กินเจต้องรู้! ผักทั่วไปกินได้ '5 ผักฉุน กลิ่นแรง'ที่ต้องงด

กินเจต้องรู้! ผักทั่วไปกินได้ '5 ผักฉุน กลิ่นแรง'ที่ต้องงด

ใกล้เข้ามาทุกที สำหรับ “เทศกาลกินเจ 2568” ซึ่งปีจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-29 ตุลาคม 2568 โดย “การกินเจ” จะเป็นการละเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์จากสัตว์

KEY

POINTS

  • "กินเจ" เป็นช่วงเวลาของการดูแลสุขภาพ เพราะงดเนื้อสัตว์แล้ว และผักที่ทานจะช่วยให้ย่อยง่าย ปรับสมดุลร่างกาย ขับของเสีย และฟื้นฟูระบบต่างๆ 
  • ผักฉุน กลิ่นแรง 5 ชนิดที่ต้องงดในช่วงเทศกาลกินเจ มีดังนี้ 1.กระเทียม 2.หัวหอมและผักชี 3.กระเทียมโทนจีน 4. กุยช่าย และ 5.ใบยาสูบ
  • สารเคมีที่ต้องระวังในช่วงกินเจ ได้แก่ กรดซาลิซิลิค ที่อยู่ในผัก ผลไม้ดอก ,สารฟอกขาว อยู่ในผัก แป้งและเส้นก๋วยเตี๋ยว และยาฆ่าแมลง

ใกล้เข้ามาทุกที สำหรับ “เทศกาลกินเจ 2568” ซึ่งปีจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-29 ตุลาคม 2568  โดย “การกินเจ” จะเป็นการละเว้นเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมถึงผลิตภัณฑ์จากสัตว์ เช่น ไข่ นม เพื่อทำความสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ เป็นการรักษาศีล ซึ่งคำว่า "เจ" (祭) ในภาษาจีนหมายถึง "อุโบสถ" ซึ่งเป็นการถือศีล

ดังนั้น นอกจากการงดอาหารแล้ว ยังรวมถึงการรักษาศีลธรรม ความบริสุทธิ์ และความสะอาดทางกาย วาจา และใจ

หลายคนอาจสงสัยว่า กินเจไปทำไม? บางคนอาจกินเพื่อสุขภาพ เพราะในทุกๆ วันเราต่างกินทุกอย่างที่กินได้ โดยเฉพาะเนื้อสัตว์ ยิ่งปิ้งย่าง เนื้อสัตว์ต้องไม่พลาด การกินเจตลอดระยะเวลา 3 วัน 5 วัน หรือ 10 วันแล้วแต่ความสะดวกและความต้องการของแต่ละคน จะเป็นการดูแลสุขภาพ เพราะอาหารเจส่วนใหญ่เป็นผักที่ย่อยง่าย ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ขับของเสีย และฟื้นฟูระบบต่างๆ ให้ทำงานดีขึ้น

ช่วยลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ  เนื่องจากการงดเนื้อสัตว์ช่วยลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด  และเป็นการชำระล้างจิตใจ เป็นการฝึกจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์ มีเมตตาต่อทุกชีวิต และละเว้นการเบียดเบียน ลดกรรม การไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเป็นการลดการก่อกรรม  และเป็นไปตามความเชื่อและศาสนา เพื่อสักการะพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม หรือพระพุทธเจ้า 7 พระองค์ และพระมหาโพธิสัตว์อีก 2 พระองค์ (รวม 9 พระองค์) เป็นการปฏิบัติธรรมตามหลักศีล 8 ในนิกายมหายาน เป็นโอกาสให้ร่างกายได้พักจากการบริโภคเนื้อสัตว์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

สุดยอด! 'อาหารสุขภาพของโลก' ที่คนรักสุขภาพไม่ควรพลาด

สิ่งที่ไม่ควรพลาด ทำทุกวันตอนเย็น สร้าง 'Longevity' อายุจะยืนยาว

พืชผักที่ห้ามกิน ในช่วงกินเจ

อย่างที่ทราบกันดีว่า “เทศกาลกินเจ” เป็นการงดเว้นเนื้อสัตว์ มุ่งบริโภคผักเป็นหลัก แต่รู้หรือไม่ว่า? มีผักบางชนิดที่ห้ามรับประทาน อย่างเจ้าผักที่มีรสหนัก มีกลิ่นฉุนแรง ซึ่งมีทั้งหมด 5 ชนิดด้วยกัน ได้แก่

1. กระเทียม (หัวกระเทียม, ต้นกระเทียม)

ห้ามกินกระเทียม ทั้งส่วนหัว และต้นของกระเทียม เพราะจะส่งผลต่อ ธาตุไฟ ทำให้เข้าไปทำลายระบบธาตุไฟในร่างกาย ซึ่งจะทำให้หัวใจทำงานผิดปกติ

2. หัวหอม พืชตระกูลหอม หัวหอมใหญ่ หอมแดง ต้นหอม และผักชี

ห้ามกินหอมทุกชนิดและผักชี (ยกเว้นผักชีฝรั่ง) ในช่วงที่กินเจ แพทย์แผนจีนมีความเชื่อว่าหอมทุกชนิดจะส่งผลกระทบต่อ ธาตุน้ำ ภายในร่างกาย ซึ่งจะเข้าไปทำลายการทำงานของไต ส่งผลให้ไตทำงานได้ไม่ปกติ

3. หลักเกียว หรือ กระเทียมโทนจีน

 ห้ามกินหลักเกียว หรือที่เรียกกันว่า กระเทียมโทนจีน เพราะจะส่งผลต่อระบบของ ธาตุดิน ในร่างกาย การทำลายธาตุดิน จะทำให้การทำงานของม้ามไม่ปกติ

 4. กุยช่าย

 ห้ามกินกุยช่าย ผักใบเขียวเล็กๆ แต่มีกลิ่นรุนแรง เป็นผักอีกหนึ่งชนิดที่ห้ามกิน เพราะจะมีผลกระทบต่อ ธาตุไม้ ซึ่งถ้าทำลายธาตุไม้ในร่างกาย จะทำให้ตับทำงานได้ไม่ปกติ

 5. ใบยาสูบ (บุหรี่, ยาเส้น, ของเสพติดมึนเมา)

 ละเว้นใบยาสูบ ไม่ว่าจะเป็นสูบบุหรี่ ยาเส้น หรือของเสพติดมึนเมาต่างๆ เพราะจะทำให้เข้าไปทำลาย ธาตุโลหะ หรือจะส่งผลกระทบต่อการทำงานของปอด ทำให้ปอดทำงานได้ไม่ปกติ

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าในพืชผักทั้ง 5 ชนิดนี้ มีสารพิษที่จะเข้าไปทำลายพลังธาตุทั้ง 5 ของร่างกาย ทำให้อวัยวะหลักสำคัญภายในร่างกายทำงานไม่ปกติ ซึ่งผู้ที่ไม่ควรกินอย่างยิ่ง คือ ผู้ที่ปฏิบัติสมาธิกรรมฐาน หรือผู้ที่กำลังฝึกการทำสมาธิ เพราะพืชผักต้องห้ามทั้งหลายนั้นมีฤทธิ์กระตุ้นจิตใจ ทำให้รู้สึกหงุดหงิด อารมณ์ร้อน โกรธง่าย และยังส่งต่อพลังธาตุในร่างกายรวมตัวกันไม่ติดอีกด้วย

ประโยชน์ของการกินเจ

1.กินเจช่วยให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักจากการทำงานหนักเป็นเวลานาน

อาหารเจส่วนใหญ่จะเน้นพืชและผักเป็นหลัก ผสมกับอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต และโปรตีนจากถั่วที่ย่อยได้ง่ายกว่าประเภทเนื้อสัตว์และไขมันมาก จึงทำให้ระบบย่อยอาหารได้หยุดพักจากการทำงานหนัก ๆ มาตลอดทั้งปี ทั้งกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ถุงน้ำดี ก็จะมีความแข็งแรงมากขึ้นด้วย

2.ล้างพิษให้กับร่างกายของเรา

ผัก ผลไม้ที่กินนอกจากจะย่อยง่ายแล้ว ยังเป็นกากใยชั้นเลิศที่ช่วยทำให้ระบบขับถ่ายและการย่อยอาหารทำงานได้ดี เมื่อกินเข้าไปมาก ๆ ก็จะช่วยขับของเสียและสารพิษที่ตกค้างอยู่ในร่างกายออกมา ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาท้องผูกที่เป็นปัญหาเรื้อรังสั่งสมมานานของใครหลายคนที่ชอบกินเนื้อ

3.ลดความเสี่ยงจากโรคร้าย

ไม่ว่าจะเป็นโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดและสมอง ไขมันอุดตันในเส้นเลือด ริดสีดวงทวาร โรคเกาต์ ฯลฯ ต้องชิดซ้าย ถ้าเรากินอาหารเจเป็นประจำ เพราะอาหารเจจำพวกผัก ผลไม้มีเส้นใยอาหารที่ช่วยป้องกันมะเร็ง ช่วยลดคอเลสเตอรอล ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ต่างจากอาหารจำพวกเนื้อแดงและไขมันที่เต็มไปด้วยไขมันที่ไม่ดีและคอเลสเตอรอลตัวร้ายที่คุกคามสุขภาพของเรา

4.ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง มีน้ำมีนวลขึ้น

ใครจะเชื่อว่าการกินเจก็ช่วยให้ผิวพรรณสดชื่นขึ้นได้ แต่นี่เป็นความจริงอย่างมิต้องคลางแคลงใจเลย เพราะวิตามิน แร่ธาตุ สารต้านอนุมูลอิสระในผัก ผลไม้ต่าง ๆ ยิ่งกินมากก็ยิ่งช่วยบำรุงผิวพรรณให้ดูเปล่งปลั่ง สดใส ไม่หย่อนคล้อยก่อนวัยอีกด้วย

5.ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย

เมื่อรับประทานอาหารเจเป็นประจำ จะทำให้เลือดได้รับการฟอกให้สะอาดขึ้นเรื่อย ๆ มีผลให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเสื่อมสลายช้าลง เราจะรู้สึกว่าตัวเองแข็งแรงและมีสุขภาพดีขึ้น ไม่เจ็บไม่ป่วยง่าย ๆ

6.ลดน้ำหนักได้ ถ้าหากเลือกกินแต่ของดี มีประโยชน์

ถึงแม้ว่าอาหารเจจะเน้นกินผักและธัญพืช แต่ก็มีแป้งด้วย แล้วยิ่งเราเลือกหม่ำเมนูที่ใช้น้ำมันผัด ๆ ทอด ๆ หรือปรุงรสด้วยน้ำตาลมากเกินไป ก็ไม่ต้องคิดเลยว่าอาหารเจของเราจะเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่จะช่วยลดความอ้วนได้ยังไง ดังนั้นถ้าอยากจะเห็นน้ำหนักที่ลดลงเมื่อกินอาหารเจไปได้สักพัก ก็ต้องเลือกกินเจให้ผอมตามนี้

  • เลือกกินข้าวหรือแป้งที่ไม่ขัดขาว เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีต ลูกเดือย ธัญพืชต่าง ๆ
  • เลือกผักใบมากกว่าพืชหัว เพราะผักใบมีคาร์โบไฮเดรตที่น้อยกว่าพืชหัวมาก ดังนั้น การกินผักใบจะทำให้เราได้พลังงานและปริมาณแป้งน้อยกว่าจึงไม่ทำให้อ้วน
  • เลือกกินของนึ่ง ต้ม ตุ๋น ดีกว่าของทอดและผัด เพราะช่วยให้เลี่ยงการกินน้ำมัน ซึ่งมีไขมันอยู่สูง
  • กินหวานให้น้อยลง ไม่ใช่ว่าเมื่อคุณกินเจแล้วจะสามารถกินขนมหวานได้เต็มที่ เพราะไม่ว่าจะเป็นอาหารเจหรือไม่เจ ถ้ามีความหวานและผสมน้ำตาลอยู่มากก็อ้วนได้ไม่ต่างกัน
  • ดื่มนมถั่วเหลืองไม่เกินวันละ 2-3 กล่อง
  • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปกับการกินอาหาร

สารพิษในผัก ผลไม้ ที่ผู้กินเจควรระมัดระวัง

  • กรดซาลิซิลิค

มักจะอยู่ในผักดอง ผลไม้ดองเพื่อป้องกันเชื้อรา เช่น ผักกาดดอง, ขิงดอง, มะม่วงดอง สารพิษนี้จะทำลายเซลล์ในร่างกาย เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ผื่นขึ้นตามร่างกาย และความดันต่ำ เป็นต้น

  • โซเดียมไฮโดรซัลไฟต์ หรือสารฟอกขาว

มักจะอยู่ในผัก แป้ง และเส้นก๋วยเตี๋ยว เช่น ถั่วงอก, เห็ด, หน่อไม้ และดอกไม้จีน เป็นต้น เมื่อร่างกายสะสมสารพิษนี้เข้าไปบ่อยๆ จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, ปวดท้อง, ท้องเสียอย่างรุนแรง, หายใจลำบาก และปวดศีรษะ เป็นต้น

  •  ยาฆ่าแมลง

มักจะอยู่ในผัก ผลไม้สด สารพิษนี้เป็นพิษต่อระบบประสาท จะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้, อาเจียน, วิงเวียนศีรษะ และทำให้ร่างกายไม่แข็งแรงได้

อย่างไรก็ตาม เทศกาลกินเจตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน หรือตรงกับเดือน 11 หรือเดือนของไทย เป็นประเพณีของจีนโบราณมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่น นอกจากการไม่รับประทานเนื้อสัตว์แล้ว การทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ไม่โกรธ ไม่หงุดหงิด พูดหยาบว่าร้ายใคร ก็จะทำให้สุขภาพกาย และสุขภาพจิตใจนั้นดีขึ้นอีกด้วย

อ้างอิง:โรงพยาบาลบางปะกอก 3 ,โรงพยาบาลเพชรเวช