ดื่ม 'น้ำอัดลม'มากๆ เปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้ เสี่ยง'ซึมเศร้า'

ดื่ม 'น้ำอัดลม'มากๆ เปลี่ยนจุลินทรีย์ในลำไส้ เสี่ยง'ซึมเศร้า'

ถึงกระแสรักสุขภาพจะมาแรง แต่สำหรับคนที่หลงใหลรสชาติที่อร่อย สดชื่น และให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าของ “น้ำอัดลม”

KEY

POINTS

  • งานวิจัยใหม่จาก JAMA Psychiatry กันยายน 2025 โดย Thanarajah และทีมวิจัยนานาชาติ พบว่า การดื่มน้ำอัดลมสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า ผ่านการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้
  • แกนลำไส้–สมอง (gut–brain axis) คือกลไกที่เป็นได้ ตัวจุลินทรีย์ผลิตสารสื่อประสาท ส่งสัญญาณไปยังสมองผ่านเส้นประสาทเวกัส (vagus nerve) และคุมอารมณ์ จุลินทรีย์ขาดสมดุล อารมณ์ก็ล่ม ก็ดิ่ง
  • แก้วน้ำซ่าที่เราดื่มเพื่อ “แก้เครียด” อาจกำลังเขียนโปรแกรมใหม่ให้จุลินทรีย์ในลำไส้ และสิ่งที่ลำไส้ส่งขึ้นไปบอกสมองนั้น กลับกลายเป็นความรู้สึกเศร้า เหงา หรือซึมแทน

ถึงกระแสรักสุขภาพจะมาแรง แต่สำหรับคนที่หลงใหลรสชาติที่อร่อย สดชื่น และให้ความรู้สึกกระปรี้กระเปร่าของ “น้ำอัดลม” โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อน หรือเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้า และรู้ว่า “การดื่มน้ำอัดลมบ่อยๆ” มีผลเสียต่อสุขภาพ เช่น เสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน ฟันผุ และโรคไต

นอกจาก ผลเสียต่อสุขภาพกายแล้ว ยังมีผลต่อสุขภาพใจร่วมด้วย "องค์การอนามัยโลก (WHO)" ระบุว่า โรคซึมเศร้าและโรควิตกกังวลเป็นความผิดปกติทางจิตสองชนิดที่พบบ่อยที่สุด ทั่วโลกมีจำนวนผู้ป่วยโรคซึมเศร้า 322 ล้านคน และผู้ป่วยโรควิตกกังวล 264 ล้านคน โดยมีจำนวน 40.27 ล้านคน และ 36.17 ล้านคน ตามลำดับ ในภูมิภาคยุโรป โรคทั้งสองชนิดนี้เกี่ยวข้องกับการสูญเสียสุขภาพและการทำงานอย่างมีนัยสำคัญ โรคทางจิตเป็นสาเหตุของภาระโรคทั้งหมด 13% เช่นเดียวกับโรคอื่นๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือดและโรคระบบไหลเวียนโลหิต

มีการเสนอว่าพฤติกรรมการรับประทานอาหาร อาหาร เครื่องดื่ม และสารอาหารที่แตกต่างกันอาจส่งผลต่อลักษณะที่ปรากฏ อาการ หรือความรุนแรงของโรคทางจิตเวช กาแฟ ชา และเครื่องดื่มอัดลมเป็นเครื่องดื่มที่บริโภคมากที่สุดทั่วโลกโดยไม่ผสมแอลกอฮอล์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

อย. แจง ‘โค้ก’ เรียกคืนน้ำอัดลม หลังพบสารคลอเรตเกินมาตรฐาน

สุขภาพยุคใหม่ 'พญาไท พหลโยธิน' พลิกโฉมสู่ 'Flagship Hub'

ทำไม? ดื่มน้ำอัดลมสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า

ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การบริโภคน้ำอัดลมในปริมาณมากได้กลายเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญ งานวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการบริโภคน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูงมีความสัมพันธ์กับอัตราการเกิดโรคซึมเศร้า (MDD) ที่สูงขึ้น [และอัตราการเกิดอาการซึมเศร้าที่สูงขึ้นในวัยรุ่นและผู้ใหญ่

หลักฐานเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคน้ำอัดลมและอาการวิตกกังวลส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่วัยรุ่น: นักเรียนที่บริโภคน้ำอัดลม ≥7 ครั้งต่อสัปดาห์มีอาการวิตกกังวลสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้บริโภค

กาแฟและชาเป็นแหล่งคาเฟอีนหลักของโลก งานวิจัยแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบผกผันระหว่างการบริโภคกาแฟกับอาการซึมเศร้า

นอกจากนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างชาและอาการซึมเศร้าไม่ได้เกิดจากอคติทางภูมิศาสตร์ (การศึกษาส่วนใหญ่มาจากประชากรชาวเอเชีย) และผลการศึกษาพบว่ามีความแตกต่างกัน ในการศึกษาแบบตัดขวางและแบบไปข้างหน้าขนาดใหญ่ ไม่พบความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคชาเขียวกับอาการซึมเศร้าในกลุ่มประชากรวัยทำงานในญี่ปุ่น

สำหรับอาการวิตกกังวล การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบเมื่อเร็วๆ นี้ระบุว่าการเสริม L-theatine (L-THE) อาจช่วยลดความเครียดและความวิตกกังวลในผู้ที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด  ผลการศึกษาที่คล้ายคลึงกันนี้พบในการทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบอีกฉบับหนึ่ง ซึ่งรวมถึงการศึกษาเชิงสังเกตและการศึกษาแบบ RCT: การบริโภคชาเขียวมีอิทธิพลต่อการลดอาการวิตกกังวล 

ส่วนคาเฟอีน การบริโภคสามารถบรรเทาอาการซึมเศร้าได้ ในขณะที่คาเฟอีนในปริมาณสูงอาจทำให้เกิดความวิตกกังวล  

จุลินทรีย์ขาดสมดุล อารมณ์ก็ล่ม ก็ดิ่ง

 

ผศ.นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท ได้ให้ความรู้ผ่านเพจ สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ เมื่อวันที่ 27 กันายน เกี่ยวกับเรื่อง การดื่มน้ำอัดลมเปลี่ยนจุลินทรีย์ทำให้ซึมเศร้า ความว่าผู้ป่วยภาวะซึมเศร้ามีจำนวนมากจริงๆ ไม่ว่าจะสังคม ผู้คนหรือโลก ไม่ได้กล่าวลอยๆ แต่มันมีหลักฐานจริง ผู้ร้ายที่ถูกกล่าวโทษมากที่สุด คือ โซเชียลมีเดีย (social media) การเสพสังคมออนไลน์

วันนี้มีผู้ร้ายตัวใหม่มานำเสนอ มันคือ “น้ำอัดลม” ที่เราชอบดื่ม ชอบกินทั่วบ้านทั่วเมือง น้ำอัดลม ควรเป็นเหตุแห่งความสุขไม่ใช่หรือ ในวันที่อากาศร้อนจนแทบละลาย เสียงเปิดฝาขวดน้ำอัดลม เสียง “ปุ๊ง” ที่ดังขึ้น เหมือนจะปลดล็อกความสุขทันทีที่กลิ่นซ่าลอยออกมา แต่ความสุขชั่วคราว มันจะเป็นการก่อตัวของการเปลี่ยนแปลงจุลินทรีย์ในลำไส้ ให้ก่อความเศร้าแบบที่เราไม่ตั้งใจ

งานวิจัยใหม่จาก JAMA Psychiatry กันยายน 2025 โดย Thanarajah และทีมวิจัยนานาชาติ พบว่า การดื่มน้ำอัดลมสัมพันธ์กับภาวะซึมเศร้า ผ่านการเปลี่ยนแปลงของจุลินทรีย์ในลำไส้ อ่านดูก็แปลก

จุลินทรีย์ที่เกี่ยวข้องชื่อ Eggerthella และ Hungatella มันอาศัยอยู่ในตัวเรามานาน บางชนิดช่วยเราย่อยอาหาร บางชนิดช่วยสร้างสารที่สมองใช้ เช่น ซีโรโทนิน (serotonin) และโดปามีน (dopamine) แต่เมื่อสมดุลเปลี่ยนไป ผลลัพธ์ก็อาจไม่ใช่แค่ท้องอืด แต่อาจลามไปถึงอารมณ์และความคิด

กลไกที่นักวิจัยพูดถึงมีอยู่หลายทาง

 

แกนลำไส้–สมอง (gut–brain axis) คือกลไกที่เป็นได้ เหมือนหากเครียด เราก็ท้องผูกท้องเสีย ตัวจุลินทรีย์ผลิตสารสื่อประสาท ส่งสัญญาณไปยังสมองผ่านเส้นประสาทเวกัส (vagus nerve) และคุมอารมณ์ จุลินทรีย์ขาดสมดุล อารมณ์ก็ล่ม ก็ดิ่ง

นอกจากนี้ น้ำตาลสูงจากน้ำอัดลมที่ shoot ขึ้นในเลือดอย่างรวดเร็ว อาจกระตุ้นจุลินทรีย์บางชนิดให้ปล่อยสารก่อการอักเสบ (pro-inflammatory cytokines) ทำให้สมองอยู่ในสภาพ “หม่นหมอง” มากขึ้น

พูดให้ง่ายคือ แก้วน้ำซ่าที่เราดื่มเพื่อ “แก้เครียด” อาจกำลังเขียนโปรแกรมใหม่ให้จุลินทรีย์ในลำไส้ และสิ่งที่ลำไส้ส่งขึ้นไปบอกสมองนั้น กลับกลายเป็นความรู้สึกเศร้า เหงา หรือซึมแทน

แต่แน่นอนครับ…บริษัทน้ำอัดลมไม่ได้เล่าเรื่อง Eggerthella หรือ cytokines ให้เราเห็นในโฆษณา เขาเล่าเพียงว่า น้ำอัดลมคือความสดชื่นของเพื่อนฝูง ความสุขของครอบครัว และสัญลักษณ์แห่งความสนุก จนผู้บริโภคยอม “จ่ายค่าตั๋วเข้าสู่ภาวะซึมเศร้า” ที่อาจเป็นภัยไม่รู้ตัว

มันมีหลายปัจจัย ซึมเศร้า ไม่ใช่ ทุก คนดื่มจะเป็นดื่มได้ แต่อย่าบ่อยครับ

อ้างอิง: National Library of Medicine , เพจ สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์