เด็กใช้สื่อเอนเตอร์เทน 7 ชม./วัน  2-3 ปีอยู่หน้าจอไม่ควรเกิน 1 ชม./วัน

เด็กใช้สื่อเอนเตอร์เทน 7 ชม./วัน  2-3 ปีอยู่หน้าจอไม่ควรเกิน 1 ชม./วัน

2-3 ขวบสมองเด็กพัฒนาการที่เร็วมาก ควรให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการมีปฎิสัมพันธ์กับพ่อแม่ดีกว่าจอคอมพิวเตอร์ เด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่ควรใช้เวลาหน้าจอเลย สังเกตอาการลูก รีบพาพบจักษุแพทย์

นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ในยุคดิจิทัลโทรศัพท์มือถือไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือสื่อสาร แต่ยังกลายเป็นสิ่งใกล้ตัวของเด็กๆ หลายครอบครัว ไม่ว่าจะใช้เพื่อความบันเทิง การเรียนรู้ หรือการติดต่อกับคนรอบข้าง อย่างไรก็ตาม การให้เด็กเล็กใช้มือถือนั้นมีทั้ง ผลดี และ ผลเสีย  โดย เฉพาะต่อ “ดวงตา” ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่กำลังพัฒนา หากปล่อยให้ใช้เกินความเหมาะสม ย่อมส่งผลเสียต่อสายตา สมาธิ การนอน และพัฒนาการทางร่างกาย การสร้างสมดุลด้วยการจำกัดเวลา พักสายตา และส่งเสริมการเล่นกลางแจ้ง จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดสำหรับสายตาและสุขภาพของเด็กน้อยในยุคดิจิทัล             

นพ.กิตติวัฒน  มะโนจันทร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) กล่าวเพิ่มว่า เด็กเป็นกลุ่มเป้าหมายหนึ่งที่สำคัญ จากการที่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตใช้งานไม่ยาก มีซอฟต์แวร์น่าใช้ดึงดูดการใช้งาน นอกจากนี้ ผู้ปกครองยังนิยมใช้เป็นสื่อหนึ่งในการเพิ่มทักษะต่างๆ ให้แก่เด็ก โดยอาจขาดความรู้เท่าถึงต่อโทษที่จะตามมาโดยเฉพาะปัญหาสุขภาพตา พบว่าเด็กมักใช้เวลาวันละประมาณ 7 ชั่วโมงไปกับสื่อเอนเตอร์เทน

อีกด้าน ของสติปัญญาการพัฒนาทางอารมณ์และสังคมพบว่าการใช้สื่อต่างๆ เป็นเวลานานส่งผลต่อความตั้งใจเรียนที่โรงเรียนลดลง พฤติกรรมการกินการนอนผิดไปและเกิดโรคอ้วนตามมา ปัญหาทางตาที่พบจากการใช้สื่ออุปกรณ์เหล่านี้ได้แก่ปวดศีรษะ ปวดตา ตาแห้ง เคืองตา   ตามัว และเสี่ยงสายตาสั้นก่อนเวลาอันควร

พญ.จิราภา ทรงเพ็ชร์มงคล แพทย์เฉพาะทางด้านจักษุวิทยาเด็กและตาเข  กล่าวเสริมว่า มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์แสงสีฟ้ามีความกระเจิงแสงทำให้เกิดความไม่สบายตาในการมองและอาจมีผลต่อคุณภาพการนอนหลับ ปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยรองรับว่า แสงสีฟ้าก่อโรคต่อดวงตาชัดเจน เพราะฉะนั้นแว่นตาตัดแสงสีฟ้า อาจจะมีประโยชน์ในแง่ช่วยให้มองภาพสบายตามากขึ้น มีคำถามว่าลูกน้อยควรใช้เวลาหน้าจอเท่าไรต่อวัน

จักษุแพทย์แนะว่าหากเด็กเล็กอายุน้อยกว่า 2 ปี ไม่ควรใช้เวลาหน้าจอเลย และในช่วงอายุ 2-5 ปี ใช้เวลาหน้าจอไม่เกิน 1 ชั่วโมงต่อวัน และในช่วงอายุ 6 ปี ขึ้นไปควรใช้เวลาหน้าจอไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน

 สำหรับคำแนะนำในการดูแลลูกน้อยในขณะใช้หน้าจอ คือ 1. ควรพักสายตาเมื่อลูกน้อยใช้หน้าจอ โดยใช้หลัก 20-20-20 โดยพักจากหน้าจอทุก 20 นาที พักสายตาโดยมองวัตถุที่ไกลออกไปประมาณ 20 ฟุต และพักเป็นเวลาอย่างน้อย 20 วินาที

2. ปรับแสงสว่างให้เพียงพอ วางหน้าจอคอมพิวเตอร์ ห่างประมาณ 25 นิ้ว ปรับหน้าจอความเข้ม ความสว่างให้พอดี

3.การใช้น้ำตาเทียม อาจมีประโยชน์สำหรับกรณีมีอาการตาแห้งร่วมด้วย

และ4. ควรพบจักษุแพทย์ หากลูกน้อยมีอาการกระพริบตาบ่อย มองภาพไม่ชัด มีตาเข ปวดศีรษะ วิธีสังเกตถ้าเด็กในปกครองมีอาการ เช่น อาจจะบ่นปวดตาหรือแสบตา ตาแดง กระพริบตาบ่อย หรือเอามือขยี้ตาควรรีบพบจักษุแพทย์ทันที

“เพื่อสุขภาพกายที่ดี ลดเสี่ยงสายตาสั้นและเพื่อให้เกิดการพัฒนาของสติปัญญา ทางจิตใจ อารมณ์ และสังคม แนะนำให้เด็กๆ มีกิจกรรมกลางแจ้งหรืออ่านหนังสือ และที่สำคัญสมองเด็กมีพัฒนาการที่เร็วมากในช่วงอายุ 2-3 ขวบ ปีแรก จึงควรให้เด็กๆ ได้เรียนรู้จากการมีปฎิสัมพันธ์กับพ่อแม่ดีกว่าจอคอมพิวเตอร์” พญ.จิราภากล่าว