่ดี ก็จะสามารถไปหล่อเลี้ยงส่วนอื่น ๆ ทั่วร่างกายได้ดีด้วย ก็ส่งผลต่อส่วนอื่นๆของร่างกาย ไม่แค่เรื่องของลำไส้”ดร.ณัฐกล่าว
โพรไบโอติก สายพันธุ์ไทย ทนส้มตำ
ดร.ณัฐ กล่าวด้วยว่า โพรไบโอติก สายพันธุ์ไทย เหมาะกับคนไทยมากกว่าสายพันธุ์นำเข้า เพราะมาจากเชื้อในประเทศ ไทย สิ่งแวดล้อมไทย และคนไทยที่บริโภคอาหารไทย เช่น ส้มตำ ที่สำคัญคือ ทนได้กับอุณหภูมิในเขต ร้อน ทำให้มีระยะเวลาในการมีชีวิตดีกว่า
สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย ระบุว่า โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทยหมายถึงจุลินทรีย์ที่มีถิ่นกำเนิดหรือถูกคัดเลือกจากแหล่งอาหารหรือสิ่งแวดล้อมในประเทศไทย โดยเฉพาะจากผลิตภัณฑ์หมักพื้นเมือง เช่น นมเปรี้ยว, กะปิ, ปลาร้า, และน้ำหมักผลไม้ ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้มักได้รับการคัดเลือกจากคุณสมบัติที่เหมาะสม เช่น ความสามารถในการทนกรดและน้ำดี รวมถึงความสามารถในการยับยั้งจุลินทรีย์ก่อโรค
ประโยชน์ของจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ไทย
- เสริมสร้างสุขภาพทางเดินอาหาร – โพรไบโอติกช่วยรักษาสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดปัญหาท้องเสียและอาการลำไส้แปรปรวน
- กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน – จุลินทรีย์โพรไบโอติกบางสายพันธุ์สามารถเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันและลดการอักเสบในร่างกาย
- ผลิตสารต้านจุลินทรีย์ – หลายสายพันธุ์สามารถสร้างสารเช่นแบคทีริโอซินที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ก่อโรค
- ช่วยย่อยและดูดซึมสารอาหาร – จุลินทรีย์โพรไบโอติกบางชนิดช่วยเพิ่มการย่อยและดูดซึมแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น แคลเซียมและธาตุเหล็ก
ตัวอย่าง โพรไบโอติก สายพันธุ์ไทย เช่น แล็กโทบาซิลลัส พาราคาเซอิ (Lactobacillus paracasei) TISTR 2593 ,แล็กโทบาซิลลัส รียูเทอรี (Lactobacillus reuteri) TISTR 2736 ,แล็กโทบาซิลลัส ซีอี (Lactobacillus zeae) TISTR 2529 เป็นต้น







